ข่าวนี้น่าจะสร้างความหงุดหงิดขุ่นเคืองให้กับแฟน ๆ มังงะ Space Adventure Cobra เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เติบโตมาทันในยุค 80s – 90s จะต้องรักมังงะสุดมันส์เรื่องนี้ สลัดอวกาศเจ้าเสน่ห์ ผู้มีแขนซ้ายเป็นไซโคกัน ปืนอานุภาพทรงพลังที่สุดในจักรวาล เรื่องราวการผจญภัยของคอบร้าเป็นที่รักของนักอ่านเพศชายมาหลายทศวรรษ เนื้อหาในแต่ละตอนที่คอบร้าได้เผชิญระหว่างท่องอวกาศไปกับ “เลดี้” อาเมอรอยด์สาวหุ่นเซ็กซี่ กับ “เตอร์เติ้ล” ยานคู่ใจนั้นสนุกและเต็มไปด้วยจินตนาการสุดล้ำของ เทราซาวะ บูอิจิ ผู้เขียน
เทราซาวะ บูอิจิ ให้กำเนิด Space Adventure Cobra ออกมาในปี 1978 -1984 มีจำนวนทั้งหมด 20 เล่ม ความนิยมของมังงะทำให้ได้ต่อยอดมาเป็นภาพยนตร์และอนิเมะ บ้านเราตีพิมพ์ในยุคที่ยังไม่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจในชื่อ “เห่าไฟสายฟ้าคอบร้า” เชื่อว่าแฟน ๆ ของคอบร้าต่างก็ใฝ่ฝันว่าอยากเห็นภาพของคอบร้ากลายมาเป็นภาพยนตร์ที่ใช้วิทยาการล้ำหน้าทางด้านสเปเชียลเอฟเฟกต์ของฮอลลีวู้ดมาเนรมิตจินตนาการของเทราซาวะ บูอิจิ ออกมาได้สมจริง ในระหว่างที่รอคอยอยู่นั้น ปี 1990 ผู้กำกับพอล เวอร์โฮเวน ก็ปล่อยหนังแอ็กชัน Total Recall ที่มี อาร์โนลด์ ชวาร์เซนเนกเกอร์ รับบทนำออกมา เนื้อหาละม้ายกับ Space Adventure Cobra อย่างมาก เป็นที่โจษจันจากแฟน ๆ มังงะในยุคนั้น แต่ทีมงานก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้รับอิทธิพลใด ๆ มาจากมังงะเรื่องนี้
แล้วในปี 2010 ก็เหมือนว่าความฝันนั้นจะเป็นจริง เมื่ออเล็กซานเดอร์ อาจา ผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญชาวฝรั่งเศสประกาศว่าได้เป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์ในการดัดแปลง Space Adventure Cobra เป็นภาพยนตร์แต่เพียงผู้เดียว เหมือนเป็นข่าวดีที่ยินดีได้ไม่เต็มที่นัก เพราะมังงะสุดรักของสาวกทั่วโลก ตกอยู่ในมือของผู้กำกับที่ถนัดแต่งานสยองขวัญ และผลงานของเขาก็อยู่ในฝั่งมะเขือเทศเน่าล้วน ๆ แต่อเล็กซานเดอร์ ก็ยืนยันว่าเขารักคอบร้าอย่างจริงจัง เขาให้สัมภาษณ์ว่ารัก Space Adventure Cobra มาตั้งแต่เด็ก เลิกเรียนกลับบ้านจะรีบเปิดทีวีดูอนิเมะคอบร้า ในขณะที่เด็ก ๆ รุ่นเดียวกับเขาในยุโรปต่างก็หลงใหลกับ Star Wars แต่สำหรับเขาคือ Space Adventure Cobra
ปี 2011 อเล็กซานเดอร์ อาจา ปล่อยโปสเตอร์แรกของหนัง ใช้ชื่อว่า Cobra: The Space Pirate อออกมาพร้อมกับแปะป้ายว่า Summer 2013 สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ ยกใหญ่ แม้ว่าภาพดังกล่าวจะเป็นภาพเขียนจากจินตนาการด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ แต่อเล็กซานเดอร์ก็ให้ข่าวคืบหน้าว่าโพรเจกต์จะดำเนินงานสร้างโดยผู้ผลิตในฝรั่งเศส บริษัท Onyx และ Studio 37 ใช้ทุนสร้างทั้งหมด 100 ล้านเหรียญ โดยอเล็กซานเดอร์ อาจา จะรับหน้าที่กำกับ หนังมีกำหนดฉายในช่วงซัมเมอร์ 2013 หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวใด ๆ จากหนัง แม้แต่ข่าวนักแสดงที่มารับบทเป็นคอบร้า แต่แล้วพอถึงปี 2013 ทุกอย่างก็เงียบกริบ
ปี 2014 นักข่าวได้ถาม อเล็กซานเดอร์ อาจาถึงถามความคืบหน้าของหนัง Cobra: The Space Pirate เขาให้เหตุผลว่าโพรเจกต์ล่าช้าไปเล็กน้อย เพราะว่าการที่มี Guardians of the Galaxy ออกมาในปีนั้น มันแทบจะเป็นหนังคู่แฝดกับ Space Adventure Cobra ของเขาเลย แล้วยิ่งปีหน้าจะมี Star Wars: The Force Awakens ก็ยิ่งเป็นจุดสิ้นสุดของโพรเจกต์หนัง Cobra: The Space Pirate (เกี่ยวไรวะ?)
มาถึงปี 2015 นักข่าวก็ยังคงถามอเล็กซานเดอร์ อาจา เกี่ยวกับความคืบหน้าของ Cobra: The Space Pirate ทุกครั้งที่ได้เจอเขา รอบนี้เขาตอบว่า โพรเจกต์ยังคงเดินหน้าอยู่ (เดินนานจัง) แต่ว่าขั้นตอนการหานักแสดงนำนั้นยากมาก (เพิ่งมาหาตอนนี้เหรอ) และเขายังคงควบหน้าที่อำนวยการสร้างและกำกับเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หนังจะสร้างจากบทภาพยนตร์ที่เขาเขียนร่วมกับคู่หู เกรกอรี เลวาสซัวร์ เช่นเคยครับจากนั้น ก็หายเงียบไปยาวนานถึง 3 ปี
ปี 2018 อเล็กซานเดอร์ อาจา ได้ไปออกรายการ “Post Mortem with Mick Garris” กับพิธีกร มิก แกร์ริส มีคำถามว่า Cobra: The Space Pirate จะเป็นโพรเจกต์ต่อไปของเขาใช่ไหม อเล็กซานเดอร์ ตอบได้แบบไร้ความหวังว่า มันยังคงเป็นโพรเจกต์ในฝันของเขา เพราะขั้นตอนเตรียมการสร้างเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก ๆ ตอนนี้โพรเจกต์มาอยู่กับค่ายใหญ่อย่าง ไลออนเกตส์ แล้ว ภายในบริษัทก็มีการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารใหม่อีกด้วย ทีมใหม่ก็ไม่ค่อยมั่นใจกับโพรเจกต์นี้นัก แล้วต้นทุนที่จะสร้างก็บานไปถึง 130 ล้านเหรียญแล้ว
จนถึงวันนี้ในปี 2019 อเล็กซานเดอร์ อาจา ก็ออกมาพบปะสื่ออีกครั้งในฐานะผู้กำกับหนังสยองขวัญเรื่องล่าสุด Crawl ที่กำลังจะลงโรงบ้านเราในสัปดาห์นี้ เป็นโพรเจกต์ที่เขาทำงานร่วมกับผู้อำนวยการสร้าง แชม ไรมี ในระหว่างทัวร์โปรโมต Crawl นักข่าวก็ยังคงถามถึง Cobra: The Space Pirate เช่นเคย เพราะเขาถือครองสิทธิ์มา 10 ปีแล้ว โดยไม่มีความคืบหน้ากับโพรเจกต์แม้แต่น้อย รอบนี้ได้คำตอบใหม่ว่า “ผมไม่คิดว่าจะทำ Cobra: The Space Pirate ในช่วงนี้ มันยากเกินไปนะสำหรับโลกที่เต็มไปด้วยหนัง Star Wars แบบนี้ (แน่ะ! โทษหนังชาวบ้านเขาอีก) แต่ผมก็หวังว่า “สักวัน” จะทำมันออกมา ตอนนี้ผมอยากอยู่กับแนวที่ผมถนัด ผมชอบที่จะหาช่องทางทำให้คนดูตกใจกลัวไปเรื่อย ๆ ไม่มีช่วงเวลาไหนเหมาะไปกว่าตอนนี้ ที่จะทำหนังแบบนี้ออกมา”
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องทำใจล่ะครับ ตอนนี้อยากรู้อย่างเดียวว่า สัญญาในการถือครองสิทธิ์การสร้างนี้มีอายุกี่ปี แล้วเมื่อไหร่สิทธิ์จะได้เปลี่ยนมือสักที โพรเจกต์ออกมาช้าแต่อยู่ในมือผู้กำกับที่เก่ง ถนัดแนวไซไฟ-แอ็กชัน และมีบารมีต่อรองกับสตูดิโอมากกว่านี้ก็น่าจะดีกว่า หนังก็จะออกมาสมบูรณ์แบบพร้อมกับทุนสร้างที่อลังการสมกับการรอคอยอันยาวนาน