Our score
9.6JOKER IMAX
จุดเด่น
- หนังถ่ายอัตราส่วน 1.85:1 เลยทำให้ภาพเต็มจอทั้งเรื่อง
- จอ IMAX เสริมพลังการแสดงของ วาคีน ฟีนิกซ์
- งานออกแบบงานสร้าง การถ่ายภาพคือทรงพลังเช่นกันบนจอ IMAX
จุดสังเกต
- เสียงไม่ได้มิกซ์ในระบบ IMAX
- ฉากแอ็คชั่นไม่ได้ตูมตามเหมือนหนังฮีโร่เรื่องอื่น
-
เหมาะมั้ยกับระบบ IMAX
10.0
-
จำนวนฉากขยาย
10.0
-
ฉากเด็ดบนจอ IMAX
9.0
-
ระบบเสียง
9.0
-
ความคุ้มค่า
10.0
หลังปีนี้ปล่อยให้ มาร์เวล ปล่อยของทั้ง Avengers Endgame และ Spider-Man Far From Home ก็ได้เวลาหนังเดี่ยวของโจ๊กเกอร์ ที่แม้จะเป็นตัวละครจากคอมิกของ DC แต่คราวนี้ขอมาฟอร์มดราม่าแต่ก็ไม่วายพ่วงงานเทคนิคการถ่ายทำสุดล้ำและที่สำคัญคือฉายในระบบ IMAX เพื่อวัดศักดิ์ศรีให้ดีซีคอมิกส่งท้ายปี 2019 WHAT THE FACT จึงขอพิสูจน์เลยว่าคุ้มไม่คุ้มที่ต้องจ่ายตังค์เพิ่ม
เหมาะมั้ยกับระบบ IMAX
จากข้อมูลด้านเทคนิคของหนังบนเว็บไซต์ IMDB ระบุว่าหนังถ่ายในอัตราส่วน 1.85:1 ด้วยกล้อง Alexa ทั้งรุ่น 65, LFและ มินิ ซึ่งก็หมายความว่าตัวหนังเองตั้งใจฉายแบบลาร์จฟอร์แมตเน้นความสูงของภาพเป็นสำคัญทำให้ผลลัพธ์ของภาพเมื่ออยู่บนจอไอแมกซ์คือฉายได้เต็มเฟรมพอดี นั่นทำให้งานผ่านของลอเรนซ์ เชอร์ ที่อ้างอิงหนังยุค70 ทำงานกับคนดูได้อย่างเต็มที่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากที่เป็นภาพโคลสอัปใบหน้าของวาคีน ฟีนิกซ์ หัวเราะทำให้เราหวาดผวาและหลอกหลอนยิ่งนัก ดังนั้นสำหรับคะแนนความเหมาะสมของระบบการฉายเราให้ 10 คะแนนเต็มเลย
จำนวนฉากขยายบนจอ IMAX
ตามที่ได้บอกไปในหัวข้อก่อนหน้านี้ว่าพอหนังถ่ายออกมาในอัตราส่วน 1.85:1 เลยทำให้ภาพปรากฎเต็มเฟรมทั้งเรื่อง ผิดกับหนังที่ถ่ายมาแบบอัตราส่วนจอกว้างที่จะเหลือขอบดำบนล่างไว้ ดังนั้นคะแนนในส่วนฉากขยายเราให้ 10 คะแนนเต็มเช่นเดียวกัน
ฉากเด็ดบนจอ IMAX
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า JOKER ไม่ใช่หนังแอ็กชัน แต่เป็นหนังดราม่าวิเคราะห์จิตใจตัวละคร ดังนั้นหนังเลยเต็มไปด้วยภาพโคลสอัปและภาพปานกลางที่เน้นให้เห็นการแสดงของ วาคีน ฟีนิกซ์ แต่กระนั้นเมื่อถึงฉากแอ็กชันที่แม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่ทุกฉากถูกกำกับอย่างดี โดยเฉพาะฉากรุนแรงต่าง ๆ ที่ทำคนดูช็อกได้ทุกครั้ง และโดยเฉพาะฉากเด็ดตอนท้ายเรื่องที่ต้องบอกว่าการชมบนจอ IMAX ให้ผลทางอารมณ์แบบทวีคูณจริงๆ ดังนั้นในส่วนคะแนนฉากเด็ดเราให้ที่ 9 คะแนน
ระบบเสียงกระหึ่มโรง IMAX
สำหรับคนดูโรง IMAX นอกจากงานภาพบนจออันใหญ่โตแล้ว ระบบเสียงสุดกระหึ่มก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มอรรถรสและดึงเรามีส่วนร่วมกับหนังได้ แต่อ้างอิงจากข้อมูลเทคนิคก็น่าเสียดายที่หนังไม่ได้มิกซ์ในระบบเสียง 6 หรือ 12 แทร็คของ IMAX แต่กระนั้นก็ต้องยอมรับจากการฟังจริงในโรงว่า เสียงของหนังก็ยังกระหึ่มอยู่ดี ตั้งแต่เสียงพูดและดนตรีสกอร์ของ ฮิลดัวร์ กัวนาดอเทียร์ (Hildur Guðnadóttir)ที่โอบล้อมห่อหุ้มความรู้สึกคนดูให้ดำดิ่งด้วยเครื่องลมและเครื่องสายอย่างบ้าคลั่ง ส่วนเสียงในฉากแอ็กชันไม่ต้องพูดถึงทั้งกระหึ่มและสมจริงเหมือนดึงเราเข้าไปร่วมชะตากรรมแบบระยะประชิดจริงๆ ดังนั้นเราขอให้ 9 คะแนน
ความคุ้มค่า
จากราคาค่าตั๋ว IMAX ที่เราสำรวจจากแอป Major Super App พบว่าสาขาที่ราคาตั๋วถูกสุดคือที่ เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่โดยเริ่มต้นที่ 200 บาทเท่านั้น งานนี้ชาวเจี๋ยงใหม่ได้ ลำขนาดกันแบบประหยัดสุดๆ ส่วนสาขาชานเมืองอย่างเวสต์เกตซีนีเพล็กซ์และเมเจอร์ รัชโยธินก็เริ่มต้นแค่ 250 บาทเท่านั้น ขยับมาสาขาในเมืองทั้ง ไอคอน ซีนีเพล็กซ์และควอเทียร์ ซีเนอาร์ตก็เริ่มต้นที่ 300 บาท ส่วนสาขาพารากอน ซีนีเพล็กซ์ที่ผมชมก็ราคาเริ่มต้นที่ 350 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าราคาตั๋วไม่ได้สูงกว่าราคาตั๋วหนังโรงธรรมดานักเราจึงกล้าให้คะแนนความคุ้มค่ากันที่ 10 คะแนนเต็มไปเลยจ้า
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส