Our score
8.2Frozen 2 IMAX3D
จุดเด่น
- เกล็ดหิมะทะลุจอทั้งเรื่อง
- เอลซาขยันปล่อยพลัง ทำให้เห็นภาพเด้งอยู่เป็นช่วง ๆ
- ระบบภาพและเสียงของ IMAX3D ขับพลังหนังให้โดดเด่นขึ้นมาก โดยเฉพาะเพลงประกอบในโรงIMAX คือดีย์ เลย
จุดสังเกต
- ฉากกลางคืนเยอะ ทำให้สังเกตมิติภาพได้ยาก
- มีการสอดแทรกช็อต 2 มิติธรรมดา
-
เหมาะมั้ยกับระบบ IMAX3D
8.0
-
มิติภาพด้านลึก
7.0
-
ภาพเด้งทะลุจอ
8.0
-
ถอดแว่นมองภาพเบลอ
8.0
-
ความปลอดภัยต่ออาการคลื่นไส้ เวียนหัว
10.0
ต้อนรับ Frozen 2 แอนิเมชันฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปีจาก ดิสนีย์ ที่ภาคก่อนเคยทำสถิติตั๋ว IMAX 3D ขายกันถล่มทลายมาแล้ว และในโอกาสที่ภาคต่อมาฉายระบบ IMAX3D ในรอบ 6 ปี มีหรือ หนังเรื่องนี้พี่ดูระบบไหนดี จะพลาด เลยขอรีวิวว่าควรไปผจญภัยกับราชินีหิมะและการตามหาที่มาของพลังของเธอบนจอยักษ์แบบทะลุจอกันหรือไม่
เหมาะมั้ยกับระบบ IMAX3D
จากข้อมูลด้านเทคนิคของหนังจากเว็บไซต์ IMDB ระบุว่าตัวหนังถูกผลิตด้วยอัตราส่วนภาพ 2.39:1 และมิกซ์เสียงในระบบ Dolby Atmos , DTS : X และ Dolby Surround 7.1 นั่นหมายความว่าตัวหนังไม่ได้ถูกผลิตเพื่อฉายในระบบ IMAX โดยเฉพาะ แต่ยังดีที่มีการทำมาสเตอร์เป็น 3D แท้ ทำให้เราได้เห็นมิติภาพที่ค่อนข้างชัดเจนซึ่งเราจะกล่าวถึงในหัวข้อต่อ ๆ ไป แต่อย่างไรก็ดีจากการที่ได้ดูตัวหนังเต็ม ๆ ก็พอจะบอกได้ว่า Frozen 2 มีหลายฉากพอสมควรที่สมควรดูบนจอใหญ่ ๆ ยิ่งภาคนี้ เอลซา เธอขยันฟรีซทุกอย่างที่ขวางหน้าเหลือเกิน ตั้งแต่น้ำจากความชื้น ไปจนถึงมวลน้ำรอการระบายมากมาย ที่สำคัญคือฉากแอ็กชันขนานใหญ่ท้ายเรื่องที่ต้องยอมรับว่าทั้งความใหญ่โตของจอและระบบเสียงของ IMAX ช่วยเพิ่มอรรถรสได้จริง ๆ โดยเฉพาะเพลงประกอบภาพยนตร์เพราะ ๆ ได้ฟังในโรง IMAX คือฟินลื่มไปเลย ดังนั้นจึงขอให้คะแนนที่ 8 คะแนนครับ
มิติภาพด้านลึก
ต้องยอมรับในระบบภาพ3Dของหนัง ที่ทำได้ค่อนข้างดีมาตั้งแต่ภาคแรก และสำหรับมิติภาพด้านลึกในภาคนี้ก็ยังทำได้ดีในบางฉากเช่นเคยแม้ว่าการที่หนังเน้นซีนกลางคืนเยอะจะทำให้สังเกตเห็นยากไปนิดก็ตามที จะมีจุดสังเกตเพียงช็อตโคลสอัพที่หนังไม่ได้ให้ระยะห่างระหว่างตัวละครกับฉากหลังที่มิติด้านลึกอาจหายไปบ้าง เอาเป็นว่างานภาพมีมิติด้านลึกแต่ไม่โดดเด่นนัก เราให้ 7 คะแนนสำหรับหัวข้อนี้
ภาพเด้งทะลุจอ
หากใครดูภาคแรกแล้วประทับใจกับเกล็ดหิมะที่ลอยล่องทะลุจอแล้วล่ะก็ ภาคนี้ก็ยังมีอยู่แถมเยอะกว่าเดิมด้วย เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าภาคนี้ เอลซา เน้นปล่อยพลังน้ำแข็งมากเป็นพิเศษ เราเลยเห็นเกล็ดหิมะสวย ๆ ลอยหลายช่วงชวนกรี๊ดจนแทบร้องขอชีวิตเลยล่ะ แถมยังขยันใส่องค์ประกอบที่ทำให้เห็นภาพเด้งออกมาตั้งแต่ เครื่องบินกระดาษที่พาเราไปหาตัวละคร หรือกระทั่งฉากแอ็กชันขนานใหญ่ตอนท้ายที่มีการขว้างปาหิน ระบบภาพ 3D ก็ทำให้หนังดูน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมากเลย แม้ว่าหนังจะไม่ได้ให้ภาพทะลุจอทั้งเรื่องแต่ฉากที่โชว์ศักยภาพด้านนี้ก็ดีพอ ดังนั้นจึงขอให้คะแนน 8 คะแนน
ถอดแว่นมองภาพเบลอ
หนัง 3D แท้ ๆ ต้องมีการซ้อนกันของภาพ จากการถอดแว่นซีนละ 3 ครั้งตลอดเรื่องพบว่า บางฉากของหนังมีการแอบสอดแทรกภาพ 2D อยู่บ้างโดยเฉพาะช็อตที่เอลซา อันนา นอนบนเตียง หรือ หัวหนุนหมอน และช็อตโคลสอัปต่าง ๆ ที่มีการใส่ภาพ 2 มิติธรรมดาลงไป แต่อย่างไรก็ตามกว่า 80% ของหนังก็ยังเห็นภาพเบลออยู่ดี ดังนั้นเราจึงขอให้คะแนนที่ 8 คะแนน
ความปลอดภัยต่ออาการคลื่นไส้เวียนหัว
หายห่วงได้เลยเพราะภาพบนจอ IMAX3D ของ Frozen 2 ปราศจากฉากที่ชวนให้คลื่นไส้หรือเวียนหัว แม้ในฉากจะเคลื่อนไหวเร็วแค่ไหนแต่จังหวะการตัดต่อและขนาดภาพก็ช่วยให้เราติดตามเรื่องราวบนจอได้อย่างลื่นไหลและไม่สะดุด ดังนั้นขอให้คะแนนที่ 10 คะแนนเต็ม
สรุป ! คุ้มมั้ย…กับ IMAX3D
จากราคาตั๋วใน Major Super App จะเห็นว่าสาขาถูกที่สุดยังคงเป็นเชียงใหม่ที่เร่ิมต้นที่ 200 บาท และแพงสุดคือ 250 บาท รองลงมาคือสาขาชานเมืองอย่าง เวสต์เกต ซีนิเพล็กซ์ ราคาเท่ากับสาขาเมเจอร์ รัชโยธิน เริ่มต้นที่ 250 บาทและแพงสุดคือ 800 บาท ส่วนสาขาในเมืองอย่าง พารากอนซีนีเพล็กซ์ ควอเทียร์ซีเนอาร์ต และ ไอคอนซีเนคอนิก จะเริ่มต้นที่ 350 บาท แพงสุดที่ 1400 บาท ซึ่งจากคุณภาพของงาน 3 มิติและราคาที่ไม่หนีจากราคาตั๋วหนังปกติเท่าไหร่ ใครใกล้สาขาไหนแนะนำ แต่หากใครอยู่ต่างจังหวัด. Frozen 2 สามารถดูให้สนุกในระบบธรรมดาได้เหมือนกันครับ ไม่ต้องเปลืองเงินค่าเดินทางมาชมในกรุงเทพมหานคร.