ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตา มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนาอยู่บนโต๊ะหนึ่งตัว ไมค์โครโฟน 1 ตัว และเก้าอี้พอดีจำนวนคน ฟากหนึ่งคือบุคคลทางดนตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นใหญ่ท่านหนึ่ง เป็นเจ้าของเทศกาลดนตรีชื่อดังระดับประเทศ… ไม่สิ อาจจะระดับทวีปเลยก็ว่าได้ ใบหน้าของเขาคือโลโก้ของ BIG MOUNTAIN MUSIC FESTIVAL รวมทั้งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคอนเสิร์ตเล็กใหญ่มากมายในประเทศไทย ใช่แล้วครับ เขาคือ “ป๋าเต็ด ยุทนา บุญอ้อม”
อีกฝั่งเป็นแรปสตาร์ ซึ่งชั่วโมงนี้ถ้าวัดเฉพาะเรื่องความดัง ความจัดจ้าน อาจถือได้ว่าเป็นเบอร์ต้น ๆ ของวงการเลยทีเดียว การันตีจากงานโชว์มากมาย แทบทุกคืน หรือแม้กระทั่งมาตรวัดยุคนี้ที่นิยมใช้กันอย่างยอดวิว YouTube ซึ่งในช่องเขายอดวิวรวมพ้น 500 ล้านวิวไปแล้ว และไม่มีวี่แววจะเบาลงเลยสำหรับ YOUNGOHM แรปเปอร์ดาวรุ่ง อายุ 20 ปีที่อีกไม่กี่วันก็เข้า 21 เต็มตัว
ป๋าเต็ด: วันนี้สังเกตว่าคุณไม่ได้มาคนเดียว
ยังโอม: ใช่ครับ ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อน ๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งพวกเราใช้ชื่อว่า Already Deadd ที่รวมคนรู้จักของเราไว้ เราใช้ชื่อนี้เพราะเรารู้สึกว่าเราเป็นคนที่ตายไปแล้ว Already Deadd เราผ่านเรื่องแย่ ๆ กันมาด้วยกัน และหลังจากนี้ เราจะใช้ชีวิตเหมือนคนที่ตายไปแล้ว คือ เราก็เป็นคนปกติแหละ แต่แค่ทุกวันเราจะใช้ให้มันสุดไป เพราะว่า “พรุ่งนี้จะตาย มันก็ไม่สำคัญ เพราะคนที่ตายไปแล้วจะไม่กลัวตาย” ประโยคนี้มันเป็นคำพูดของ Malcolm X นักพูดและนักรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิมและชาวอเมริกันผิวดำ
ป๋าเต็ด: ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารายการ Rap Is Now ทำให้วงการแรปในประเทศไทยเหมือนได้กลับมาเกิดใหม่ เราอยากรู้ว่าในมุมมองของพวกคุณ รายกายนี้มีอิทธิพลมากมายขนาดไหน
ยังโอม: มากเลยครับ… สิ่งที่ Rap Is Now ทำมันมีอิทธิพลกับวงการแรปในยุคนี้มาก คือตอนนั้น Rap Is Now เป็นการแบทเทิล ให้แรปเปอร์มาแรปด่ากัน สู้กัน คือ ณ ตอนนั้นมันใหม่มาก คนก็เลยสนใจ อีกอย่างมันเหมือนทุกคนได้แต่ฝึกแรปที่บ้าน ไม่มีโอกาสได้โชว์ เวที Rap Is Now ก็เลยเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ไปปล่อยของ ไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
แต่ยอมรับว่าช่วงนั้นคนเข้าใจแค่ว่าแรป หรือฮิปฮอปมันต้องด่ากันอย่างเดียว ซึ่งความจริงไม่ใช่ ยังมีแรปอีกหลายแบบ หรืออย่างเช่นในรายการก็จะมีแรปเปอร์บางคนที่นอกจากจะแข่งแล้วก็ยังทำเพลงด้วย อย่างผมก็ทำเพลงไปด้วยแล้วก็ไปแข่งด้วย ก็เลยมีแฟนคลับจาก Rap Is Now ตามมาฟังเพลงที่ผมทำ จนเป็นการเปิดให้คนทั่วไปได้รู้ว่าแรป หรือฮิปฮอปไม่ได้มีแค่แรปด่าอย่างเดียว ยังมีคนที่ทำเพลงได้ด้วย แรปแบบอื่น ๆ ได้ด้วย
ป๋าเต็ด: เวลาแรปแบทเทิลกัน มันดูด่ากันจริง ๆ สมจริงมาก ๆ มีโกรธกันไหม เพราะคำที่ใช้บางทีมันด่าพ่อล่อแม่กันเลย?
ยังโอม: สำหรับผม ผมไม่โกรธ แต่คนที่โกรธก็มีนะ แต่ผมถือว่าไม่มีน้ำใจนักกีฬา มันก็เหมือนต่อยมวยกันอ่ะพี่ มันก็ต้องมีเจ็บ มีต่อยหัวแตกเลือดสาด แต่มันก็มีกติกา แต่ก็ไม่โกรธกัน เพราะมันอยู่ในกติกา แต่มันก็จะมีบางสนามที่เขาสร้างกติกาขึ้นมา เช่น ห้ามด่าพ่อ อะไรแบบนี้ ซึ่งผมก็จะไม่ไปแข่งนะ เพราะผมชอบด่าพ่อ คือผมรู้สึกว่าจังหวะนั้นถ้ามันจะต้องด่า มันก็ต้องด่าเลย นี่คือการด่าจริง ๆ เหมือนเราสู้อ่ะพี่ เราจะมาแยป มายึกยักทำไม เราก็ต่อยให้แม่งตายคาหมัดเราไปเลยพี่ แค่นั้นเองพี่
สำหรับผม ผมไม่โกรธ แต่คนที่โกรธก็มีนะ
แต่ผมถือว่าไม่มีน้ำใจนักกีฬา
ป๋าเต็ด: แต่เราไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเหยียดหยามบุพการีเขา?
ยังโอม: ใช่ครับ มันคือเกมที่เราด่ากันได้จริง ๆ ซึ่งบางทีไอ้คำด่านั้นมันไม่จำเป็นต้องจริงก็ได้ มันอาจจะเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่มันตลก ๆ ฮา ๆ หน่อย แต่สำหรับผม ผมชอบด่าจริง ๆ (หัวเราะ) คือผมชอบเอาจุดอ่อนของเขามาด่า ผมรู้สึกว่ามันเข้าเป้า คนดูมันเฮ และเสียงเฮมันมาจากตรงนี้ แต่เอาจริง ๆ ผมนั่งคำนวณนะ ผมดูทุกคลิปจาก Rap Is Now ทั้งหมด ผมจะดูว่าที่คนเฮ มันเฮอะไร มันชอบอะไร แล้วผมก็ยิงเข้าไปตรงนั้น ซึ่งถ้าบางคนจิตใจไม่ไหว เขาก็จะหลุด แล้วก็จะแรปไม่รู้เรื่องไปเลยบนเวที ซึ่งคนแบบนี้มันมี
ป๋าเต็ด: พูดถึงแรป พูดถึงฮิปฮอป มันมีทั้งคนที่เข้าใจและต่อต้าน รังเกียจ ดูถูก หรือกระทั่งเหยียดหยาม เรารู้สึกยังไงกับคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้
ยังโอม: สำหรับผมนะ… สมัยก่อนช่วงที่ผมเริ่มเจออะไรแบบนี้ใหม่ ๆ ก็ทำตัวไม่ถูกเลย ผมก็มีโกรธเหมือนกัน แค้น ไปพิมพ์ด่าคืนอะไรแบบนั้น แต่พอกาลเวลามันผ่านไป ผมก็ได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงว่า คนพวกนี้ไม่ได้สำคัญอะไรกับเราเลย ต่อให้เขาด่าผมแรงแค่ไหน ถ้าผมไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมก็ไม่เป็นอยู่ดี ผมรู้ว่าผมมีคนที่เข้าใจ เพื่อนผมรู้ว่าผมเป็นยังไง ผมจะแคร์แค่คนที่หวังดีกับผม รวมทั้งคนอื่น ๆ ด้วยที่หวังดีกับผม ผมขอบคุณและดีใจมาก ส่วนคนที่ต่อต้านผมไม่ค่อยสนใจ
สมมติเจอคอมเมนต์แย่ ๆ ผมก็ อืม… อ่านเสร็จแล้วก็เลื่อนผ่านไปเพื่อไปเจอคอมเมนต์ดี ๆ ต่อ แต่อีกมุมมันก็เป็นสิ่งที่เตือนเราด้วยว่า มันไม่มีอะไรที่จะดีไปตลอด ทุกอย่างมันมีขาวกับดำเสมอ ในดีมีไม่ดี ในไม่ดีก็มีดี ผมก็เลยไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น
ป๋าเต็ด: แล้วคุณจัดการกับความสำเร็จที่เข้ามาอย่างรวดเร็วยังไง?
ยังโอม: ยอมรับว่าเคยแอบหลง ๆ ไปนิดนึง แต่เราก็เตือนสติตัวเองทันว่าแบบ ความสุขที่แท้จริงก็แค่แบบ มึงก็ร้องเหี้ยอะไรของมึงไป แบบที่คนเขาไม่เข้าใจนั่นแหละ ที่คนเขาบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องอะไร แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ผมมีความสุขที่สุด
ผมไม่รู้นะว่าอนาคตมันจะดิ่งลง หรือมันจะขึ้น หรือมันจะอะไรผมไม่สน ผมไม่กลัว ผมแค่มีหลัก ผมทำเหมือนเดิม วันแรกผมมีความสุขกับเพลงยังไง วันนี้ผมก็มีความสุขแบบนั้น อีกอย่างตอนนี้ผมก็เป็นตัวเอง ไม่เคยปลอมทั้งหน้ากล้อง หลังกล้อง หรือกับคนรอบตัว ผมเป็นยังไงก็เป็นอย่างงั้น ผมทำเพลงผมก็เป็นตัวเอง ผมมีความสุขตลอดเวลา ถ้าเทียบกับตอนที่ผมโดนคนอื่นกดดัน ตอนนี้ผมว่าผมอิสระมาก ๆ สิ่งที่ผมคิดอย่างเดียวเวลาว่างคือ “ผมจะสร้างอะไร ไม่ได้คิดกังวลอะไร”
เราก็เตือนสติตัวเองทันว่าแบบ ความสุขที่แท้จริงก็แค่แบบ
มึงก็ร้องเหี้ยอะไรของมึงไป แบบที่คนเขาไม่เข้าใจนั่นแหละ
ที่คนเขาบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องอะไร
แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ผมมีความสุขที่สุด
ป๋าเต็ด: ยอมรับว่าเมื่อเทียบกับอายุ คุณเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จมาก อยากรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่เขามองเรายังไง?
ยังโอม: ผมไม่เคยบอกอะไรเขาเลยนะ ผมทำอย่างเดียว ตอนนี้ผมคือหัวหน้าครอบครัว เพราะผมพิสูจน์ไปแล้วว่าผมทำได้ ผมดูแลครอบครัวได้ และทุกคนก็มีความสุข แค่นั้นแหละ ผมสบายใจแล้ว และผมก็จะไปสร้างสรรค์อะไรเล่นของผมต่อ
ป๋าเต็ด: สิ่งที่จะทำให้พ่อแม่สบายใจได้ คือการที่เราดูแลตัวเองได้ และเราชอบอะไร เรามุ่งมั่นที่จะทำมันจริง ๆ ไม่ใช่เหยาะแหยะ หรือทำอย่างไม่ตั้งใจ และทุกอย่างเมื่อตั้งใจแล้ว และเราทำมันได้ดี มันก็จะประสบความสำเร็จ… เอาละ วันนี้ขอบคุณยังโอมมาก ๆ ที่มาพูดคุยกัน
ยังโอม: เช่นกันครับป๋า ขอบคุณมาก ๆ ครับ
ติดตามสัมภาษณ์ฉบับเต็มได้ที่นี่:
ขอบคุณรูปภาพจากเฟซบุ๊ก: YOUNGOHM ป๋าเต็ด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส