ถือว่าเป็นปีที่มาแรงสุดจริง ๆ สำหรับสตรีมมิ่งออนไลน์อย่าง Netflix ที่เริ่มได้รับความนิยมในไทยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนกระทั่งมาบูมสุด ๆ และได้รับความนิยมในวงกว้างมากขึ้นในปี 2019 นี้ รวมถึงการได้มีออริจินัลคอนเทนต์เป็นซีรีส์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยเป็นครั้งแรก แม้ว่าคำวิจารณ์จะก้ำกึ่งว่าชอบหรือไม่ชอบ แต่สำหรับคนดูชาวไทยก็ได้การตอบรับเป็นอย่างดี จนขึ้นแท่นเป็นอันดับที่ 1 ซีรีส์ที่มีผู้ชมสูงที่สุดของ Netflix ในปีนี้
เคว้ง ซีซันที่ 1 กำกับโดย จิม-โสภณ ศักดาพิสิษฐ์ ที่เคยฝากผลงานไว้กับหนังผีดัง ๆ มากมายของ GTH/GDH เช่น ลัดดาแลนด์, ฝากเอาไว้ในกายเธอ, เพื่อนที่ระลึก รวมถึงการอำนวยการสร้างโดยเอกชัย เอื้อครองธรรม โปรดิวเซอร์ที่เชี่ยวชาญการสร้างหนังในภาคพื้นเอเชีย เคยกำกับหนังอย่าง Beautiful Boxer มาแล้ว นำแสดงโดยนักแสดงวัยรุ่นคับคั่ง ได้แก่ จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล (ฝากเอาไว้ในกายเธอ) โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ (แสงกระสือ) ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช (มา ณ ที่นี้) และนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือที่มารับเชิญ ทั้งสินจัย เปล่งพานิช (รักแห่งสยาม), วินัย ไกรบุตร (นางนาก), ศรัณยู วงษ์กระจ่าง (สุริโยไท) มีความยาวทั้งหมด 7 ตอน เล่าถึงเหตุการณ์ของกลุ่มผู้รอดชีวิต 36 คนที่ติดเกาะจากเหตุการณ์สึนามิถล่มทะเลอันดามัน พวกเขาคือลูกของครอบครัวผู้มีฐานะที่รอความช่วยเหลือที่ยังไม่มาถึงเสียที ระหว่างนัั้นทุกคนก็เริ่มจับสังเกตถึงความผิดปกติของธรรมชาติรอบตัว และเหตุการณ์ประหลาดต่าง ๆ และค่อย ๆ รู้ความลับที่นำไปสู่อาถรรพ์บางอย่างของเกาะโดยจากความสำเร็จนี้
เชื่อว่าซีซัน 2 จะตามมาอย่างแน่นอนกับปริศนาหลาย ๆ อย่างที่ยังไม่ถูกคลี่คลาย และทีมผู้สร้างน่าจะได้นำรายละเอียดของหนังในหลายส่วนที่ได้รับคำวิจารณ์ไปปรับปรุงด้วย (อ่านรีวิวฉบับเต็มของ “เคว้ง” โดย WTF ได้ที่นี่)
“แต่สิ่งที่ดูไปแล้วคุ้นอย่างบอกไม่ถูก คือเรื่องราวในส่วนของสิ่งลี้ลับบนเกาะนี่แหละ ที่ต้องบอกว่าหากตัดความครีเอทีฟในส่วนของคาแรกเตอร์ คราม ออก คือมันแทบจะถอดพิมพ์เขียวของ LOST ซีรีส์ทริลเลอร์ขึ้นหิ้งของ เจ.เจ. เอบรามส์ ที่ว่าด้วยเรื่องราวของผู้โดยสารเครื่องบินตกที่ต้องติดเกาะและมีเผชิญสิ่งลี้ลับเหมือนกัน แบบยิ่งดูแต่ละเหตุการณ์คือเกือบจะทับรอยกันได้สนิท เช่น มิติคู่ขนาน การถอดรหัสจากของที่เจอ หรือกระทั่งการเล่าเรื่องที่ “ยืม” มาใช้ ตั้งแต่แฟลชแบ็กอธิบายที่มาที่ไปของตัวละคร หรือกระทั่งประเด็นรักสามเส้าระหว่าง คราม, อนันต์ และ เมย์ ก็แทบถอดมาจาก แจ็ก, เจมส์ และ เคต ก็ไม่ปาน ซึ่งยอมรับว่าการสร้างห่างจาก LOST มาร่วม 9 ปีก็พอทำให้คนดูรุ่นใหม่ ๆ คิดว่าได้ดูสิ่งที่ออริจินัล”
ส่วนในซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากทั่วโลกในปี 2019 ตามรายงานล่าสุดก็คือ The Witcher ที่เป็นม้าตีนปลายเพราะเพิ่งเข้าฉายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ก็กวาดยอดผู้ชมต่อตอนได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 ที่ 127 ล้านคนแซงหน้า The Mandalorian ซีรีส์ภาคแยกของ Star Wars ทางช่อง Disney+ ที่มีคนดูรวมแล้ว 115 ล้านคน ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ Disney+ ยังไม่ได้เปิดให้บริการสตรีมมิงในหลายประเทศ และก็ทำให้ The Mandalorian กลายเป็นซีรีส์ที่มีการดาวน์โหลดแบบผิดกฎหมายสูงที่สุดในปี 2019 ไปด้วย
นอกจากนั้น จากการอันดับของ Netflix ในปี 2019 นี้ หนังและซีรีส์ที่ได้รับความนิยม 10 อันดับแรกยังประกอบไปด้วย (ทีมงานไปแปะลิงก์ของรีวิวในเรื่องที่ WTF เคยเขียนถึงไว้ สามารถคลิกเข้าไปอ่านได้ตามข้อความที่ไฮไลต์เลย)
อันดับ 2: ซีรีส์ The Witcher-นักล่าจอมอสูร
“กล้าหาญมากที่เล่นกับการเล่าเรื่องแบบไม่ลำดับเวลา โดยตอนแรกเราจะได้เห็นเหตุการณ์ที่เหมือนปลายทางจากมุมมองหนึ่ง ก่อนตอนสุดท้ายซีรีส์จะมาเฉลยว่าเหตุการณ์ในตอนแรกส่งผลต่อตัวละครอย่างไร แล้วตอนที่ 2-7 จะนำเสนอเหตุการณ์แวดล้อมที่ทำให้ชะตากรรมของตัวละครทั้ง เกรัลด์, ซิรี และ เยนนิเฟอร์ ต้องบรรจบกันซึ่งก็ถือว่าเป็นการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์มาก เพียงแต่เราจะต้องคอยดูและจับรายละเอียดให้ดี แต่ก็โชคดีที่คราวนี้ Netflix มีพากย์ไทยที่ใช้ทีมเดียวกับที่พากย์หนังโรงเลย ทำให้การดูพากย์ไทยก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อย” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อันดับ 3: ภาพยนตร์ 6 Underground-6 ลับ ดับ โหด
“ด้วยความยียวนของมือเขียนบท ต้องบอกว่าหนังฉลาดในการสร้างปมประเด็น เพราะมันไม่ได้ต้องลงลึกจนซีเรียส แต่ก็มีเนื้อหนังให้เรื่องดูจับต้องได้จริง และปล่อยพื้นที่ที่เหลือให้ไมเคิล เบย์ใส่จินตนาการความสดใหม่ของเขาลงไปได้อย่างเต็มที่ ทำให้มันกลายเป็นหนังไมเคิล เบย์ ในฉบับที่ลงตัว ไม่พร่องไม่ล้น จนน่าเสียดายว่าถ้าได้ฉายในระบบการฉายดี ๆ เสียงกระหึ่ม ๆ จอใหญ่ ๆ กับงานภาพระเบิดตูมตามโชว์สถาปัตยกรรมหลายที่ มันคงจะฟินไม่น้อยทีเดียว” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อันดับ 4: ซีรีส์ Sex Education-เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก)
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเรื่องนี้ คือประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าซีรีส์ก็ได้อานิสงฆ์จากกระแสต่อต้านของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา จนคนต้องสรรหามาดูว่ามันถึงขนาดนั้นเลยหรือ?
“ด้วยบทที่เขียนมาอย่างดี มีตัวละครที่คนดูจะหลงรัก บวกกับประเด็นเรื่องเพศในวัยรุ่นที่แม้ซีรีส์จะมีฉากเซ็กส์และพูดถึงเรื่องเซ็กส์แทบทุกตอน แต่มันกลับสะท้อนด้านที่อ่อนไหวของวัยรุ่นและอุปสรรคที่ต้องเจอในรายทางระหว่างการเติบโตได้อย่างเข้าอกเข้าใจและยังสร้างความประทับใจให้คนดูได้อีกด้วย” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อันดับ 5: ซีรีส์ Kingdom-ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด
“ด้านคิมซองฮุน ผู้กำกับ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะซีรีส์แทบไม่มีช่วงไหนที่น่าเบื่อเลย สามารถกำกับการแสดงในภาพรวมให้เร้าอารมณ์ผู้ชมให้รู้สึกถึงความหวาดกลัว ทั้งผีดิบและความอำมหิตของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งงานภาพก็ถือว่าผู้กำกับไม่เสียชื่อที่เคยทำหนังขวัญใจนักวิจารณ์มาก่อนเพราะงานวิช่วลของซีรีส์คือใช้ภาษาภาพยนตร์มาบอกเล่าและสื่อความหมายในหลาย ๆ ฉากได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ๆ” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อันดับ 6: ซีรีส์ The Naked Director-โป๊ บ้า กล้า รวย
“หากคิดว่าการดูซีรีส์เรื่องนี้คงมีแต่ฉากเซ็กส์สนองตัณหาผู้ชายขอให้คิดใหม่ เพราะอันที่จริงฉากเซ็กส์แต่ละฉากในเรื่องยังเป็นตัวบอกเล่าภาวะความคิดของตัวละครได้เป็นอย่างดี สำหรับนักแสดงต้องบอกเลยว่าการได้ ทาคายูกิ ยามาดะ มารับบทมุรานิชิ ถือเป็นการแคสติงที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในโลก โดยยามาดะสามารถถ่ายทอดได้ทั้งความเฉลียวฉลาดและบทดราม่าอุปสรรคต่าง ๆ ที่ตัวละครต้องเผชิญได้อย่างน่าลุ้นตามจริง ๆ ซึ่งฝีไม้ลายมือของศิษย์เก่าซูซูรันจาก The Crow เรียกข้าว่าอีกา ก็คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากอยู่แล้ว” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อันดับ 7: ภาพยนตร์ Triple Frontier- ปล้น ล่า ท้า นรก
“หนังไม่พยายามปูพื้นสร้างความผูกพันธ์ให้เรารู้จักตัวละครแต่ละตัวมากนักด้วย มิหนำซ้ำหนังยังมาตกม้าตายกับบทสรุปแบบจับยัดแถมไม่เข้ากับประเด็นที่หนังพยายามปูมาแต่ต้นจนน่าเสียดาย ทั้งที่ฟอร์มหนังที่ทำตัวอย่างมาน่าดูมาก ๆ สิ่งเดียวที่เราจะพอชื่นชมตัวหนังได้หนีไม่พ้นงานถ่ายภาพที่สวยงามโดย โรมัน วอสยานอฟ จาก Fury (2014) ที่เก็บทิวทัศน์บรรยากาศป่าดงดิบและหุบเขาอันแสนหนาวเหน็บได้อย่างเปี่ยมอารมณ์ และเป็นจุดที่พอทำให้เราเข้าใจตัวละครอยู่บ้าง แม้เราจะปวดขมับกับการกระทำและตัดสินใจที่แสนจะน่าปวดหัวของพวกเขาตลอดเวลาก็ตาม” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อันดับ 8: ซีรีส์อินเตอร์แอ็กทีฟ You vs. Wild-ผจญภัยสุดขั้วกับแบร์ กริลส์
“นายแบร์ กริลส์ กับทีมงานก็ออกแบบซีรีส์เอาตัวรอดกลางธรรมชาติอันโหดร้ายนี้ได้สนุกทั้งยังเหมาะกับการเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเองได้เยี่ยมเลยด้วย โดยเริ่มต้นของแต่ละตอนแบร์ กริลส์จะเล่าถึงโจทย์หรือมิชชั่นในแต่ละครั้งก่อน ซึ่งพลอตก็วางไว้แบบให้ร่วมลุ้นทุกครั้ง เป็นซีรีส์ที่ดีมาก ๆ ครับ สนุกด้วย ได้ความรู้ด้วย แถมแปลกใหม่ดี เหมาะกับการดูกันหลาย ๆ คน มีเด็กร่วมวงด้วยยิ่งดี จะได้ฝึกการแก้ปัญหากันสร้างลักษณะนิสัยที่ดีให้เด็กไทยกันครับ อ่อไม่ต้องกลัวว่าจะอ่านซับแล้วเด็กไม่สนุก เพราะเขามีพากย์ไทยมาให้ด้วย ดูเพลินเลยล่ะทีนี้” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อันดับ 9: ภาพยนตร์ Black Panther
เป็นอันดับเดียวที่ไม่ใช่ออรินัลคอนเทนต์ของ Netflix
“ดราม่าในครอบครัวแบบพจมาน แต่ไม่น้ำเน่าหน่อมแน้มแบบธอร์ แถมเพิ่มความเข้มแบบจริงจังให้ได้ลุ้น ยิ่งการต่อสู้ตัวต่อตัวนี่สนุกมาก มีใช้ศิลปะต่อสู้หลากหลาย นี่ยังต้องรวมถึงอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ ที่เหมือนดูเจมส์ บอนด์ ผสมไอออนแมน ฉาบด้วย ดร. เสตรนจ์ จากตรงนี้เราสามารถพูดได้ว่านี่คือหนังมาร์เวลที่มีเรื่องราว การดีไซน์ศิลป์ต่าง ๆ รวมถึงความขัดแย้ง ประเด็นซ้อนที่น่าจดจำมากเรื่องหนึ่งทีเดียว” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
อันดับ 10: ภาพยนตร์ The Silence-เงียบให้รอด
“สำหรับหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้ ออกแนวไม่สนใจหนังที่คนดูมาก่อนหน้า และมุ่งมั่นตามนิยายไปซึ่งก็ดีในแง่ความเคารพต่องานเดิม และก็ดีในแง่ความเป็นหนังสยองสำหรับสตรีมมิงที่ซีจีทำได้ดี วางสถานการณ์ได้พลิกผันน่าสนใจ และมีตัวละครที่มีเสน่ห์พอให้ตามดู แต่หากแต่มองในแง่ภาพยนตร์มันก็แทบไม่มีจุดขายใหม่ ๆ ใดเลย” (อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่นี่)
ส่วนถ้าพิจารณาแต่เฉพาะซีรีส์อย่างเดียวนั้น นอกจากอันดับ 1-5 ที่เรียงตามลำดับด้านบนแล้ว อันดับ 6 ตกเป็นของ Stranger Things ซีซัน 3 อันดับ 7 Umbrella Academy อันดับ 8 เป็นของซีรีส์สัญชาติเกาหลีใต้ Love Alarm-แอปเลิฟเตือนรัก อันดับ 9 Day Break-โลกถล่ม รัก (ไม่ทลาย) ที่น่าเสียดายว่า Netflix ได้ยกเลิกการสร้างซีซัน 2 ไปแล้วเรียบร้อย และอันดับ 10 Black Summer-ปฏิบัติการนรกเดือด (คลิกที่ชื่อเรื่องเพื่อเข้าสู่รีวิวฉบับเต็มได้เลย)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส