จะมีใครที่ไหนใจเด็ดเดี่ยวเท่าไอ้หนุ่มวอลเตอร์ คารร์ อีกมั้ยเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นคงโทรลางาน หรือไม่ก็เลือกนั่งรถประจำทางยอมมาทำงานสายกันล่ะมั้ง แต่เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดกับ วอลเตอร์ คารร์ เป็นแน่

เรื่องราวน่าทึ่งนี่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี2018 ในเมืองเพลแฮม รัฐอลาบามา สหรัฐอเมริกา วอลเตอร์ คารร์ เป็นนักศึกษาผิวสีวัย 20 ปี เขาเรียนอยู่แผนกวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพ ในวิทยาลัยชุมชน ลอว์สัน สเตท ด้วยเหตุที่วอลเตอร์อาศัยอยู่กับแม่ซึ่งก็ไม่ได้มีฐานะดีนัก แถมบ้านของครอบครัวเขาในนิว ออร์ลีน ก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของพายุเฮอริเคน แคทรินา พัดทำลายเมื่อปี 2005 อีกด้วย ทำให้เขาต้องย้ายมาอยู่ในเบอร์มิงแฮม และต้องสู้ชีวิตด้วยการทำงานพาร์ต ไทม์ เพื่อหาเงินจ่ายค่าเทอมด้วยตัวเอง วอลเตอร์ จึงรู้สึกว่าการได้ทำงานมีเงินเดือนใช้ เป็นเรื่องจำเป็นต่อชีวิตเขามาก เมื่อบริษัทรับขนย้าย เบลล์ฮอปส์ รับเขาเข้าทำงาน วอลเตอร์ ดีใจมาก และตั้งปณิธานว่าเขาจะทำงานให้ดีที่สุด

ในช่วงแรกของการทำงานนั้น วอลเตอร์จะต้องเรียนรู้การทำงานจากพนักงานรุ่นพี่ พวกเขาก็นัดวอลเตอร์ให้มาพบกับทีมงานที่บ้านของลูกค้าตอน 8.00 ของวันเสาร์ วอลเตอร์ก็กระตือรือร้นกับงานใหม่อย่างมาก เขาตรวจเช็กสภาพรถที่จะขับไปทำงาน เพราะบ้านของวอลเตอร์นั้นอยู่เมืองเบอร์มิงแฮมคนละเมืองกับบริษัทเลย แต่แล้วรถเจ้ากรรมก็ดันเกเร ไม่เป็นใจกับการเริ่มงานใหม่ของวอลเตอร์เอาเสียเลย

วอลเตอร์คำนวณเวลาและระยะทางแล้ว ถ้ารอรถโดยสารออกวิ่งเที่ยวแรก เขาไม่มีทางไปถึงบ้านลูกค้าได้ทันนัดหมาย 8.00 น. แน่นอน วอลเตอร์เปิดแอปกูเกิ้ลแมป แอปบอกว่าถ้าเขาเดินเท้าไปถึงจุดหมายในระยะทาง 20 ไมล์ ( 32 กม.) จะต้องใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมง ไม่มีเวลาพอจะต้องมาใคร่ครวญอะไรอีกต่อไป งานนี้สำคัญกับชีวิตเขามาก ถ้าเขาขาดงานหรือไปทำงานสายตั้งแต่วันแรก เขาจะต้องถูกเลิกจ้างอย่างแน่นอน ว่าแล้ววอลเตอร์ก็ออกเดินจากบ้านตั้งแต่ 23.40 น.

“ที่นี่เป็นบริษัทแรกที่ให้โอกาสยอมรับผมเข้าทำงาน หลังจากผมหางานมาอย่างยาวนาน ผมต้องแสดงให้เขาเห็นว่าผมทุ่มเทกับงานนี้ขนาดไหน ผมก็บอกกับตัวเองว่าผมต้องหาทางไปทำงานนี้ให้ได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”

วอลเตอร์ ให้สัมภาษณ์สื่อในภายหลัง

ตำรวจน่ารักใจดีมาช่วยวอลเตอร์

วอลเตอร์ คาร์ กับมาร์ก ไนต์เท็น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยเขาในคืนนั้น

วอลเตอร์ คาร์ กับมาร์ก ไนต์เท็น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยเขาในคืนนั้น

เรื่องราวอันน่าทึ่งนี่ เพิ่มความน่ารักเข้ามาอีก เมื่อคุณตำรวจมาเป็นตัวละครที่มีสีสันของเรื่องนี้

วอลเตอร์ เดินจ้ำอ้าวคนเดียวท่ามกลางถนนมืด ๆ เปลี่ยว ๆ เขาเดินต่อเนื่องมาถึง 4 ชั่วโมงกว่า จนมาถึงเมืองเพลแฮม ตอนตี 4 แต่บ้านของลูกค้าก็ยังต้องออกจากเมืองไปอีกไกลนัก ถึงตอนนี้วอลเตอร์หมดแรงแล้ว เขาทรุดตัวลงนั่งหายใจหอบอยู่ข้างถนน ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ตำรวจสายตรวจ มาร์ก ไนต์เท็น ผ่านมาพอดี เขาสังเกตเห็นเด็กหนุ่มมานั่งอยู่ข้างถนนตอนตี 4 เกิดความสงสัยจึงจอดรถถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ผมฟังวอลเตอร์เล่าเรื่องราวของเขาไม่ถึงหนึ่งนาที แค่นั้นผมก็ทึ่งแล้ว ไอ้หนูนี่มันใจสู้จริงวุ้ย”
มาร์ก เล่าความรู้สึกเขาตอนที่เจอวอลเตอร์

สิ่งที่มาร์กกับเพื่อนตำรวจอีก 2 คนทำนั้นน่ารักมาก เค้าชวนวอลเตอร์ขึ้นรถ พาวอลเตอร์ไปเลี้ยงข้าวเช้า แค่นั้นยังไม่พอมาร์กยังสั่งอาหารใส่ถุงให้วอลเตอร์ไว้กินตอนมื้อเทียงอีกด้วย แล้วมาร์กก็พาวอลเตอร์ไปส่งไว้ที่หน้าโบสถ์ ซึ่งพิจารณาแล้วว่าน่าจะปลอดภัยที่วอลเตอร์จะเดินทางไปต่อได้

“เค้าเป็นเด็กหนุ่มที่สุภาพเรียบร้อยมาก พูดกับผมนี่ เยสเซอร์ เยสเซอร์ทุกคำเลย”
มาร์ก เล่าถึงความประทับใจที่เขามีต่อวอลเตอร์

แต่มาร์กใจดีกว่านั้นอีก เขาไม่ได้แค่ลาจากวอลเตอร์ไปเฉย ๆ แต่มาร์กยังวอไปหา สก็อตต์ ดัฟฟีย์ เพื่อนตำรวจที่รับช่วงกะเช้า ต่อจากเขาพอดี มาร์กเล่าเรื่องวอลเตอร์ให้ฟัง สก็อตต์เองก็ทึ่งกับวีรกรรมของวอลเตอร์ จึงขับรถหาวอลเตอร์จนเจอแล้วพาวอลเตอร์ไปส่งจนถึงบ้านของเจนนี ลามีย์ ลูกค้ารายแรกของวอลเตอร์

ถึงจุดหมายเสียที บ้านลูกค้ารายแรก

เจนนี ลามีย์ ผู้ที่เล่าเรื่องราวของวอลเตอร์ สู่โลกโซเชียล

เจนนี ลามีย์ ผู้ที่เล่าเรื่องราวของวอลเตอร์ สู่โลกโซเชียล

เสียกริ่งหน้าประตูบ้านเจนนีดังตอน 6.30 น. เจนนีเล่าว่าเธอตกใจมากที่เปิดประตูบ้านมาเจอตำรวจ แต่คุณตำรวจก็บอกว่าเขาอาสาพาไอ้หนุ่มนี่มาส่งบ้านเธอ แต่วอลเตอร์มาถึงก่อนเวลานัดหมายชั่วโมงกว่า เจนนีได้รับรู้เรื่องราวของวอลเตอร์ก็รู้สึกเอ็นดูและสงสาร แล้วยิ่งรู้ว่าวอลเตอร์เพิ่งได้นอนมาแค่ 4 ชั่วโมงเองก่อนจะเดินเท้ามาหาเธอ เจนนีจึงเชื้อเชิญให้วอลเตอร์ไปงีบเอาแรงบนบ้านก่อนดีกว่า เพราะอีกตั้งนานกว่าเพื่อนร่วมงานของเขาจะมา แต่วอลเตอร์ก็ปฏิเสธ แล้วยืนยันที่จะเริ่มงานไปก่อนล่วงหน้าเลย

“ฉันไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าเรื่องราวของวอลเตอร์นั้นกินใจฉันขนาดไหน เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีทั้งความอ่อนน้อมถ่อมตนแต่ก็มีความสดใสร่าเริง วอลเตอร์แข็งแรง สู้งานหนัก เพราะเขามีฝันที่ยิ่งใหญ่มาก”
เจนนี เล่าความรู้สึกที่เขามีต่อวอลเตอร์

และนี่คือจุดเริ่มต้นจากเรื่องราวเล็ก ๆ ของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่เมื่อเจนนี เล่าเรื่องราวความประทับใจของเธอไปบนเฟซบุ๊ก วีรกรรมเล็ก ๆ ของวอลเตอร์ก็ได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์ทันที
“หลังจากได้ฟังเรื่องราวของวอลเตอร์แล้ว ฉันนี่จินตนาการแทนความรู้สึกเขาไม่ถูกจริง ๆ ตอนที่เค้าเดินอยู่บนถนนกลางดึกอย่างโดดเดี่ยวแบบนั้น กี่ครั้งกันนะที่เค้าอยากจะหันหลังกลับ จะกี่ครั้งกันนะที่เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่าเขาคิดถูกแล้วเหรอที่มาเดินอยู่แบบนี้ และอีกกี่ครั้งที่เขาคิดว่ายอมแพ้ดีกว่า นั่งลงข้างทางรอให้ถึงรุ่งเช้าแล้วเรียกรถกลับบ้านมันจะง่ายกว่ามั้ย แต่แล้วเขาก็เอาชนะ ดั้นด้นมาถึงนี่ได้ ฉันนี่ทึ่งเหลือเกินกับเด็กหนุ่มคนนี้”

 

เมื่อเจ้าของบริษัทรับรู้ถึงวีรกรรม

วอลเตอร์ ซาบซึ้งน้ำใจที่ลุค มีให้กับเขา

วอลเตอร์ ซาบซึ้งน้ำใจที่ลุค มีให้กับเขา

ก็ต้องขอบคุณเจนนี ในทางอ้อมนะ ที่เล่าเรื่องราวของวอลเตอร์ ลงบนเฟซบุ๊กให้โลกรับรู้วีรกรรมเล็ก ๆ ของเขา เพราะหนึ่งในคนที่ได้อ่านก็คือ ลุค มาร์กลิน Ceo ของ เบลล์ฮอป บริษัทที่วอลเตอร์ทำงานอยู่นั่นเอง พอลุคได้อ่านก็รู้สึกประทับใจกับพนักงานใหม่ของเขาอย่างมาก
“ผมได้อ่านเรื่องของเขานี่ตอนเช้าวันอาทิตย์ ทำเอาผมอึ้งไปเลย นี่มันเป็นเรื่องดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในบริษัทนี้แล้ว”

ฟอร์ด เอสเคป 2014 ที่ลุคมอบให้วอลเตอร์

ฟอร์ด เอสเคป 2014 ที่ลุคมอบให้วอลเตอร์

ในสายตาของลุค การกระทำของวอลเตอร์นี่ส่งผลดีอย่างมากกับภาพพจน์ของบริษัท ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้เบลล์ฮอปเป็นบริษัทขนส่งที่น่าเชื่อถือ เขาต้องตอบแทนอะไรสักอย่างกับวอลเตอร์แล้วล่ะ แล้วลุคก็เลือกตอบแทนพนักงานผู้น่ารักของเขาด้วยการส่งกุญแจรถ ฟอร์ด เอสเคป ปี2014 ให้กับวอลเตอร์
“จริง ๆ เหรอ”
วอลเตอร์ แทบไม่เชื่อว่าลุค จะยกรถของลุคเองให้กับเขา

“ผมรู้ได้เลยว่ารถผมคันนี้มันจะได้ใช้ประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน วอลเตอร์เค้าสุดยอดมาก เค้าคือพนักงานที่เป็นแบบอย่าง”
ลุคกล่าวถึงพนักงานใหม่ของเขา

 

วิดีโอตอนที่ลุคมอบรถของเขาให้กับวอลเตอร์

Play video

เรื่องราวดี ๆ ที่กลับมาหาวอลเตอร์ยังไม่หมดแค่นี้ หลังจากเจนนีโพสต์เล่าเรื่องราวของวอลเตอร์บนเฟซบุ๊กแล้ว เธอยังสานต่อด้วยการเปิดแคมเปญรับบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนให้วอลเตอร์นำไปซ่อมรถของเขา (อาจจะเปิดแคมเปญก่อนที่ลุคจะยกรถให้วอลเตอร์) เจนนีตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 เหรียญเท่านั้น แต่ยอดบริจาคกลับหลั่งไหลไปถึง 11,000 เหรียญตอนปิดรับบริจาค

วอลเตอร์ รู้สึกตื้นตันมากกับเรื่องราวที่คนรอบตัวรวมถึงคนบนโลกออนไลน์มอบให้กับเขา
“ผมยังช็อกอยู่เลยครับ ผมขอบคุณลุค เจ้านายของผม ผมขอบคุณทุก ๆ คนที่เสียสละเวลาส่วนตัวมารับฟังเรื่องราวของผม”

เราอาจมองเรื่องราวของวอลเตอร์ ว่าเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ บนซีกมุมหนึ่งของโลกก็ได้ แต่มันเต็มไปด้วยความน่ารักและความน่าทึ่ง หรือมองอีกด้านหนึ่งมันก็เป็นเรื่องราวที่ให้กำลังใจกับคนสู้ชีวิต เป็นแบบอย่างที่ดีของคนทำงาน แถมด้วยข้อคิดที่ดีอีกมากมาย ทั้งในเรื่องความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ให้ความสำคัญกับงานไม่ว่าคุณจะเป็นพนักงานระดับเล็กน้อยเพียงใด การมีทัศนคติที่ดีกับงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่เกี่ยงแม้จะเป็นงานเล็ก ๆ ก็ตาม อย่ายอมแพ้สุดท้ายความดีก็ต้องได้รับการมองเห็น และได้รับการตอบแทนอย่างสมควรในท้ายที่สุด

 

อ้างอิง

อ้างอิง