แนะนำอัลบั้มใหม่รายสัปดาห์กลับมาพบกับเพื่อน ๆ อีกครั้งหลังหายไปพักร้อนสักระยะ คราวนี้เรายังคงมีอัลบั้มดี ๆ กลับมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ไปฟังกันอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีอัลบั้มเพลงดี ๆ ออกมามากมายเลย ไม่ว่าจะเป็นของไทยเองหรือของต่างประเทศ นี่ยังไม่นับรวมอัลบั้มที่ออกเป็นแผ่นออกขายในงาน CAT EXPO 6 ซึ่งบางอัลบั้มอาจยังหาฟังในสตรีมมิงไม่ได้ เราก็เลยขอคัดอัลบั้มที่สามารถฟังได้ในสตรีมมิงมาก่อนให้เพื่อน ๆ ได้อ่านและกดฟังกันได้เลย สำหรับในสัปดาห์นี้จะมีอัลบั้มอะไรบ้างนั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
Coldplay “Everyday Life”
Coldplay มาพร้อมอัลบั้มคู่ที่มีบทเพลง 16 เพลง แต่มีความยาวรวมเพียง 52 นาที แต่ละเพลงเปรียบเสมือนส่วนเสี้ยวของห้วงความคิดและความรู้สึก บางครั้งฟังแล้วอาจเหมือนภาพร่างของเพลงที่จะต้องถูกพัฒนาให้กลายเป็นเพลงสมบูรณ์ต่อไป ในอัลบั้มนี้เราจึงแทบจะไม่ได้ยินเพลงที่เรียบเรียงมาแบบฟูลแบนด์จัดเต็มเหมือนที่เคยเป็นมา (หากจะมีใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็น “Champion of the World”)
แต่ทว่าหากเราลองฟังดี ๆ จะพบว่างานเพลงในอัลบั้มนี้มีความสมบูรณ์ในตัวมันเองอยู่แล้ว เราเองต่างหากที่เคยชินไปกับงานเก่า ๆ และคิดว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้นเสมอ ความงามใน “Everyday Life” คือการพาเราไปสัมผัสกับเสียงที่แปลกใหม่ ทั้งในมิติของดนตรีและมิติของเรื่องราว ในด้านมิติของดนตรี Coldplay ได้ก้าวจากวงร็อกระดับอารีน่ากับงานดนตรีที่มาพร้อมเสียงโหมกระหน่ำ มาสู่บทเพลงที่สงบงันและลุ่มลึกที่หยิบจับเอาส่วนผสมทางดนตรีที่หลากหลายเข้ามาผสาน อาทิดนตรีของคนผิวดำหรือดนตรีโฟล์กมาผสมผสานเรียงร้อยเข้าไปกับเอกลักษณ์ของตนในแต่ละบทเพลง ดังเช่น “BrokEn” ที่มาพร้อมท่วงทำนองของดนตรีกอสเปล “Arabesque” ที่มาพร้อมเนื้อร้องภาษาฝรั่งเศสในบางท่อนและรสสัมผัสของดนตรีแจ๊ส รวมไปถึงสุ้มเสียงที่แปลกใหม่จากนักดนตรีที่มาร่วมงานในอัลบั้มนี้ไม่ว่าจะเป็นนักร้องสาวชาวไนจีเรีย “ทิวะ ซาเวจ (Tiwa Savage)” นักร้องแนวคอว์วาลี (ดนตรีของอิสลามนิกายซูฟี) “แอมจัด ซาบรี(Amjad Sabri)” , อลิซ โคลเทรน (Alice Coltrane) ผู้มีชื่อสันสกฤตว่า “ดุริยสังคีตนันทา (Turiyasangitananda)” เธอคือนักดนตรีแจ๊สชาวอเมริกันและภรรยาของมือแซ็กระดับตำนาน จอห์น โคลเทรน , สก็อตต์ ฮัตชิสัน (Scott Hutchison) แห่งวงอินดี้ร็อกนาม “Frightened Rabbit” และ นักดนตรีชาวไนจีเรียสามรุ่นแห่งตระกูล Kutis ได้แก่ Fela , Femi และ Made
ส่วนในมิติของเรื่องราวนั้น Coldplay ได้นำเสนอเรื่องราวของคนในฝั่งที่ไกลห่างจากชีวิตเรา บุคคลที่ประสบกับความทุกข์หลากชนิด ดังเช่นใน “Orphans” ที่เล่าเรื่องของเด็กทั้งหลายที่ต้องสูญเสียพ่อแม่ไปจากภัยสงคราม “Daddy” บทเพลงบัลลาดสุดละมุนเศร้าเล่าเรื่องราวของเด็กน้อยที่ร้องเรียกหาพ่อผู้ทอดทิ้ง บทเพลงเหล่านี้ได้พาเราไปสัมผัสกับความคิดและความรู้สึกของผู้อยู่ในห้วงทุกข์เหล่านั้น ซึ่งถึงแม้เราจะไม่ได้เจ็บปวดในระดับเดียวกับพวกเขาก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็ “ได้ยิน” ได้รับรู้และสัมผัสเรื่องราวเหล่านั้นที่ถูกนำพามาสู่ใจเราผ่านบทเพลงอันงดงามของ Coldplay
ADOY “Vivid”
ADOY วงดนตรีอินดี้ 3 หนุ่ม 1 สาวจากเกาหลี โอจูฮวาน (ร้องนำ, กีตาร์) ซี (ซินธิไซเซอร์) ชองดายอง (เบส) และพักกึนชาง (กลอง) (ชื่อวงมาจากเจ้าแมววิเชียรมาศที่เลี้ยงไว้ชื่อว่า YODA) ที่มาพร้อมงานเพลงแนว ซินธ์พอปและอิเล็กทรอนิกพอปกับเนื้อหาเรื่องความรักที่นุ่มละมุน เคลิ้มฝัน ฟังสบาย แต่เท่และมีสไตล์ ที่เอาชนะใจผู้ฟังชาวไทยได้จากผลงานเพลงทั้ง 2 EP คือ CATNIP และ LOVE ที่มีหน้าปกเป็นรูปการ์ตูนลายเส้นสไตล์ญี่ปุ่น (ผลงานของศิลปินนาม Aokizy) จนได้เปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทยไปถึงสองครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมาและบัตรก็ขายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วทั้งสองครั้ง
กลับมาคราวนี้ ADOY มาพร้อมอัลบั้มแบบเต็ม ๆ เป็นชุดแรกในชื่อว่า “Vivid” ซึ่งงานเพลงในอัลบั้มนี้ก็เจิดจ้าและมีชีวิตชีวาสมชื่อเลย ยังคงละมุน งดงาม ชวนเคลิบเคลิ้มเช่นเคย แต่ก็ต้องบอกว่ามีอะไรแปลกใหม่เติมเข้ามาเหมือนกันซึ่งสามารถรู้ได้จากการบอกใบ้ผ่านหน้าปกอัลบั้มในคราวนี้ที่เป็นตัวการ์ตูนเหมือนเดิม แต่มีสีหน้าแสดงอาการเหวอ ! ตกใจเหมือนเห็นอะไรน่ากลัวหรือแปลก ๆ สักอย่าง นั่นคงเป็นการบอกว่าในอัลบั้มนี้อาจมีกลิ่นของความเศร้าหรือดาร์กมาผสมอยู่นิด ๆ นะ แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงสดใสแบบ ADOY อยู่ดี เรียกได้ว่าอัลบั้มนี้ฟังเพลินครบรสดีเลยล่ะ
Beck “Hyperspace”
เป็นคนที่ไม่เคยหยุดยิ่งอยู่ที่เดิมเลยสำหรับ “เบ็ก (Beck)” นักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน ผู้โลดโผนโจนทะยานอยู่ในยุทธจักรดนตรีมาตั้งแต่ปี 1989 จนมาวันนี้ก็ล่วงเลยมากว่า 30 ปีแล้ว จนมีอัลบั้ม “Hyperspace” นี้เป็นอัลบั้มที่ 14
จากอัลบั้มก่อนหน้า “Colors” (2017) เบ็กได้ร่วมงานกับ Greg Kurstin มือโปรดิวซ์ระดับเทพผู้ร่วมงานกับศิลปินดังอย่าง Adele และ Liam Gallahger จนออกมาเป็นงานที่มีส่วนผสมหลากหลายแนวตั้งแต่แดนซ์ร็อกไปยันเอ็กซ์เพอริเมนทัลพอป จนมันได้รับรางวัล Best Alternative Music Album จากแกรมมี่ในที่สุด
ใน “Hyperspace” ( มาจากชื่อ special feature ในเกมสุดคลาสสิก “Asteroids” จากปี1979) เบ็กได้ทดลองแนวทางใหม่ด้วยการร่วมงานกับ Pharrell Williams ที่มารับหน้าที่โค-โปรดิวซ์คลอดผลงานออกมาในสไตล์มินิมอล ซินธ์พอป ที่มีกลิ่นของเวเพอร์เวฟ (ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นยุค 2010 โดยเกิดขึ้นจากความหลงใหลในเพลงยุค 1980 และ 1990 เช่น ดนตรีเลานจ์ สมูธแจ๊ส อาร์แอนด์บี และ ดนตรีลิฟต์) ลามมาจนถึงงานอาร์ตปกที่เป็นรูปพี่เบ็กยืนเอามือบังแสงไฟอยู่หน้ารถสไตล์คลาสสิกสีแดง พร้อมตัวอักษรญี่ปุ่นคาตาคานะที่เป็นชื่ออัลบั้ม เวเพอร์เวฟมาก ๆ บอกเลยว่าเท่สุด ๆ กรี๊ดตั้งแต่เห็นปกแล้วยังไม่ทันได้ฟังเพลงเลย
ซึ่งพอมาได้ฟังเพลงทั้งอัลบั้มแล้วก็ไม่ผิดหวัง ฟังรวดเดียวเพลิน ๆ ไปได้ทั้งอัลบั้ม แต่ละเพลงก็มีความเจ๋งของตัวเองไม่ว่าจะเป็น “Uneventful Days” เวเพอร์เวฟจังหวะสบาย ๆ ที่ให้อารมณ์แบบก้ำกึ่งดี จะแบบสดใสก็ไม่ใช่จะหม่นก็ไม่เชิง “Die Waiting” ที่ได้นักร้องสาว “สกาย ฟีร์ไรรา” (Sky Ferreira) มาร่วมแจมด้วยท่ามกลางการประสานกับระหว่างอะคูสติกกีตาร์สตรัม ซาวด์ซินธ์เท่ ๆ บีทกลองอิเล็กทรอนิกติดกลิ่นฮิปฮอปเบา ๆ “Chemical” เพลงบัลลาดเวเพอร์เวฟอารมณ์นุ่มเป็นเพลงที่โรแมนติกที่สุดในอัลบั้มแล้ว ใครชอบเพลงช้า ๆ น่าจะถูกใจเพลงนี้ “Stratosphere” พิเศษด้วยเสียงร้องประสานจาก “คริส มาร์ติน” (Chris Martin) แห่ง Coldplay “Dark Places” บทเพลงเหงา ๆ ที่มาพร้อมไลน์เบสโดดเด้ง เป็นหนึ่งในเพลงเหงาอันงดงามของอัลบั้มนี้ และ แทร็กส่งท้าย “Everlasting Nothing” ปิดอัลบั้มด้วยบทเพลงบัลลาดอารมณ์เข้มกับห้วงอารมณ์ของการก้าวเดินไปในวันข้างหน้าด้วยท่วงท่าที่ผ่อนคลายเป็นการจบอัลบั้มด้วยพลังอันงดงาม
NAP A LEAN “Lonelypop”
NAP A LEAN เริ่มต้นจากการเป็นวงอินดี้ที่มีสมาชิกสองคนคือ โต้ (ร้องนำ) และ ฮั้ว (กีตาร์) สองหนุ่มจากเชียงใหม่ที่มีใจรักในเสียงดนตรี เริ่มทำเพลงเองและปล่อยผลงานออกมาจนเป็นที่ถูกตาต้องใจของนักฟังชาวไทย มาจนวันนี้พวกเขาได้มีทั้งหมด 4 คนได้แก่ โต้ – ธนพล ทองสวัสดิ์ (ร้องนำ), ฮั้ว – พิสิฐ สมบัติพินพง (กีต้าร์), บาส – ปณิธิ สุขสายชล (เบส) และดอน – นภัสรพี ยาอินทร์ (กลอง) กลายเป็นวงที่มีความสมบูรณ์และพร้อมออกโลดแล่นเต็มที่
การเป็นวงจากเชียงใหม่เหมือนจะเป็นการการันตีว่าผลงานนั้นจะมีความไพเราะ นุ่มละมุน ฟังสบาย คล้าย ๆ กับที่เราได้รับจาก ETC , HUM หรือ POLYCAT ซึ่ง NAP A LEAN ก็มีสิ่งเหล่านี้และสิ่งที่มีเพิ่มเติมคือท่วงทำนองที่ขี้เล่นและสนุกสนาน ผลงานของพวกเขาจึงเป็นส่วนผสมของความกลมกล่อมลงตัวทั้งสุข สนุก เศร้า เหงา ซึ้ง ซึ่งชื่ออัลบั้ม “LONELYPOP” ก็เหมือนจะบ่งบอกอารมณ์ในชิ้นงานของพวกเขาได้ดี หนึ่งคือมันเหงาแบบ LONELY และมีความ POP แบบ Lollipop หรืออมยิ้มที่เป็นขนมที่มากับอารมณ์สนุก ขี้เล่น ร่าเริง
บทเพลงทั้ง 12 จากอัลบั้ม “LONELYPOP” เกิดจากการรวบรวมผลงานในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาของวง จนมันเต็มอิ่มราวกับเป็นอัลบั้มรวมฮิตชั้นดี ที่มีเพลงเหงา ๆ เศร้า ๆ อย่าง “ไม่คิดถึงเลย” ที่ถ่ายทอดอารมณ์ของคนเหงาที่ต้องซ่อนความรู้สึกที่มีไว้ข้างในไม่แสดงออกมาว่าเรายังคิดถึงเขาอยู่ “หยุดเลยอย่าร้อง” ถ่ายทอดเรื่องราวในมุมของคนที่บอกเลิกที่ก็เจ็บและเสียใจไม่แพ้กับคนที่ถูกเลิกเลย หรือ เพลงจังหวะสนุกชวนโยกอย่าง “ช้าไป” บทเพลงจังหวะสนุกที่มีท่อนแรปเข้ามาผสม “School of รัก” บทเพลงน่ารักในห้วงอารมณ์แบบ Puppy Love ที่ได้ Pedro Resende จากวง Tahiti 80 มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ ที่แนะนำมานี่แค่ส่วนหนึ่งไปฟังเต็ม ๆ ทั้งอัลบั้มกันดีกว่าครับ
Nobuna “Akatsuki”
อัลบั้มลำดับที่ 2 จากวงโพสต์ฮาร์ดคอร์เลือดไทยสุดฮิป “NOBUNA” เราประทับใจวงนี้มาตั้งแต่ cover เพลง “Koisuru Fortune Cookie” หรือ คุกกี้เสี่ยงทาย ของ BNK48 ที่วงเปลี่ยนจากบทเพลงน่ารักกุ๊กกิ๊กมาเป็นบทเพลงโหดกระหน่ำจนดูเหมือนจะเป็นคุกกี้เสี่ยงตายมากกว่าเสี่ยงทาย มาคราวนี้ถือว่าสาแก่ใจยิ่งที่วงได้เข็นบทเพลง 11 เพลงมาเป็นอัลบั้มให้ได้ฟังกันเต็ม ๆ กับซาวด์ดนตรีเข้มข้นที่ผสานกลิ่นอายแบบ J-Rock เข้าไป ซึ่งความเป็นญี่ปุ่นนี่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจหลักของวง (สังเกตได้จากทั้งชื่อวง ชื่ออัลบั้ม และลุคของวงรวมไปถึง MV ด้วย) เราจะอิ่มเอมไปกับบทเพลงหนักหน่วงที่มีเมโลดี้ไพเราะ ริฟฟ์กีตาร์เร้าใจ เปียโนพราวพริ้ว กลองและเบสกระหน่ำซัดอย่างหนักแน่น การร้องว้ากและร้องหล่อเค้าคลอสลับกันไป ยิ่งฟังยิ่งสะใจ ซึ่งซาวด์ดนตรีและวิธีการร้องจะชวนให้คิดถึงวงญี่ปุ่นระดับโลกอย่าง ONE OK ROCK หากใครชอบแนวนี้ นี่คือวงไทยสายเจที่คุณจะต้องชอบและประทับใจในผลงานของพวกเขา
TELEx TELEXs “Yes I’m 25 and I’m Single”
“เบญจเพส” หรือช่วงเวลาที่เราเข้าสู่วัย 25 ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญช่วงหนึ่งในชีวิต มันคือช่วงเวลาที่เรากำลังก้าวข้ามจากการเป็นวัยรุ่นไปสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว มันจึงมีส่วนผสมของรสชาติหวานขมในแบบที่วัยรุ่นคนหนึ่งควรเจอ และรสชาติแบบชีวิตผู้ใหญ่ที่กำลังค่อย ๆ ซึมแทรกเข้ามาให้เราได้พบเจอในชีวิต “TELEx TELEXs” วงซินธ์พอปฝีมือดีจึงได้หยิบจับเอาเรื่องราวที่ถาโถมเข้ามาในช่วงเวลาอันเป็นเสมือนจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตนี้ทั้งร้ายและดี กลั่นออกมาเป็นบทเพลง 4 บทเพลงถ่ายทอดออกมาในลีลาของภาษาอังกฤษทั้งหมดแต่แอบแถมเวอร์ชันภาษาไทยไว้หนึ่งเพลงจึงรวมเป็นทั้งหมด 5 เพลงที่เป็นส่วนผสมของเรื่องราวความรักหลากความรู้สึกในท่วงท่าลีลาแบบซินธ์พอป ที่บางเพลงก็เป็นอารมณ์สนุกสนานร่าเริงชวนขยับ อาทิเช่น “June” เพลงจังหวะสนุกๆ ที่พูดเกี่ยวกับคนโสดที่ตกหลุมรักการใช้ชีวิตแบบ City Life บางเพลงก็เป็นความเหงาเศร้าที่มาพร้อมท่วงทำนองอันเข้มข้นอย่างในเพลง “Rain” เพลงช้าที่ดนตรีหนักหน่วงเหมือนสายฝนที่กำลังร่วงลงมาจากท้องฟ้า เพลงนี้เล่าถึงผู้คนที่รู้สึกเศร้าและสภาพอากาศในช่วงเวลานั้นชวนให้พวกเขาอยากจะร้องไห้ออกมา ขอเชิญมาสัมผัสบทเพลงทั้ง 5 อันเป็นเสมือนตัวแทนแห่งวัย 25 จากอัลบั้มนี้ได้เลยครับ
Dept “Super Contrast”
รู้จัก Dept ครั้งแรกตอนไปเล่นเป็นวงเปิดให้กับ PAELLAS วงอัลเทอร์เนทีฟอินดี้จากแดนปลาดิบ แล้วรู้สึกประทับใจในฝีไม้ลายมือ และก็น่าดีใจที่คู่ดูโอ Dept เบนซ์-ภวัต โอภาสสิริโชติ (ร้องนำ/กีต้าร์) และ ลุค ทาวน์เซน (คีย์บอร์ด/ซินธิไซเซอร์) ยังคงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการเป็นวงอินดี้ทำเอง โปรโมทเอง และเริ่มสร้างชื่อเสียงจากผลงานคุณภาพของตน จนก้าวเข้ามาสู่การเป็นสมาชิกน้องใหม่ของค่าย smallroom และเปิดตัวด้วยซิงเกิล “คล้าย” จนล่าสุดได้มี EP “Super Contrast” กับบทเพลงซินธ์พอปสุดละมุนที่ฟังแล้วหวานหูยิ่งนัก
งานเพลงของ Dept คือซินธ์พอปที่มีกลิ่นอายของซิตี้พอปเล็ก ๆ ที่มาพร้อมซาวด์เท่ ๆ จากกีตาร์และซินธิไซเซอร์กับบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักที่ส่วนใหญ่มักออกแนวไม่ค่อยสมหวังเท่าไหร่ เป็นความรักอารมณ์โรแมนติก ที่เข้ากันดีกับซาวด์สุดเคลิบเคลิ้ม
“Super Contrast” เป็นการรวม 3 ซิงเกิลที่เคยปล่อยออกมาก่อนหน้านี้คือ “ทำได้หรือเปล่า” ผลงานจากยุคอินดี้ซิงเกิลล่าสุดก่อนเข้ามาสู่ smallroom “คล้าย” และ “ลา ลา ลา” ผลงานยุค smallroom และผลงานใหม่เอี่ยมคือ “Gossip” ลองสัมผัสบทเพลงอารมณ์ละมุนของพวกเขาดูครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส