วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 คงจะกลายเป็นอีกวันหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้ในความทรงจำของชาวร็อกทั้งหลายที่ได้สัมผัสประสบการณ์สุดระห่ำและประทับใจ กับการมาเยือนไทยครั้งที่สองของวงร็อกซูเปอร์สตาร์ขวัญใจมหาชนจากเชฟฟิลด์ “Bring Me The Horizon” ที่คราวนี้ได้พกพาเอาประสบการณ์อันโชกโชนอันเกิดจากการทำงานเพลงที่ไม่หยุดอยู่กับที่และมีพัฒนาการตลอดเวลา รวมไปถึงความเจนเวทีที่สามารถสะกดใจผู้ชมได้อย่างถึงใจ จนพร้อมปล่อยตัวปล่อยใจไปกับท่วงทำนองอันเร้าใจราวกับโดนสะกดจิตไว้

ราว ๆ หนึ่งทุ่ม เริ่มอุ่นเครื่องความเดือดจากวงเมทัลคอร์เลือดไทย “Annalynn” ที่ประเคนบทเพลงสุดหนักหน่วงลงมากระแทกกระทั้นกลุ่มผู้ชมอย่างไม่หยุดยั้ง ด้านบนเวทีเดือดแค่ไหน ด้านล่างก็เดือดไม่แพ้กัน แม้แต่สายฝนที่โปรยปรายลงมา ก็มิอาจหยุดยั้งความเดือดนี้ได้

 

เหมือนระเบิดที่ถูกจุดชนวนไว้ แฟน ๆ BMTH รอคอยวงอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเวลาล่วงมาถึงราวสองทุ่มครึ่ง ท่วงทำนองแรกจาก BMTH ก็ชำแรกผ่านความเงียบออกมา “Ludens” บทเพลงประกอบเกม “Death Stranding” และซิงเกิลล่าสุดของวงถูกใช้เป็นบทโหมโรงความระห่ำในค่ำคืนนี้

ลิสต์เพลงจัดเต็มทั้งเพลงเก่าและเพลงใหม่ รวมทั้งหมดซัดไปกว่า 16 เพลงไม่ว่าจะเป็น “Can You Feel My Heart” “Wonderful Life” “Medicine” “House of Wolves” “Sugar Honey Ice & Tea” ต่อด้วย “Diamonds Aren’t Forever” ที่หลายคนสะใจเพราะไม่คิดว่าจะขุดเอามาเล่น พอขึ้นเพลงมาเท่านั้นล่ะอารมณ์มันเดือดพล่าน !

จากนั้นก็มาต่อที่ “Shadow Moses” “Happy Song” สุดเดือดจนเปลี่ยนอารมณ์กันแทบไม่ทันเมื่อต่อด้วย “Mother Tongue” เพลงหวาน ๆ จากอัลบั้มล่าสุดที่พี่โอลิเวอร์แต่งจากอารมณ์อินเลิฟ จริง ๆ การที่ทางวงหันมาลองอะไรใหม่ ๆ (ที่อาจทำแฟนเพลงแปลกใจ) ในอัลบั้ม “amo” มันก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ทำให้เซ็ตลิสต์ของวงมีรสชาติที่กลมกล่อมบนความหลากหลายซึ่งมันก็เพลินดีนะ

และต่อมาคืออีกช่วงเวลาประทับใจเมื่อพี่โอลิถามหาว่ามีนักร้องอยู่บ้างไหมในหมู่ผู้ชม จนมีผู้โชคดีได้ขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีกับพี่โอลิและ BMTH ในเพลง “Antivist” ซึ่งชาวร็อกคนนี้ก็ทำหน้าที่ได้ดีสมเกียรติแฟนเพลงผู้โชคดี ร้องดีร้องเดือด นำอารมณ์เพื่อน ๆ ที่อยู่เบื้องล่างได้สะใจแท้ จากนั้นตามติดมาด้วย “Nihilist Blues” กับอีกหนึ่งช่วงเวลาประทับใจมื่อพี่โอลิลงมาชิดใกล้กับแฟนเพลงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนทำตาซึ้งอยู่ที่หน้าเวทีและวินาทีแห่งความโชคดีสุดพีคก็เกิดเมื่อโอลิยื่นหน้าเข้าไปใกล้ จนใบหน้าของเธอถูกราดรดด้วยลมหายใจและเสียงร้องของเขา จากนั้นพี่โอลิจึงจุมพิตลงไปบนหน้าผากของเธอเบา ๆ โอ๊ยฟินไปเลยล่ะ!

มาต่อกันที่ “Follow You” ที่พี่โอลิขอให้แฟนเพลงขี่คอกันกับเพื่อนข้าง ๆ เป็นอีกหนึ่งภาพที่หน้าประทับใจ อันคลอเคล้าไปกับท่วงทำนองของบทเพลง ปิดท้ายกันด้วยอีกบทเพลงสุดมันส์ “Throne” ที่คราวนี้พี่โอลิขอให้เราเป็นสายย่อ ย่อลงไปให้สาแก่ใจ ก่อนที่จะกระโดดไปพร้อมกันจนพื้นสั่นสะเทือนเลือนลั่น รับรู้ได้ถึงแรงสั่นของพื้นแข็ง ๆ เบื้องล่างบาทาเลยล่ะ

พักเบรกสั้น ๆ ก่อนจะมาต่อกันที่ 2 เพลง Encore คือ “Mantra” และ “Drown” ที่ปิดงานคอนเสิร์ตในครั้งนี้ได้มันส์เต็มที่ ทิ้งเรี่ยวทิ้งแรงที่มีไว้ตรงนี้กันเลย

ต้องบอกว่า Bring Me The Horizon คืออีกหนึ่งวงที่จัดโชว์ได้เต็มพิกัดถึงใจ มาทั้งภาพและเสียง ไม่เพียงแต่ท่วงทำนองจะทำหน้าที่เร้าอารมณ์เราไปตามบทบาทของมันแล้ว ภาพจากจอ LCD ขนาดใหญ่เบื้องหลังก็ฉายทำหน้าที่ของมันได้ดีไม่แพ้กัน ภาพที่ฉายประกอบล้วนแต่งเติมเสริมต่ออารมณ์ของเพลงได้ถึงขนาด นอกจากนี้ยังมีเหล่าแดนเซอร์สวมหน้ากากมาร่ายรำ เร่าร้อนคลอไปกับท่วงทำนองระห่ำด้วย

ส่วนพี่โอลิเวอร์นี่ก็กระไรมาพร้อมเสน่ห์มัดใจแฟน ๆ เต็มที่ ไม่ว่าจะลีลาบนเวทีหรือด้านล่างเวทีที่พี่เค้าขยันวิ่งลงมาหา ทักทายเหล่ามหาชนคนร็อกเบื้องล่างได้อย่างสาแก่ใจ แถมไม่รู้ไปหัดพูดไทยมาจากไหนสำเนียงนี่เริ่มคล้ายคนไทยเข้าไปทุกที “ขอบคุณครับ” “สนุกมั้ยครับ” นี่มีมาแทบจะทุกเพลง เข้าถึงใจแฟน ๆ ขนาดนี้ไม่ว่าพี่เค้าจะขออะไร เราก็ทำให้หมดจะมอชพิท เซอร์เคิลพิท นั่งย่อ ขี่คอ อะไรก็จัดให้ได้หมด ถือเป็นอีกคอนเสิร์ตสุดประทับใจที่แฟน ๆ เทให้หมดใจเลย

และขอขอบคุณ THE VERY COMPANY ที่จัดงานดี ๆ ในครั้งนี้ครับ

 

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส