Harry Potter เป็นนิยายชุดสำหรับเยาวชนที่ประสบความสำเร็จเกินคาดหมายไปทั่วโลก ถูกตีพิมพ์เล่มแรกเมื่อปี 1997 นอกเหนือจากความสนุกตื่นเต้นน่าติดตาม เนื้อหาก็ยังแฝงข้อคิดดี ๆ สำหรับเยาวชนในเรื่องความรัก ความเสียสละ และความกล้าหาญ ด้วยเหตุนี้นิยาย Harry Potter ทั้ง 7 เล่มจึงเป็นหนึ่งในนิยายสำหรับเยาวชนอีกหลาย ๆ เรื่องที่ถูกบรรจุไว้ในห้องสมุดโรงเรียนมากว่า 20 ปี จนกระทั่งเกิดข่าวประหลาดขึ้น เมื่อบาทหลวงแดน รีฮิล ผู้ดูแลโรงเรียน เซนต์ เอ็ดเวิร์ด ในรัฐเทนเนสซี ทำการแบนนิยาย Harry Potter ทั้ง 7 เล่ม บาทหลวงแดนอ้างเหตุที่แบน Harry Potter ว่าเพราะ เวทมนตร์คาถาที่ เจ.เค. โรว์ลิง เขียนไว้ในนิยายนั้นสามารถนำมาใช้ได้จริง
หลังทำการแบนนิยาย Harry Potter แล้ว บาทหลวงแดนได้ส่งอีเมลถึงบรรดาผู้ปกครองนักเรียนอธิบายถึงเหตุผลในการแบนนี้ว่า
“ในหนังสือนั้นได้พูดถึงเวทมนตร์ที่มีทั้งด้านดีและร้าย ใช่ที่ว่ามันเป็นคำที่แต่งขึ้นมาใหม่ แต่กระนั้นมันก็เป็นการตบตาที่แยบยลนัก เพราะว่าบรรดาคำสาปและเวทมนตร์คาถาที่อยู่ในหนังสือนั้นมันสามารถนำมาใช้ได้จริง ถ้ามีมนุษย์คนไหนได้ลองร่ายเวทมนตร์คาถาเหล่านี้เพื่อเรียกวิญญาณชั่วร้าย มันก็จะออกมาปรากฏให้ผู้ที่ร่ายเวทมนตร์นั้นได้เห็น”
ในอีเมลนี้บาทหลวงแดนยังอ้างว่าเขาได้ขอคำปรึกษาจากพระผู้ทำการปราบผีทั้งในอเมริกาและกรุงวาติกันแล้ว ทั้ง 2 ส่วนก็เห็นชอบให้เขาดำเนินการเอานิยาย Harry Potter ออกจากห้องสมุดทันที
ทั้งนี้การแบนนี้มีผลบังคับแค่ในเขตโรงเรียนเท่านั้น นักเรียนสามารถอ่าน Harry Potter ที่ใดก็ได้นอกเขตโรงเรียน และยังกำชับกับพ่อแม่และผู้ปกครองว่าควรเอาใจใส่และให้คำแนะนำบุตรหลานที่อ่าน Hary Potter ด้วย
“จงให้คำแนะนำลูก ๆ ของท่านให้ทำความเข้าใจเนื้อหาของนิยายผ่านศรัทธาในพระเจ้า”
การแบนครั้งนี้ แม้จะเกิดขึ้นในโรงเรียนเดียว แต่ก็สร้างความกังขามากมายจากแฟน ๆ ของ Harry Potter ว่าถ้าคาถาต่าง ๆ ในนิยายมีอานุภาพจริง ทำไมต้องใช้เวลากว่า 20 ปี ถึงจะมีการแบน ที่น่าติดตามจากนี้ก็คือ การแบน Harry Potter จะหยุดอยู่แค่โรงเรียนเดียวหรือว่าโรงเรียนคาธอลิกจะเห็นชอบแล้วแบนตามด้วยหรือไม่