If I lay here
If I just lay here
Would you lie with me
And just forget the world?
หลังจาก “Chasing Cars” บทเพลงที่มาพร้อมท่วงทำนองแห่งรักอันฉ่ำเย็นและพลังอันเปี่ยมล้น จากวงร็อกแห่งไอร์แลนด์เหนือ “Snow Patrol” ถูกปล่อยออกมาในปี 2006 มันก็ได้เปลี่ยนวงดนตรีวงนี้ให้กลายเป็นหนึ่งในวงที่จะต้องถูกจดจำในประวัติศาสตร์ ส่วนตัวเพลงเองก็กลายเป็นเพลงยอดนิยมที่ถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการทีวี โฆษณา และอื่นๆอีกมากมาย
ล่าสุดบทเพลง “Chasing Cars” จากวง Snow Patrol ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเพลงที่มีการเล่นมากที่สุดในศตวรรษที่ 21 สร้างความปลื้มปริ่มให้กับนาย แกรี่ ไลท์บอดี้ (Gary Lightbody) ฟรอนต์แมนของวงวัย 43 ปีผู้แต่งบทเพลงนี้ยิ่งนัก
ย้อนกลับไปในปี 2006 Chasing Cars บทเพลงฮิตจากอัลบั้มชุดที่สี่ “Eyes Open” (2006) เป็นความสำเร็จของ Snow Patrol ต่อจาก “Run” ซิงเกิลฮิตในอัลบั้มก่อนหน้านี้ “Final Straw” (2003) ซึ่งต่อมาเพลงนี้ได้กลายเป็นซิงเกิลที่ขายดีถล่มทลายในบัดดลหลังจากที่มันเพิ่งถูกปล่อยออกมา ยิ่งต่อมามันถูกเอาไปใช้ประกอบซีรีส์เรื่องดังจากอเมริกาเรื่อง “Grey’s Anatomy” ทำให้ซิงเกิลนี้ยิ่งขายดีเข้าไปใหญ่ โดยมียอดขายอยู่ที่ 4 ล้านก๊อปปี้ !! ยอดนี้แค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นนะ
13 ปีต่อมา บริษัทที่ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์เพลงในสหราชอาณาจักรนาม “PPL” ได้ฟันธงว่า Chasing Cars คือเพลงที่มีการเล่นมากที่สุดในรายการวิทยุและโทรทัศน์ของสหราชอาณาจักรในศตวรรษที่ 21 ถึงแม้ว่ามันจะยังมีอีก 81 ปีที่เหลือในศตวรรษนี้ก็ตาม
“มันเป็นเพลงรักที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่ผมเคยเขียนมา”
รู้หรือไม่ว่าเพลงนี้ แกรี่ใช้เวลาเขียนเพียงแค่ชั่วราตรีเดียวในปี 2005 โดยในคืนนั้นเขาไม่ได้เขียนแค่เพลงนี้เพลงเดียว หากแต่เขียนทีเดียวรวดถึง 10 เพลง !!
“มันไม่น่าเป็นไปได้เลยที่เพลงนี้จะอยู่ยืนยงจนกลายเป็นเพลงที่เปิดเล่นมากที่สุดในวิทยุ มันเป็นเรื่องที่พิเศษสุดจริงๆ”
แกรี่ ได้เล่าถึงเรื่องราวในวันที่เขียนเพลงนี้ขึ้นมาว่า
“ผมอยู่ในสตูดิโอกับโปรดิวเซอร์ของเราคือ Jackknife Lee เขียนเพลงรวดเดียว 10 เพลงภายในเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงในคืนนั้น และห้าเพลงในนี้ถูกเอาใส่ไว้ในอัลบั้ม Eyes Open ซึ่งมีเพลง Chasing Cars รวมอยู่ด้วย นี่เป็นครั้งแรกและเพียงครั้งเดียวที่มันเกิดขึ้น ปกติแล้วผมจะเขียนเพลง 10 เพลงและจะไม่เล่นหรือโชว์มันให้ใครฟังเลย”
“ [Chasing Cars] มันเป็นเพลงรักที่บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่ผมเคยเขียนมา มันไม่มีเรื่องแบบว่าเตรียมแทงข้างหลังอะไรแบบนั้น เมื่อตอนที่ผมได้อ่านทวนเนื้อเพลง ผมรู้สึกได้ว่า ‘โอ้ มันแปลกมากเลย’ เพราะเพลงรักที่ผมเขียนส่วนใหญ่นั้น มักจะมีความดาร์กอยู่ด้วยเสมอ”
ส่วนวลี “Chasing Cars” อันเป็นชื่อเพลงนั้น มีที่มาจากพ่อของแกรี่ที่แซวลูกชายตัวเองเรื่องการจีบสาวว่า
“ลูกดูเหมือนหมาที่กำลังวิ่งไล่ล่ารถอยู่เลย ลูกจะไม่มีวันวิ่งไล่ทันมันและถึงแม้ลูกจะทำได้ ลูกก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าจะต้องทำยังไงต่อไป”
“มันจะเป็นช่วงเวลาที่งดงามเสมอเมื่อเราได้เล่นมัน”
Chasing Cars สามารถเอาชนะเพลง “I Gotta Feeling” ของ Black Eyed Peas ที่ปล่อยออกมาในปี 2009 จนเพลงนี้ถูกขยับไปอยู่ที่สอง ส่วนเพลง “Happy” ของ Pharrell Williams ที่ปล่อยออกมาหลังจากนี้ 6 ปีก็ขยับมาอยู่ในลำดับที่ 3 แกรี่ ได้พูดถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า
“มันไม่น่าเชื่อเลย ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร”
เขาพยายามพูดถึงเสน่ห์ของเพลงนี้ที่ทำให้มันเป็นที่นิยมว่า
“มันเป็นเพลงที่เปิดกว้างทางอารมณ์และเรียบง่าย เป็นเพลงรักที่ไม่ชวนเขินอาย ซึ่งเรามีเพลงแบบนี้ไม่ค่อยมากนัก วิธีที่มันทำให้แฟนเพลงของเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกันคือสิ่งที่ผมรู้สึกชื่นชมมันมากที่สุด มันจะเป็นช่วงเวลาที่งดงามเสมอเมื่อเราได้เล่นมัน”
มาดูความหมายของเนื้อเพลงแบบเต็มๆกันครับ
[Verse 1]
We’ll do it all
Everything
On our own
We don’t need
Anything
Or anyone
เราจะทำมันทั้งหมด
ทุกๆสิ่ง
ด้วยตัวเราเอง
เราไม่ต้องการอะไร
หรือใครทั้งนั้น
[Chorus]
If I lay here
If I just lay here
Would you lie with me
And just forget the world?
ถ้าฉันนอนลงตรงนี้
ถ้าฉันเพียงนอนลงที่ตรงนี้
เธอจะมานอนด้วยกันกับฉันไหม
และเราจะลืมโลกนี้ไปด้วยกัน ?
[Verse 2]
I don’t quite know
How to say
How I feel
Those three words
Are said too much
They’re not enough
ฉันไม่ค่อยรู้นักหรอก
ว่าจะพูดอย่างไร
ว่ารู้สึกอย่างไร
คำสามคำเหล่านั้น
ถูกพูดมากไป
มันเลยไม่เพียงพอ
[ในท่อนนี้ “คำสามคำ” ที่พูดถึงน่าจะเป็นคำว่า “I Love You” ซึ่งในเนื้อเพลงสื่อออกมาว่า คำว่ารักหากพูดมันมากไปหรือง่ายไป มันก็จะไม่มีความหมายอะไร]
[Chorus]
If I lay here
If I just lay here
Would you lie with me
And just forget the world?
ถ้าฉันนอนลงตรงนี้
ถ้าฉันเพียงนอนลงที่ตรงนี้
เธอจะมานอนด้วยกันกับฉันไหม
และเราจะลืมโลกนี้ไปด้วยกัน ?
Forget what we’re told
Before we get too old
Show me a garden
That’s bursting into life
ลืมทุกสิ่งที่เคยมีใครบอก
ก่อนที่เราจะแก่ตัวไป
โปรดนำฉันไปยังสวนแห่งนั้น
ที่ส่องประกายกลายเป็นชีวิต
[ในท่อน Show me a garden / That’s bursting into life อาจหมายถึงการแต่งงานและมีลูกด้วยกัน โดยเปรียบเปรยชีวิตคู่ว่าเป็นดั่งสวนที่ก่อให้เกิดชีวิตซึ่งก็คือลูกนั่นเอง]
[Bridge]
Let’s waste time
Chasing cars
Around our heads
I need your grace
To remind me
To find my own
ปล่อยเวลาให้เปล่าเปลือง
วิ่งไล่ตามรถ
หมุนวนรอบหัวของเรา
ฉันต้องการความสง่างามของเธอ
เพื่อย้ำเตือนฉัน
ให้ตามหาตัวตนของฉัน
[Chorus]
If I lay here
If I just lay here
Would you lie with me
And just forget the world?
ถ้าฉันนอนลงตรงนี้
ถ้าฉันเพียงนอนลงที่ตรงนี้
เธอจะมานอนด้วยกันกับฉันไหม
และเราจะลืมโลกนี้ไปด้วยกัน ?
Forget what we’re told
Before we get too old
Show me a garden
That’s bursting into life
ลืมทุกสิ่งที่เคยมีใครบอก
ก่อนที่เราจะแก่ตัวไป
โปรดนำฉันไปยังสวนแห่งนั้น
ที่กำลังส่องประกายไปสู่ชีวิต
[Chorus 2]
All that I am
All that I ever was
Is here in your perfect eyes
They’re all I can see
ทุกสิ่งที่ฉันเป็น
ทุกสิ่งที่ฉันเคยเป็น
อยู่ที่นี่ภายในดวงตาอันสมบูรณ์ของเธอ
และนั่นคือทั้งหมดที่ฉันมองเห็น
I don’t know where
Confused about how as well
Just know that these things
Will never change for us at all
ฉันไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
กำลังอยู่บนความสับสน
เพียงแต่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้
สำหรับเรามันจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปเลย
[Chorus]
If I lay here
If I just lay here
Would you lie with me
And just forget the world?
ถ้าฉันนอนลงตรงนี้
ถ้าฉันเพียงนอนลงที่ตรงนี้
เธอจะมานอนอยู่กับฉันไหม
และเราจะลืมโลกนี้ไปด้วยกัน ?
หากใครเกิดความประทับใจและอยากไปสัมผัสบทเพลงของ Snow Patrol กันแบบสดๆอย่าพลาดคอนเสิร์ตครั้งสำคัญใน “Snow Patrol Acoustic Live in Bangkok” ที่ Snow Patrol จะนำเอาบทเพลงสุดประทับใจของพวกเขามาบรรเลงกันสดๆในแบบอะคูสติก ในวันอังคารที่ 27 สิงหาคมนี้ ณ Moonstar สตูดิโอ 8 สามารถดูรายละเอียดและจับจองบัตรได้ที่ https://www.ticketmelon.com/very/snowpatrol
Source
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส