ในจำนวนผลงานภาพยนตร์ทั้งหมด 26 เรื่อง ตลอดชีวิตการแสดงเกือบ 50 ปีของ Arnold Schwarzenegger ในวัย 72 หนึ่งในนักแสดง A-List (นักแสดงที่ผู้สร้างหนังต้องการตัว ค่าตัวสูง และเล่นหนังเรื่องไหนเรื่องนั้นก็ทำรายได้ดี) ของยุค 80s – 90s คนนี้เคยผ่านงานกับผู้กำกับดัง ๆ มาแล้วมากมาย ทั้งคู่บุญอย่าง James Cameron, Paul Verhoeven, John McTiernan, Ivan Reitman (ร่วมงานในหนังสายตลกหลายเรื่องที่ประสบความสำเร็จ) ซึ่งแต่ละคนเป็นผู้กำกับตัวพ่อชื่อดังแห่งยุค 90s ทั้งสิ้น ขณะเดียวกันเขาก็มีวันเวลาหลังจบวาระการดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย หลังปี 2011 เป็นเหมือนฝันร้ายบนตารางหนังทำเงิน ที่เต็มไปด้วยหนังไม่คุ้มทุนสร้างมากมาย
วันนี้ What the Fact จะชวนคุณผู้อ่านไปดู “รวมฮิตเปรี้ยง-แป้ก” ของคุณปู่คนเหล็กกันว่า มีเรื่องไหนเคยโดนใจและไม่โดนใจคนดูกันบ้าง
5 อันดับหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาล
อันดับ 5 The Twins (1988)
ผู้กำกับ: Ivan Reitman (Ghostbusters, Six Days Seven Nights, No Strings Attached)
รายได้รวมในสหรัฐฯ: 112 ล้านเหรียญฯ (ทุนสร้าง 15 ล้านเหรียญฯ)
รายได้รวมทั่วโลก: 217 ล้านเหรียญฯ
ทำไมหนังถึงเปรี้ยง: หนังตลกที่ทำรายได้สูงสุดในเครดิตของ Schwarzenegger และ Ivan Reitman คือผู้กำกับที่ทำหนังตลกได้หลายรูปแบบ ทั้งหนังตลกขบวนการปราบผีระดับ Ghostbusters หรือหนังครอบครัวอบอุ่นและหนังรักที่ตัวละครน่าเอ็นดู จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะสร้างหนังน่ารักของ Arnold แล้วประสบความสำเร็จ หนังเล่าเรื่องแฝดคนละฝาที่ได้นักแสดงอย่าง Danny DeVito มาร่วมแสดงด้วย ทั้งสามคนโคจรมาเจอกันอีกครั้งในหนังตลกสุดฮิตอีกเรื่อง เกี่ยวกับผู้ชายท้องได้ชื่อ Junior (1994)
อันดับ 4 Total Recall (1990)
ผู้กำกับ: Paul Verhoeven (Robocop, Basic Instinct, Hollow Man)
รายได้รวมในสหรัฐฯ: 119 ล้านเหรียญฯ (ทุนสร้าง 65 ล้านเหรียญฯ)
รายได้รวมทั่วโลก: 261 ล้านเหรียญฯ
ทำไมหนังถึงเปรี้ยง: จากผลงานหนังสือ Sci-fi วิทยาศาสตร์ขายดีของนักเขียนชื่อก้อง Philip K. Dick หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือ “We Can Remember It For You Wholesale” เกี่ยวกับชายผู้ถูกลบความทรงจำและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยบนดาวอังคาร หนังเต็มไปด้วยฉากอนาคตที่น่าตื่นตาตื่นใจตามการสร้างในยุคสมัยนั้น และยังได้นักแสดงสาวสุดฮอตอย่าง Sharon Stone มารับบทนำด้วย หนังมีฉบับรีเมก นำแสดงโดย Colin Farrell ในปี 2012 แต่ไม่ฮิตเท่าที่ฉบับแรกเคยทำไว้
อันดับ 3 True Lies (1994)
ผู้กำกับ: James Cameron (Avatar, Titanic, Terminator 2: Judgment Day)
รายได้รวมในสหรัฐฯ: 146 ล้านเหรียญฯ (ทุนสร้าง 115 ล้านเหรียญฯ)
รายได้รวมทั่วโลก: 379 ล้านเหรียญฯ
ทำไมหนังถึงเปรี้ยง: หนังที่ได้ชื่อว่าทุนสร้างสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในปี 1994 การโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งกับผู้กำกับคู่บุญอย่าง Cameron ที่มาในหนังสายลับปนตลก เมื่อ Arnold ต้องรับบทเป็น CIA ที่ปิดบังตัวตนที่แท้จริงกับภรรยาที่รับบทโดย Jamie Lee Curtis หนังตลกสถานการณ์ที่พระเอกจะต้องพาเมีย ตกกระไดพลอยโจนไปในสถานการณ์วิกฤตก่อการร้ายระดับชาติ หนังมีฉากบู๊แอกคชันครึ่งเรื่องหลังที่มันสะเด็ด ลุ้นแล้วลุ้นอีกตั้งแต่ฉากขับรถไล่ล่า ระเบิดสะพาน เอื้อมมือเกาะจากรถยนต์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ปิดท้ายที่ให้ Arnold ขับเครื่องบินขับไล่ถล่มวายร้ายให้ราบไปทั้งบาง
อันดับ 2 Terminator 3: Rise of the Machines (2003)
ผู้กำกับ: Jonathan Mostow (U-571, Breakdown, Surrogates)
รายได้รวมในสหรัฐฯ: 150 ล้านเหรียญฯ (ทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญฯ)
รายได้รวมทั่วโลก: 433 ล้านเหรียญฯ
ทำไมหนังถึงเปรี้ยง: แม้หนังจะถูกนักวิจารณ์สับเละจนไม่เหลือชิ้นดีจากการเลือกใช้ผู้กำกับที่มือไม่ถึง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอถูกใจผู้ชมอยู่บ้างกับภาคต่อจาก Terminator 2: Judgment Day ที่ทิ้งห่างไป 12 ปี เชื่อว่า คนดูก็คงใจจดใจจ่อรอคอยตั้งแต่มีการประกาศสร้าง เพราะ T2 นั้นคือความสำเร็จระดับมโหฬารและทำให้เด็ก ๆ หลายคนมีความสุขกับการได้ชมซ้ำ ๆ ในรูปแบบ home video ในภาค Rise of the Machines เป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดในเครดิตของ Schwarzenegger ที่ถ้าสร้างในวันนี้ก็ยังดูแพงเกินจริงไปเยอะอยู่ดี
อันดับ 1 Terminator 2: Judgment Day (1991)
ผู้กำกับ: James Cameron (Avatar, Titanic, True Lies)
รายได้รวมในสหรัฐฯ: 206 ล้านเหรียญฯ (ทุนสร้าง 102 ล้านเหรียญฯ)
รายได้รวมทั่วโลก: 521 ล้านเหรียญฯ
ทำไมหนังถึงเปรี้ยง: เหตุผลที่ Schwarzenegger ยอมกลับมาเล่นหนังรีเมก และสานต่อเรื่องราวไม่รู้กี่ภาคต่อกี่ภาค ก็เพราะความสำเร็จในทุก ๆ ทางของหนังที่ทำให้ตัวละคร Terminator ของเขากลายเป็นที่จดจำของคนทั่วโลก แม้ว่าดูจากรายได้จะไม่ได้สร้างปรากฏการณ์ขนาดหนัง Star Wars หรือแฟรนไชส์อื่น ๆ แต่หนังก็ทำร้ายได้ชนิดที่หาตัวจับยากในปี 1991 (ยังไม่นับรายได้จากตลาด home video) หนังขยับทุนสร้างจากภาคแรก 6 ล้านเหรียญฯ (แทบจะเป็นหนังอินดี้อยู่แล้ว) จนสร้างความสนุก ความบันเทิง และความประทับใจ เรียกว่า Cameron ใช้เงินคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
5 อันดับหนังทำเงินต่ำสุดตลอดกาล
อันดับ 5 The Last Stand (2013)
ผู้กำกับ: Jee-woon Kim (Korean-The Age of Shadows, I Saw the Devil, A Tale of Two Sisters)
รายได้รวมในสหรัฐฯ: 12 ล้านเหรียญฯ (ทุนสร้าง 45 ล้านเหรียญฯ)
รายได้รวมทั่วโลก: 48 ล้านเหรียญฯ
ทำไมหนังถึงแป้ก: หนังที่เป็นการ comeback เรื่องแรก หลังจากจบสมัยการเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียกลายเป็นหนังแป้กแบบเกินความคาดหมาย เพราะหนังได้ผู้กำกับมือดีของเกาหลีใต้อย่างคิมจีวุน ข้ามน้ำข้ามทะเลมากำกับหนังฮอลลีวูดและก็ต้องรีบเก็บกระเป๋ากลับบ้านไปแทบไม่ทัน หนังเล่าเรื่องของตำรวจในเมืองเก่า ๆ ที่ต้องยืนหยัดสู้กับราชายาเสพติดและคณะที่กำลังจะขนยาข้ามพรมแดนไปประเทศเม็กซิโก โดยมีเมือง ๆ นี้ เป็นปราการด่านสุดท้ายที่ยืนหยัดขัดขวางไว้ หนังดูสนุกแต่ก็ไม่มีอะไรใหม่และออกไปทางหนังแอ็กชันยุค 90 ที่ออกจะเชยไปหน่อยที่จะฉายในปี 2013
อันดับ 4 Sabotage (2014)
ผู้กำกับ: David Ayer (Suicide Squad, Fury, End of Watch)
รายได้รวมในสหรัฐฯ: 10 ล้านเหรียญฯ (ทุนสร้าง 35 ล้านเหรียญฯ)
รายได้รวมทั่วโลก: 17 ล้านเหรียญฯ
ทำไมหนังถึงแป้ก: ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อเรื่องการขายสไตล์ในหนังที่ใช้ความรุนแรงหรือหนังตำรวจอย่าง Ayer ก็มาตกม้าตายหนังขาดทุนกันที่เรื่องนี้กับผลงานที่ได้รายได้ต่ำที่สุดในเครดิตการกำกับ อาจเป็นเพราะเนื้อหาหนังที่ซ้ำซาก แม้จะขนนักแสดงมากหน้ามาเล่น ตั้งแต่ Schwarzenegger, Sam Worthington (Avatar), Joe Manganiello (Justice League), Josh Holloway (Lost), Terrence Howard (Iron Man) ก็ช่วยอะไรไม่ได้ หนังดัดแปลงอย่างหลวม ๆ จากนิยายแนวฆาตกรรมสืบสวนของ Agatha Christie เรื่อง Ten Little Indian หรือ And Then There Were None ซึ่งถูกแปลเป็นไทยในชื่อ “ฆาตกรรมยกเกาะ” เป็นเรื่องราวของหน่วยปราบปรามยาเสพติด 10 นาย ที่บุกเข้ายึดเซฟเฮาส์ของเจ้าพ่อค้ายาเสพติด หลังจากนั้นพบว่าเงินจากการบุกยึดจำนวน 10ล้านหายไป และเจ้าหน้าที่แต่ละนายก็เริ่มถูกลอบสังหารโดยคนที่อยู่ในเงามืดทีละคน
อันดับ 3 Maggie (2015)
ผู้กำกับ: Henry Hobson
รายได้รวมในสหรัฐฯ: 187,000 เหรียญฯ (ไม่มีการบันทึกทุนสร้างไว้)
รายได้รวมทั่วโลก: 1 ล้านเหรียญฯ
ทำไมหนังถึงแป้ก: ด้วยความเป็นหนังอินดี้ ก็เป็นไปได้ที่ผู้สร้างจะพอใจกับรายได้เท่านี้ (แต่จะพอค่าตัวของ Schwarzenegger ไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง) หนังชีวิตครอบครัว พยายามขายฝีมือทางการแสดงของเขา แต่ก็อาจจะไม่ใช่ทางถนัดและหวังจะรุ่งได้ ผู้กำกับที่ไม่เคยกำกับหนังมาก่อน (เป็นผู้ออกแบบไตเติ้ลเปิดเรื่องและปิดเรื่องในหนังเท่านั้น) อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังไปไม่ถึงฝั่งฝัน แม้จะได้นักแสดงที่ค่อนข้างมีชื่ออย่าง Abigail Breslin (Little Miss Sunshine) มาประกบในบทของลูกสาวของ Schwarzenegger ที่กำลังกลายเป็นซอมบี้อย่างช้า ๆ
อันดับ 2 Aftermath (2017)
ผู้กำกับ: Elliott Lester (Sleep Walker, Blitz)
รายได้รวมในสหรัฐฯ: น้อยจนไม่มีการบันทึกไว้ (ทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญฯ)
รายได้รวมทั่วโลก: 841,000 เหรียญ
ทำไมหนังถึงแป้ก: Schwarzenegger รับบทเป็น หัวหน้าคนงานที่สูญเสียลูกสาวกับภรรยาไปจากเหตุเครื่องบินชนกันกลางอากาศ และเขาก็ต้องการคำขอโทษจากคนที่เป็นต้นเหตุ นั่นก็คือเจ้าหน้าที่จราจรทางอากาศของสนามบินที่เผลอเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เนื้อหาอาจจะเครียดเกินไปและไม่มีนักแสดงใหญ่ ๆ เล่นด้วยเลย (สมทบด้วย Maggie Grace จาก Taken) ทำให้หนังขาดทุนขนาดหายไปทั้งหมดของทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญเลยก็พูดได้
อันดับ 1 Killing Gunther (2017)
ผู้กำกับ: Taran Killam
รายได้รวมในสหรัฐฯ: น้อยจนไม่มีการบันทึกไว้ (ไม่มีการบันทึกทุนสร้างไว้)
รายได้รวมทั่วโลก: 198,000 เหรียญ
ทำไมหนังถึงแป้ก: หนังที่แทบไม่มีคนรู้ว่ามีตัวตนอยู่บนโลกภาพยนตร์ด้วย ผลงานการกำกับของ Taran Killam นักแสดงจากหนัง Ted 2 และ Teenage Mutant Ninja Turtles ที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ คนเหล็กของเรารับบทกุนเธอร์ นักฆ่าอันดับหนึ่งของโลกและเป็นที่หมายหัวจากบรรดานักฆ่าฝีมือฉกาจที่หมายอยากจะโค่นเขาเพื่อขึ้นครองตำแหน่งแทน หนึ่งในนั้นก็คือตัวละครของ Killam ผู้กำกับซึ่งได้ระดมนักฆ่าที่เกลียดกุนเธอร์มาร่วมมือกันกำจัดเขา แต่กุนเธอร์ก็นำอยู่ก้าวหนึ่งทุกครั้งไป หนังตลกแบบนี้ของ Schwarzenegger อาจเสื่อมมนต์ขลังไปแล้วใน ค.ศ. นี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส