จบลงไปแล้วอย่างประทับใจ ถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วร่วมสัปดาห์แต่ว่าความประทับใจยังคงอยู่กับคอนเสิร์ตครั้งสำคัญของหนึ่งในผู้ก่อตั้งวง Oasis  “โนล กัลลาเกอร์” ในคอนเสิร์ต Noel Gallagher’s High Flying Birds Live in Bangkok 2019 โนลนั้นเคยมาเล่นที่ไทยแล้วเมื่อ 7 ปีก่อน กลับมาคราวนี้ เขาไม่ทำให้แฟน ๆ ที่รอคอยอย่างใจจดจ่อต้องผิดหวังเลย ด้วยการขนเพลงทั้งใหม่และเก่า ทั้งยุค High Flying Birds และยุค Oasis ที่มีสัดส่วนเพลงในเซ็ตลิสต์เกือบครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 20 เพลง !! เรียกได้ว่าจัดเต็ม จัดแน่นกว่าที่ใด ๆ ทั้งหมด

ต้องบอกว่าความมันส์นั้นบังเกิดตั้งแต่วงเปิด “สมเกียรติ” แล้ว ที่จัดมาเต็มที่ไม่มียั้ง ขนเพลงฮิตทั้งเก่าใหม่มาบรรเลงอย่างสุดฝีมือ สมศักดิ์ศรีวงเปิดพี่โนล เปิดมาด้วยเพลง “1-100” ซิงเกิลเพราะ ๆ จากปีก่อน แล้วมาสนุกกันต่อด้วย “ขอวอน 1” “อาย” จากนั้นก็เป็นคิวของ “คำหวาน” ซิงเกิลล่าสุดจาก EP ชุดใหม่ “โชวห่วย”

แล้วมาต่อกันที่ ​”คิดถึง” “แล้วแต่” และ “ทนไว้” กับท่วงทำนองที่เศร้าที่สุดของสมเกียรติ จากนั้นมาสนุกกันต่อกับ “นิสัย” ชิล ๆ สบาย ๆ กับ “โคตรดี” ต่อด้วยเซ็ตเพลงหวานเพราะ ๆ “ดาวกะพริบ” และ “ขอวอน 2 “ ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลงที่เหมือนเป็นลายเซ็นของวงไปแล้วอย่าง “ช่างมัน”

จากนั้นพักเวลาให้ผู้ชม ได้ไปชิล ชอป ชิม รอบ ๆ งานก่อน ไม่นานนักเสียงดนตรีโหมโรงการแสดงในครั้งนี้ก็ได้ดังขึ้น (อารมณ์เหมือนเพลงไหว้ครูก่อนขึ้นชก) ในที่สุดโนลและสมาชิกวงก็ปรากฏตัวขึ้นมาบนเวที ที่มีฉากแบ็กดรอปมินิมอล เป็นผืนผ้าสามผืนเป็นลายรูปจานเสียงที่เปล่งเสียงเป็นนกที่บินไปหามวลชนผู้ใฝ่หาอิสรภาพผ่านเสียงดนตรี โนลเปิดเวทีนี้ด้วย “Fort Knox” ผลงานจากอัลบั้ม “Who Built The Moon?” เพลงร็อกอารมณ์แน่นแบบรุ่นใหญ่พร้อมวงเต็มแบนด์ที่มาแบบครบเครื่องเข้มเต็มอารมณ์ (ส่วนตัวรู้สึกชอบมือกรรไกรเป็นพิเศษ ดูมีความสุขกับการสับกรรไกรในวงร็อกอย่างมาก) จากนั้นต่อด้วย อีก 4 เพลงจากอัลบั้มเดียวกัน “Holy Mountain” จังหวะสนุก โยกมันเบา ๆ เคล้าสีสันจากเครื่องเป่า “Keep On Reaching” “It’s a Beautiful World” กับงานซาวด์เท่ ๆ ในกลิ่นอายไซคีเดลิก และ “She Taught Me How to Fly”

จากนั้นมาต่อด้วยเซ็ตเพลงใหม่จาก EP “Black Star Dancing” ที่เพิ่งปล่อยมาในปีนี้ เริ่มกันที่บทเพลงเจ้าของชื่อ EP นั่นคือ “Black Star Dancing” แล้วต่อด้วย “Rattling Rose” เพลงแรกที่โนลเล่นกีตาร์โปร่งในงานนี้ “This Is the Place” บทเพลงอารมณ์แน่นแต่กลมกล่อมที่เสียงร้องของโนลและคอรัสสาวผสานกันอย่างลงตัว ปิดท้ายเซ็ตนี้ด้วย “Wandering Star” กับท่วงทำนองอันไพเราะ หนึ่งในบทเพลงที่ทุกคนรอคอยจากผลงานในยุค High Flying Birds ที่งดงามไม่น้อยหน้างานในยุค Oasis เลย ก่อนจะมาต่อกันที่ “Dead in the Water” บทเพลงดิ่งซึ้งเข้าถึงอารมณ์ที่แค่โนลเดี่ยวกีตาร์โปร่งควบไปกับเสียงร้องอันหนักแน่นแต่นุ่มนวลก็ชวนให้จิตใจเราเคลิบเคลิ้มไปเลย

ในที่สุดก็ได้เวลาเฮ เมื่อเสียงกลองอินโทรเพลง “The Importance of Being Idle” ดังขึ้น ปฐมบทนำเข้าสู่เซ็ตเพลงของ Oasis เซ็ตแรก แล้วตามมาติด ๆ ด้วย “Little by Little” และ “Whatever” พอเพลงนี้ขึ้นมาทุกคนร้องร่าด้วยความดีใจ นี่คือหนึ่งในบทเพลงที่แฟน Oasis รัก มันมีความอบอุ่น กลิ่นอายวันคืนเก่า ๆ หวนคืนมา คนดูบางส่วนเริ่มขี่คอกันขึ้นไปสัมผัสอารมณ์เบื้องบนกันอย่างชื่นมื่น  ต่อด้วย “The Masterplan” เป็นบทเพลงของ Oasis ที่มีกลิ่นอายของ “Don’t Look Back in Anger”  ตามมาด้วย “Half the World Away” เพลงน่ารัก ๆ จาก Oasis ที่ชวนให้คิดถึงงานของ The Beatles

 

และในที่สุดก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยเมื่อเสียงกีตาร์อินโทรของหนึ่งในบทเพลงอันเป็นตำนานของ Oasis อย่าง “Wonderwall” ได้ดังขึ้น ทุกคนก็พร้อมใจกันเปล่งเสียงออกมาอย่างเริงร่า และคว้าเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย จากนั้นจึงปิดท้ายด้วย “Stop Crying Your Heart Out”

เข้ามาสู่ช่วง encore แฟน ๆ ส่งเสียงเรียกด้วยการร้องเพลง “Live Forever” กับแบบสด ๆ ดิบ ๆ เลย จากนั้นไม่นานโนลและวงก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมท่วงทำนองอันเร่าร้อนอีกครั้งกับ “AKA… What a Life!” ต่อด้วยบทเพลงที่ทุกคนรอคอย “Don’t Look Back in Anger” นาทีนี้ไม่มีอะไรต้องยั้งอีกแล้ว ปล่อยกันไปให้สุดใจเลย เป็นช่วงเวลาประทับใจสุด ๆ การได้ฟังเพลงนี้แบบสด ๆ นี่ทำเอาน้ำตาซึมได้เลย ในที่สุดงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา งานคอนเสิร์ตก็เช่นกัน โนลปิดท้ายด้วย “All You Need Is Love” บทเพลงน่ารัก ๆ จาก The Beatles ส่งท้ายค่ำคืนนี้ไปอย่างประทับใจ พร้อมความหวังในใจว่าโนลจะต้องกลับมาใหม่อย่างแน่นอน.

 

Source

ภาพประกอบจาก Very Company เจ้าภาพผู้จัดงานคอนเสิร์ตดี ๆ ในครั้งนี้

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส