หนึ่งปีเวียนมาบรรจบครบอีกครา ถึงวันฮาโลวีนทั้งที บางคนอาจจะอยากแต่งตัวเป็นผีสนุกสนานกันไป ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลองหาเพลงหลอน ๆ มาฟังประกอบบรรยากาศด้วยเป็นไร
ในวันนี้ what the fact ขอนำเอา 5 เพลงสุดหลอนต้อนรับฮาโลวีนมาฝาก หวังว่าเพื่อน ๆ จะถูกใจกันนะครับ
เอาล่ะเราไปเริ่มที่เพลงแรกเลยดีกว่า
เพลงธีมประกอบภาพยนตร์เรื่อง “นางนาก”
เรามาเริ่มกันที่สายเพลงประกอบภาพยนตร์ก่อน ซึ่งหากพูดถึงเพลงหลอนแล้วไม่พูดถึงเพลงนี้ก็กระไรอยู่ เพลงนี้คือเพลงธีมประกอบภาพยนตร์เรื่อง “นางนาก” กำกับโดย นนทรีย์ นิมิบุตร (2499 อันธพาลครองเมือง , จันดารา , Timeline) และเขียนบทโดย วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง (ฟ้าทะลายโจร , หมานคร , เปนชู้กับผี ,รุ่นพี่) ภาพยนตร์เรื่องนี้ คือความสยองอันเป็นปรากฏการณ์ของภาพยนตร์ไทยที่ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่ง หลังจากที่ออกฉายในปี 2542 ก็สามารถทำเงินได้กว่า 150 ล้านบาท ทำลายสถิติของ Titanic ที่เข้าฉายเมื่อปีก่อน
ซึ่งบทเพลงหลอนลึกที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ประพันธ์ขึ้นโดย “ป้อ ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์” นักแต่งเพลงประกอบรุ่นใหญ่ที่ผ่านงานภาพยนตร์ไทยและเทศมาอย่างโชกโชนอาทิ นางนาก จันดารา โหมโรง Wuxia นักฆ่าเทวดาแขนเดียว (หนังฮ่องกง กำกับโดย ปีเตอร์ ชาน) และแสงกระสือ เป็นต้น โดยเพลงธีมนางนากนี้ พี่ป้อได้นำเอาเพลงกล่อมเด็กมาใช้เป็นเมโลดี้หลักและให้นักร้องส่งเสียงฮัมอันเหงาลึกชวนขนลุกออกมา สอดคล้องกับความเป็นแม่และภรรยาของนางนากอีกทั้งยังสะท้อนความเป็นไทยออกมาได้เป็นอย่างดียิ่ง นี่แหละคือที่สุดของเพลงไทยสายสยองเลยล่ะ
เพลงประกอบละครเรื่อง “ตุ๊กตา”
“หนูอยากกลับบ้านนนน” ใครที่เคยชมละครเรื่อง “ตุ๊กตา” (หรือที่เรียกกันว่า “ตุ๊กตาผี”) ที่ออกฉายในปี 2531 ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ คงจะจดจำประโยคที่ทั้งชวนสงสารและชวนหลอนไปในคราวเดียวกันประโยคนี้ได้เป็นอย่างดี (ใครจำได้นี่บอกอายุเลย 55)
ละครเรื่อง “ตุ๊กตาผี” สร้างจากบทประพันธ์ของ วาณิช จรุงกิจอนันต์ ออกอากาศ หลังข่าววันพุธและพฤหัส ในช่วงปี 2531 ทางช่อง 7 นำแสดงโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา มยุรา เศวตศิลา ด.ญ.กัญญาลักษณ์ บำรุงรักษ์ หรือ น้องแป้ง นางเอกตัวน้อยของเรื่อง และ ด.ญ.มารยาท คำนึงเนตร เล่าเรื่องราวสุดน่าสงสารของเด็กกัมพูชาที่ถูกนำมาใช้แรงงานในโรงงานตุ๊กตานรก ที่เด็กน้อยทำงานจนป่วยหนักและตายในที่สุด ด้วยความผูกพันกับตุ๊กตาดวงวิญญาณเลยเข้าไปสิงในนั้น ต่อมาตุ๊กตาได้ถูกขายให้กับเด็กหญิงจิตใจดีคนหนึ่ง วิญญาณเด็กกัมพูชาในตุ๊กตาตัวนั้นเลยพยายามจะติดต่อสื่อสารกับเธอเพื่อหาทางกลับบ้านไปพบกับพ่อและแม่อีกครั้ง มันก็เลยเป็นที่มาของประโยคสุดคลาสสิกในเพลงนี้ที่ว่า “หนูอยากกลับบ้านนนน”
เพลงเปิดรายการ “ชมรมขนหัวลุก”
ถ้าพูดถึงเพลงที่แค่เปิดมาก็หลอนขนหัวลุกแล้ว คงหนีไม่พ้นเพลงนำรายการ “ชมรมขนหัวลุก” ที่มาพร้อมเสียงลมพัดหวีวหวิวและเสียงฮัมอันโหยหวนของหญิงสาวที่ชวนวังเวงและหลอนลึกแบบมิรู้ลืม แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแล้วก็ตาม
“ชมรมขนหัวลุก” เป็นรายการทอล์กโชว์แนวสยองขวัญสุดหลอนของเวิร์คพอยท์ ที่จะมีเรื่องเล่าสุดสยองจากดารารับเชิญและจากทางบ้านมาเขย่าขวัญสั่นประสาทเราในทุกสัปดาห์โดยจะมีช่วงรายการที่ทั้งเล่าสดและแปรรูปเป็นละครสั้นสุดหลอน ในช่วงแรกรายการจะฉายทางช่อง 5 ทุกวันศุกร์ตั้งแต่ปี 2538-2540 ต่อมาอีก 5 ปีจึงกลับมาฉายอีกครั้งทางช่องไอทีวีในทุกคืนวันเสาร์ ฉายได้ไม่ถึงปีก็เป็นอันต้องปิดฉากลงไป แต่ถึงอย่างนั้นรายการ “ชมรมขนหัวลุก” ก็ยังคงอยู่ในใจแฟน ๆ เสมอมา และถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรายการสยองขวัญสุดคลาสสิกของบ้านเราเลย
704 ดาจิม
ไม่ได้จะมาใบ้หวยเลขท้ายสามตัว แต่ “704” นี่คือเลขห้องสุดหลอนที่เป็นต้นเหตุเรื่องราวชวนผวา ผลงานจากแรปเปอร์รุ่นใหญ่ “ดาจิม” ที่นำเอาประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544 หลังจากที่เขาและเพื่อนไปเล่นคอนเสิร์ตที่จังหวัดกำแพงเพชร แล้วพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในห้องหมายเลข 704 จนเกิดเหตุการณ์สุดหลอนระทึกขึ้นมา จุดเด่นของเพลงนี้อยู่ที่การเล่าแบบเห็นภาพ เป็นลำดับ ๆ ไปตั้งแต่ไปเล่นคอนเสิร์ตตอนแปดโมงเช้ายันมาพักที่โรงแรมเก่าจนเจอเหตุลึกลับที่ค่อย ๆ ไล่ระดับไปจนพีคถึงที่สุด แถมตัว MV ยังทำล้อตามเนื้อเพลงที่กำลังเล่าเรื่องอยู่ด้วยได้อรรถรสสุด ๆ ใครขวัญอ่อนควรชวนเพื่อนมาดูด้วยกันนะครับ
ห้องสุดท้าย เอ้ รงค์ สุภารัตน์
นี่คือเพลงหลอนที่แสนเศร้าอันมีการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง จากนักร้อง นักแต่งเพลงนาม “เอ้ รงค์สุภารัตน์” ที่เริ่มต้นเพลงด้วยประโยคเด็ด “ผมมาตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง” จากนั้นจึงเล่าเรื่องจากมุมมองบุคคลที่หนึ่งคือ “ผม” ที่ออกตามหาหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาเจอในคืน “ฟ้าฝนโปรยกระหน่ำ” และพาเธอผู้มี ”คิ้วงามปากสีชมพูยิ้มพราย” ไปส่งที่ห้องสุดท้าย ณ แมนชั่นแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย แต่ด้วยไฟเสน่หาและความคิดถึงจับจิตจึงต้องออกมาตามหา และคอยถามหาว่าเธออยู่ไหนกับใครต่อใครที่เขาพบเจอ แต่สุดท้ายแล้วเรื่องราวก็กลับกลายเป็นว่า…
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส