Yoshiki โผล่เซอร์ไพรส์ในคอนเสิร์ต “Kiss” แรงบันดาลใจที่ทำให้ Yoshiki ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิตไปได้

ตำนานวงร็อกระดับโลก Kiss ได้เลือกปิดเวิลด์ทัวร์ที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่ง Kiss เคยบอกไว้แล้วว่านี่จะเป็นเวิลด์ทัวร์ครั้งสุดท้ายของพวกเขา นั่นยิ่งทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ที่โตเกียวโดมมีความสำคัญเข้าไปใหญ่ ทำให้มีแฟนเพลงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาอันสำคัญนี้ด้วยกันอย่างล้นหลาม

Play video

ในค่ำคืนของวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ โตเกียวโดม สถานที่แสดงคอนเสิร์ตอันยิ่งใหญ่ซึ่งมีนักดนตรีทั้งในญี่ปุ่นและระดับโลกต่างแวะเวียนกันมามอบความสุขผ่านเสียงดนตรีตลอดมา Kiss ได้ขนเอาเพลงฮิตจากยุคต่าง ๆ มาบรรเลงมากมายอาทิ “Detroit Rock City” และ “I Was Made For Lovin’ You” ปิดท้ายด้วย “Black Diamond” บทเพลงอันเป็นเสมือนตัวแทนของ Kiss ในญี่ปุ่นเพราะ โยชิกิ มือกลองและหัวหน้าวง X Japan ได้เคยนำเอาเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ไว้ในอัลบั้ม Kiss My Ass ในปี 1994

เมื่อบทเพลงนี้ได้จบลง Kiss ได้ลงจากเวที เหล่าผู้ชมไม่รู้เลยว่าจะมี encore หรือไม่และจะออกมาในรูปแบบไหน ไม่นานนัก พอล สแตนลีย์ นักร้องนำและมือกีตาร์ของ Kiss ก็ได้ปรากฏกายออกมาประกาศบนเวทีว่า “วันนี้เป็นวันที่พิเศษอย่างยิ่งสำหรับพวกเรา เพราะเรากำลังจะได้เล่นดนตรีร่วมกับเพื่อนสนิทของเราและร็อกสตาร์ตัวพ่อของญี่ปุ่น โยชิกิ !!!”

ทันใดนั้นเสียงกรี๊ดสนั่นจากฝูงชนก็ดังกึกก้อง เมื่อโยชิกิได้เยื้องกายของเขามานั่งลงตรงหน้าเปียโนเพื่อบรรเลงบทเพลงบัลลาดของ Kiss ที่ชื่อว่า “Beth” โดยมี อีริก ซิงเกอร์ มือกลองของวงเป็นคนร้อง

Play video

จากนั้นโยชิกิก็เปลี่ยนมาเล่นกลองแทนซิงเกอร์เพื่อปิดโชว์ในครั้งนี้ด้วยบทเพลง “Rock And Roll All Nite” บทสรรเสริญวิถีแห่งชาวร็อกที่ Kiss มักใช้เป็นเพลงปิดโชว์อยู่เสมอ

Play video

ที่ผ่านมาโยชิกิมักพูดอยู่เสมอว่า Kiss คือแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่สำหรับเขา โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เขาทนทุกข์และซึมเศร้าหลังจากสูญเสียคุณพ่อไปในวัยเยาว์ ดนตรีของ Kiss ทำให้โยชิกิพบวิถีทางในการถ่ายอารมณ์ลบในชีวิตออกมาผ่านเสียงดนตรีและทำให้เขาข้ามความทุกข์เหล่านี้ไปได้ จากนั้นโยชิกิก็เริ่มเรียนเปียโนคลาสสิกและกลองอย่างจริงจังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

เป็นเรื่องที่น่าประทับใจยิ่งนัก ที่เวลาหลายปีหลังจากที่ Kiss ได้เปิดประตูแห่งร็อกเอาไว้ให้กับเด็กน้อยผู้ปวดร้าวจากแดนไกล จนทำให้เด็กชายคนนี้กลายเป็นปูชนียบุคคลทางดนตรีของโลกในที่สุด และยังได้มาร่วมเล่นดนตรีด้วยกัน บนเวทีเดียวกัน ในเวิลด์ทัวร์ครั้งสุดท้ายของพวกเขาอีกต่างหาก ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นหนึ่งในเรื่องน่าประทับใจอย่างที่สุดของประวัติศาสตร์วงการเพลงร็อกเลย.