ยามที่บ้านเมืองทุกวันนี้ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นละออง PM2.5 จนมองเห็นเป็นหมอกขาวไปทั่ว ชวนให้นึกถึงหนังเมื่อปี 2007 เรื่องของหมอกปริศนาที่ย่างกลายเข้ากลืนกินเมืองมนุษย์ จนผู้รอดชีวิตต้องเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า The Mist หรือชื่อไทย “หมอกมรณะ” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนังที่มีตอนจบที่หักมุมและสะเทือนใจมากที่สุดเรื่องหนึ่งตลอดกาล แต่รู้กันหรือไม่ว่า The Mist นั้นมีตอนจบอีกแบบที่ต่างจากที่เห็นกันบทสรุปกันในฉบับภาพยนตร์?

กลุ่มคนที่หวาดกลัว "หมอก" ลึกลับ รวมตัวกันอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต

กลุ่มคนที่หวาดกลัว “หมอก” ลึกลับ รวมตัวกันอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต

หนังที่ดัดแปลงจากนวนิยายขายดีของนักเขียนชื่อดังอย่าง Stephen King เกือบทุกเรื่องมักจะถูกดัดแปลงเนื้อหาให้แตกต่างไปจากฉบับนิยาย ซึ่งสำหรับในหนังบางเรื่องถ้าได้อ่านทั้งจากหนังสือและได้ชมภาพยนตร์ แฟน ๆ ก็จะเห็นด้วยว่า การดัดแปลงออกมาเป็นภาพตามหนังสือนั้นเป็นไปได้ยาก (บางเรื่องเต็มไปด้วยฉากสะเทือนอารมณ์) อย่างไรก็ตาม สำหรับ The Mist หนังที่เดินเรื่องเกือบตลอดทั้งเรื่องอย่างซื่อตรงต่อฉบับนวนิยาย จะมียกเว้นแค่ตอนจบที่ต่างไปจากหนังสือที่ถึงแม้จะโหดร้ายอยู่เหมือนกัน แต่ยังดูมีความหวังมากกว่าฉบับหนังที่ออกฉายเยอะ

Stephen King นักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดัง

Stephen King นักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดัง

(ท่อนนี้สปอยล์ตอนจบแล้วนะ ขอเตือนอีกที)
อย่างที่หลายคนจำกันได้ ฉากจบของเรื่องนั้นเดวิด เดรย์ตัน (ตัวละครของ Thomas Jane) หลังจากพา 5 สมาชิกที่ยังรอดชีวิต (ที่สำคัญคือรอดจากยัยป้ามหาภัยคนนั้น!) รวมถึงลูกชายของเขาหนีออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาขับรถไปเรื่อย ๆ จนน้ำมันหมด จากนั้นได้ปรากฏเสียงที่คล้ายสัตว์ประหลาดยักษ์จากเมืองหมอก ดังใกล้เข้ามาที่รถทุกที ๆ เขาจึงต้องตัดสินใจใช้กระสุนที่เหลืออยู่ในปืนทั้งหมด 4 กระสุน ปลิดชีวิตทุกคนรวมถึงลูกชาย เพื่อไม่ให้ต้องเผชิญทรมานจากสัตว์ประหลาดทำร้ายจนตาย เหลือเขาคนเดียวที่พร้อมจะให้สัตว์ประหลาดเขมือบ แต่แล้วหมอกก็จางหาย เหล่าทหารได้ปราบสัตว์ประหลาดลงในเวลานั้นพอดี ทำให้เขาฆ่า 4 ชีวิตนั้นไปอย่างไร้ความหมายเหลือเกิน
5 ผู้ยังเหลือรอดและหนีออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาได้

5 ผู้ยังเหลือรอดและหนีออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาได้

ฉากจบที่สุดแสนสะเทือนใจของ The Mist

ฉากจบที่สุดแสนสะเทือนใจของ The Mist

ที่แตกต่างไปสำหรับฉบับหนังสือนวนิยายนั้น ในตอนจบขอเรื่องเดวิดและอีก 5 ชีวิตยังคงหนีออกจากซุปเปอร์มาเก็ตที่หมอกปกคลุมอยู่เช่นเดิม พวกเขาขับรถต่อไปจากเมืองอย่างไร้จุดหมาย ขณะนั้นเดวิดก็ได้ยินเสียงจากวิทยุว่า “Hartford” (หมายถึงเมือง ๆ หนึ่งที่เส้นทางจะนำไปถึง เป็นไปได้ว่าจะเป็นสถานที่ปลอดภัยตามที่วิทยุประกาศ) เดวิดวางบิลลี่ลูกชายลงกับเบาะรถก่อนจะกระซิบที่ข้างหูว่า “เรายังมีความหวังที่  Hartford” ก่อนจะออกเดินทางต่อไป 

ฉากจบอีกแบบที่รถยังคงขับต่อไปอย่างมีความหวัง

ฉากจบอีกแบบที่รถยังคงขับต่อไปอย่างมีความหวัง

Stephen King ไม่ได้เขียนภาคต่อของนิยายเล่มนี้ เราจึงไม่รู้ว่าเดวิดและผู้รอดชีวิตเดินทางไปถึงเมืองที่ว่าอย่างปลอดภัยหรือจะมีเมืองนั้นอยู่จริงหรือไม่ แต่ก็ยังจบได้อย่างไม่สิ้นหวังและหดหู่เท่า (ซึ่งถึงจะเศร้าก็อาจจะดีกว่าที่ไม่ต้องค้างคาใจ)

The Mist เขียนบทและกำกับโดย Frank Darabont ผู้กำกับที่ทำหนังจากหนังสือของ Stephen King มากที่สุด ทั้ง The Shawshank Redemption (1994) หนังที่ประสบความล้มเหลวตอนออกฉาย แต่มีผู้ชมให้คะแนนความนิยมสูงที่สุดเรื่องหนึ่งในภายหลังจนหนังกลายเป็นหนังคลาสสิก (กับการหักมุมตอนจบ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังถูกยกย่อง) และ The Green Mile (1999) ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นหนังที่สร้างจากหนังสือของ King ในจำนวนทั้งหมดที่ไม่ใช่แนวสยองขวัญ เป็นที่น่าเสียดายที่นับตั้งแต่ The Mist เขาก็ยังไม่ได้มีผลงานกำกับหนังออกมาอีกเลย โดยไปเป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้เขียนบทของอีกซีรีส์สุดฮิต The Walking Dead (2010-2020) ตลอด 10 ปีมานี้

Frank Darabont และคู่หูนักแสดงหลักจากหนัง The Shawshank Redemption

Frank Darabont และคู่หูนักแสดงหลักจากหนัง The Shawshank Redemption

“…ผมมีอารมณ์ใจร้ายในตอนที่คิดตอนจบของ The Mist” Darabont เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ “มันควรมีตอนจบที่สรุปอารมณ์มากกว่าในหนังสือ คล้ายกับตอนจบของ Twilight Zone ที่ยังคงเกาะติดในใจเราไปอีกนาน ผมชอบที่ชะตาเล่นตลกอย่างน่ากลัว  และผมโกรธประเทศของผมในตอนนั้น (ปี 2007) …มันไม่จำเป็นต้องมีตอนจบแบบมีความสุขเสมอไป…”

Darabont ยังกล่าวต่อว่า Stephen King ก็เห็นชอบให้ตอนจบของ The Mist ที่เป็นแบบนั้น “ถ้า Stephen King อ่านตอนจบในบทหนังของผม แล้วพูดว่า คุณจบแบบนี้ไม่ได้! ผมเองก็คงไม่ได้ทำหนังเรื่องนี้แน่ ๆ แต่เขาอ่านแล้วกับผมว่า ผมชอบตอนจบมาก…ผมอยากคิดตอนจบแบบนี้ได้บ้างจังเลย”

The Mist เคยกลับมาในรูปแบบของซีรีส์ (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉบับหนังโรง) ฉายในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม ปี 2017 ทางช่อง SPIKE แต่เนื่องจากได้เรตติ้งที่ย่ำแย่มาก มีผู้ชมเพียงแค่ 462,000 ต่อตอน ทางช่องจึงไม่อนุมัติให้มีการสร้างต่อ

อ้างอิง

อ้างอิง

อ้างอิง

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส