เป็นดังที่ The 1975 ได้เคยบอกไว้ว่า หลังจากปล่อยอัลบั้มล่าสุด “A Brief Inquiry Into Online Relationships” ก็จะมีอีกอัลบั้มหนึ่งตามมาติดๆซึ่งใช้ชื่อว่า  “Notes on a Conditional Form” และตอนนี้ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะออกนี้ก็ได้ปล่อยออกมาแล้ว โดยมีชื่อว่า “The 1975”

เหมือนจะเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่ในทุกๆอัลบั้มของ “The 1975” จะต้องขึ้นต้นอัลบั้มด้วยเพลงที่มีชื่อว่า “The 1975” ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นเพลงที่เน้นบรรยากาศ ไม่มีเนื้อร้องอะไรชัดเจนนอกจากเนื้อความสั้นๆ ว่า “Go down, soft sound…” ที่ร้องวนไปมาอย่างล่องลอยจนจบเพลง แต่คราวนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อได้ “เกรต้า ธันเบิร์ก” (Greta Thunberg) สาวน้อยนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดนวัย 16 ปี มาร่ายสุนทรพจน์ด้านสิ่งแวดล้อมอันหนักแน่นของเธอลงไปบนท่วงทำนองอันลอยพริ้วและงดงามจาก The 1975 โดยมีการบันทึกเสียงกันที่สตอกโฮล์มเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ “The 1975” จากอัลบั้ม “Notes on a Conditional Form” กลายเป็นเพลงที่สองของ The 1975 ที่ไม่ได้ร้องโดย แมตตี้ ฮีลลีย์  โดยเพลงแรกคือเพลง The Man Who Married a Robot / Love Theme จากอัลบั้ม “A Brief Inquiry Into Online Relationships” ที่ร้องโดย Siri นั่นเอง !

สำหรับ เกรต้า ธันเบิร์ก เธอคือ สาวน้อยตัวเล็กๆจากสวีเดนที่เห็นความสำคัญอันเร่งด่วนที่เราจะต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องโลกใบนี้จากปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศซึ่งกำลังเลวร้ายขึ้นทุกวัน การต่อสู้ของเธอเริ่มต้นเมื่อเธออายุ 15 ปี เรียนอยู่เพียงเกรด 9 เธอจะโดดเรียนทุกวันศุกร์เพื่อไปนั่งอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อประท้วงเรื่องสภาพภูมิอากาศ เธอโดดนานอยู่อย่างนั้นราวสามสัปดาห์ จนบรรดาครูๆที่พยายามเกลี้กล่อมให้เธอกลับมาเรียนก็รู้สึกอินไปกับเธอด้วย ส่วนพ่อและแม่ของเธอคือ  มาเลนา แอร์นมัน (Malena Ernman) นักร้องโอเปรา และ สวันเตอ ธันเบิร์ก (Svante Thunberg) นักสเก็ตน้ำแข็ง ที่ก่อนนี้เคยเกลี้ยกล่อมให้เธอเลิก ก็ต้องเปลี่ยนใจและให้การสนับสนุนสาวน้อยที่เปี่ยมไปด้วยพลังใจคนนี้

เกรต้า มีลักษณะนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้เธอจะดูเป็นเด็ก แต่ก็ชอบพูดจาเหมือนผู้ใหญ่  ทำหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ไม่ค่อยมีเพื่อนนัก แต่ชอบมีสุนัขเป็นเพื่อน ด้วยเหตุที่ว่าเธอมีอาการของโรค แอสเพอร์เกอร์ ซินโดรม (Asperger Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติทางการทำงานของระบบประสาท ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของออทิสติก ที่มีปัญหาทางด้านพฤติกรรม และพัฒนาการทางด้านการพูด ทำให้เธอมีปัญหาบ่อยครั้งกับการผูกสัมพันธ์กับผู้คน และมีความหมกมุ่นกับสิ่งที่ตนสนใจค่อนข้างสูง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มาพร้อมพรสวรรค์ด้วยเช่นกัน เกรต้าสามารถจำสูตรเคมี อ่านข้อความกลับหลัง และพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว และด้วยความที่เธอเป็นคนหมกมุ่นในสิ่งที่สนใจอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู มันจึงทำให้เธอไม่เคยยอมแพ้ในสิ่งที่เธอกำลังต่อสู้ในทุกวันนี้เลย

เกรต้าได้เล่าถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ The 1975 ในครั้งนี้ว่า

“ฉันรู้สึกมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในการส่งสารของฉันไปยังผู้ฟังในวงกว้างด้วยวิถีทางใหม่ ฉันคิดว่ามันเยี่ยมมากที่ The 1975 เป็นวงที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ เรามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องดึงผู้คนในสังคมจากทุกสาขาให้เข้ามารวมกัน และด้วยความร่วมมือกับ The 1975 ในครั้งนี้ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งใหม่ๆที่ได้เกิดขึ้นมา”

Play video

เรามาดูเนื้อความฉบับเต็มของเกรต้าจากบทเพลง “The 1975” กันครับ

“We are right now in the beginning of a climate and ecological crisis, and we need to call it what it is 

An emergency.

We must acknowledge that we do not have the situation under control, and that we don’t have all the solutions yet; unless those solutions mean that we simply stop doing certain things.

We must admit that we are losing this battle. We have to acknowledge that the older generations have failed.

All political movements in their present form have failed,

but Homo sapiens have not yet failed.

Yes, we are failing, but there is still time to turn everything around. We can still fix this.

We still have everything in our own hands,

but unless we recognise the overall failures of our current systems, we most probably don’t stand a chance.

We  are facing a disaster of unspoken sufferings for enormous amounts of people,

and now is not the time for speaking politely or focusing on what we can or cannot say.

Now is the time to speak clearly.

Solving the climate crisis is the greatest and most complex challenge that Homo sapiens have ever faced. The main solution, however, is so simple that even a small child can understand it: we have to stop our emissions of greenhouse gases,

and either we do that, or we don’t.

You say that nothing in life is black or white, but that is a lie, a very dangerous lie.

Either we prevent a 1.5 degree of warming, or we don’t; either we avoid setting off that irreversible chain reaction beyond human control, or we don’t;

either we choose to go on as a civilization, or we don’t.

That is as black or white as it gets because there are no grey areas when it comes to survival.

Now  we all have a choice: we can create transformational action that will safeguard the living conditions for future generations, or we can continue with our business as usual and fail.

That is up to you and me.

And yes, we need a system change rather than individual change, but you cannot have one without the other.

If you look through history, all the big changes in society have been started by people at the grassroots level

people like you and me.

So, I ask you to please wake up and make the changes required possible.

To do your best is no longer good enough.

We must all do the seemingly impossible.

Today, we use about 100 million barrels of oil every single day.

There are no politics to change that; there are no rules to keep that oil in the ground.

So, we can no longer save the world by playing by the rules, because the rules have to be changed.

Everything needs to change, and it has to start today.

So, everyone out there, it is now time for civil disobedience. It is time to rebel.”

 

เนื้อความส่วนใหญ่จากในบทเพลงนี้มาจากสุนทรพจน์ที่เธอเคยกล่าวไว้ในงาน World Economic Forum เมื่อเดือนมกราคมปี 2018

Play video

สรุปใจความสำคัญจากบทเพลงนี้ได้ว่า

“ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤติทางสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่ต้องกล่าวว่าเป็น “ภาวะฉุกเฉิน” และเราต้องยอมรับว่าคนในรุ่นก่อนนั้นพ่ายแพ้ในการแก้ไขมัน แต่ถึงอย่างนั้นมนุษยชาติก็ยังไม่ไร้ซึ่งความหวัง อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือไม่ทำมันก็เท่านั้นเอง

ถึงแม้ปัญหานี้จะยิ่งใหญ่และซับซ้อน แต่หนทางแก้ไขนั้นมีวิธีหลัก ๆ ที่เรียบง่ายและใครก็ทำได้นั่นคือ “ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” 

และต้องไม่มีสีเทาให้เลือก ถ้ามันเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของชีวิต ต้องเลือกขาวหรือดำเท่านั้น เราต้องตัดสินใจที่จะหยุดมัน

และเรารอคอยความหวังจากใครไม่ได้ จงรู้ไว้ว่าตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดจากคนรากหญ้า เช่นเธอและฉัน เพราะฉะนั้นเราจงร่วมใจกันเพื่อการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

และนี่คือเวลาแห่ง “อารยะขัดขืน” (Civil Disobedience) และมันคือช่วงเวลาแห่งการ “ขบถ” !!!”

 

Source

https://genius.com/The-1975-the-1975-noacf-annotated

https://pitchfork.com/news/the-1975-share-new-song-with-climate-activist-greta-thurnberg-listen/?fbclid=IwAR1EMWM1tuF3ATf6WvmAxOOVm2mem67-mNLpZj7wjvqQJfL9YincawSqrvQ

https://www.theguardian.com/music/2019/jul/25/time-to-rebel-greta-thunberg-makes-musical-debut-on-the-1975-track?fbclid=IwAR0LmvNvv1-uxoivGRtMBdfWKR5hjsHv12zXZrvug4_E9xFqKpjEz6PMr7M

https://themomentum.co/somethingbetween-greta-thunberg/

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส