ทีมผู้สร้าง Game of Thrones "โบกมือลา" จาก Star Wars ไตรภาคใหม่

David Benioff และ D.B. Weiss คู่หูผู้สร้างซีรีส์ชื่อดังแห่งยุค Game of Thrones ได้ประกาศถอนตัวออกจากโครงการหนัง Star Wars ไตรภาคใหม่เป็นที่เรียบร้อย หลังจากตัวอย่าง Star Wars: Rise of The Skywalker ฉบับสุดท้ายออกมาได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ ไตรภาคใหม่ของทั้งคู่มีแผนจะเข้าฉายตอนแรกปี 2022 และถัดไปอีก 2 ตอนในทุก ๆ 2 ปี โดยไตรภาคนี้จะแยกออกจากไตรภาคใหม่ของผู้กำกับ Rian Johnson ผู้กำกับ The Last Jedi (2017) และทั้ง 2ไตรภาคใหม่ จะไม่เกี่ยวข้องกับตำนานของตระกูล Skywalker ที่เป็นส่วนสำคัญของทั้ง 9 ภาคก่อนหน้าอีกต่อไป

David Benioff และ D.B. Weiss ประกบ George R.R. Martin ผู้เขียนนิยาย GOT

David Benioff และ D.B. Weiss กับเหล่านักแสดง GOT ของเขา

ทีมผู้สร้างที่เคยได้รับรางวัล Emmy มาแล้วได้ให้เหตุผลในการถอนตัวครั้งนี้ว่า เนื่องจากตารางการทำงานที่ต้องให้ความสำคัญกับโพรเจกต์หนังและซีรีส์ของ Netflix ทำให้พวกเขาไม่มีเวลามากพอจะแบ่งมาดูแล Star Wars ได้ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องน่าสนใจที่ผู้กำกับดัง ๆ กำลังพุ่งเป้าไปทำหนังให้กับ streaming online มากกว่าการทำหนังระดับ blockbuster ที่ย่อมจะสร้างชื่อเสียงให้พวกเขาอย่างมาก Kathleen Kennedy ประธานของ Lucasfilm ผู้อำนวยการสร้าง Star Wars ได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า “David Benioff และ D.B. Weiss เป็นนักเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม และพวกเราทุกคนที่นี่หวังว่า จะได้ร่วมงานกับพวกเขาอีกในอนาคตอันใกล้”

มีข่าวลือว่า David Benioff และ D.B. Weiss เข้ามารับผิดชอบ Star Wars ไตรภาคใหม่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ก่อนที่ Bob Iger ประธานกรรมการผู้บริหารของดิสนีย์จะประกาศข่าวนี้เองอย่างเป็นทางการ ระหว่างไปร่วมในงานประชุม MoffettNathanson Media & Communications Summit เมื่อ 14 พฤษภาคม 2018

“ในฤดูร้อนปี 1977 เราได้เดินทางสู่กาแล็กซีอันไกลโพ้น และเราก็เฝ้าฝันถึงมันตลอดมา เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับโอกาสนี้ และหวั่นเกรงนิดๆ ต่อความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง เราตื่นเต้นที่จะเริ่มงานทันทีเมื่อฤดูกาลสุดท้ายของ Game of Thrones สิ้นสุดลง” ทั้งคู่เคยบอกไว้ในแถลงการณ์ร่วม

ในระยะหลังที่ Star Wars มาอยู่ใต้ชายคาการจัดจำหน่ายของ Disney มักจะมีกรณีปัญหาระหว่างผู้กำกับและทีมผู้อำนวยการสร้างอยู่เสมอ ไล่ตั้งแต่การถอนตัวไปของ Colin Trevorrow (Jurassic World) ที่ถูกวางตัวไว้ให้กำกับภาค 9 โดยเขาให้เหตุผลว่า “ความคิดสร้างสรรค์ไม่ตรงกัน” (เหตุผลคลาสสิกของการแยกทางระหว่างผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างหรือค่ายหนัง) ต่อด้วยการถ่ายซ่อมองก์ 3 ใหม่หมดของ Rogue One (2016) ที่ค่ายหนังกันไม่ให้ผู้กำกับเดิมอย่าง Gareth Edwards (Godzilla) เข้ามายุ่งเกี่ยว และเลือกใช้บริการของผู้กำกับ Tony Gilroy มือเขียนบทไตรภาค ฺBourne เข้ามาถ่ายซ่อมแทน ซึ่งทำให้ Edwards ถึงกับเข็ดขยาด ประกาศขอไม่ทำงานกับระบบสตูดิโอใหญ่อีกต่อไป (จะว่าไปแล้วก็เป็นตอนจบที่ดีกว่าตามข่าวลือในตอนแรกที่ตอนจบของหนังจะ happy ending กว่าที่เป็นอยู่)

จนมาถึงกรณีที่อื้อฉาวที่สุดกับการที่ผู้กำกับ Phil Lord และ Chris Miller (The Lego Movie) ขอถอนตัว ตอนเหลือเวลาถ่ายทำอีกแค่ 3 สัปดาห์ก็จะปิดกล้อง และให้ Ron Howard (The Da Vinci Code, Rush, Apollo 13) มารับหน้าที่ต่อ ซึ่งทั้งหมดก็ทำให้เห็นว่า Kennedy เลือกจะใช้สูตรคล้าย ๆ กับ Keven Fiege (ที่ถูกมอบหมายให้มาคุมงานสร้าง Star Wars ด้วยเหมือนกันเมื่อไม่นานนี้) ที่ใช้บริการผู้กำกับโนเนมมากำกับ โดยมีผู้อำนวยการสร้าง (อย่างเขา) คุมทิศทางอย่างเข้มข้นทุกรายละเอียด ในกรณีนี้ต่างกันตรงที่ Kennedy ดูจะคุมผู้กำกับของเธอไม่ค่อยอยู่ และอาจเป็นการดีที่ Benioff และ Weiss จะไม่ต้องเสียเวลามากกับเธอ

ในเดือนสิงหาคม ปี 2018 Deadline รายงานว่า คู่หูผู้สร้าง Game of Thrones ได้สิทธิในการผลิตหนังและซีรีส์ร่วมกับ Netflix จำนวนมากถึง 9 เรื่องในระยะเวลา 5 ปีกับการลงทุน 200 ล้านเหรียญฯ ซึ่งเป็นการปิดดีลที่มูลค่ามากที่สุดครั้งหนึ่งของ Netflix กับผู้สร้างสักรายเลยทีเดียว ก่อนหน้านั้นทั้งคู่ได้หอบโพรเจกต์ไปเร่ขายกับบริษัทที่จะลงแข่งในตลาด streaming มาแล้วทุกเจ้า ไม่ว่าจะเป็น HBO/WarnerMedia, Disney, Comcast, Amazon และ Apple แต่ไม่มีใครรับสร้างหนังและซีรีส์ให้

David Benioff และ D.B. Weiss ปิดดีลสร้างหนังและซีรีส์กับ Netflix 9 เรื่องที่ 200 ล้านเหรียญฯ

Benioff และ Weiss สร้างผลงานกระหึ่มโลกกับการคุมงานสร้างทั้งหมดของซีรีส์ Game of Thrones ตั้งแต่ปี 2011-2019 คว้ารางวัล Emmy มาแล้ว 6 ครั้ง จากรางวัลซีรีส์ดรามายอดเยี่ยมในปี 2015 และได้ซ้ำสาขาเดิมในปี 2016, 2018 และ 2019, รางวัลซีรีส์เขียนบทยอดเยี่ยมในปี 2015 และ 2016 ส่วนผลงานเดี่ยวของ Benioff นั้น เขาเคยอยู่เบื้องหลังงานเขียนบทให้กับหนังอย่าง Troy (2004), The Kite Runner (2007), X-Men Origins: Wolverine (2009) และ Germini Man (2019) ที่กำลังจะเข้าฉายในบ้านเรา 14 พฤศจิกายนนี้