“ปลดปล่อยตนเองไปตามลำธาร..เปลี่ยว โดดเดี่ยวคนเดียวเหลียวมองดูรอบ..กาย
โดดเดี่ยวเดียวดาย กระหายพบเพื่อนร่วมทาง โลกที่อ้างว้าง เส้นทางที่ไกล”
“ลำธาร” คือบทเพลงเชิงปรัชญาจากอัลบั้มโพรเกรสซีพร็อกไทยในตำนาน “ในทรรศนะของข้าพเจ้า” ผลงานสุดคลาสสิกของ “มาโนช พุฒตาล” บุตรของนายเฉลียวกับนางอำไพ ศิลปิน คนดนตรีตัวจริงผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาอย่างยาวนาน ที่ปัจจุบันนี้มีอายุย่างเข้า 64 ปีแล้ว เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในช่วงเวลานี้ของชีวิต อามาโนชจึงตัดสินใจนำเอาเพลง “ลำธาร” ที่ถือได้ว่าเป็นเพลงเอกจากอัลบั้มนี้มาทำเป็น MV ซึ่งใช้เวลาล่วงเลยจากวันที่ปล่อยอัลบั้มนี้ในเดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2539 เป็นเวลาเกือบ 24 ปี
ท่วงทำนองของ “ลำธาร” คือดนตรีโพรเกรสซีฟร็อกที่เริ่มต้นด้วยท่วงทำนองเรียบง่ายจากอะคูสติกกีตาร์ที่ผสานไปกับไลน์โซโลของเชลโล่ที่เสียดลึกเข้ามาในความรู้สึก ก่อนที่เบสและกลองจะแต่งเติมเสริมต่อท่วงทำนองให้หนักแน่นและพาเราไปสู่ช่วงเวลาสามนาทีสุดท้ายของเพลงที่อุทิศให้กับท่อนโซโลกีตาร์ที่นำพาใจเราให้เลื่อนไหลไปกับบทเพลงได้อย่างงดงามและดิ่งลึกในความรู้สึก
“ลำธาร” ได้ทีมนักดนตรีคุณภาพรุ่นใหญ่ของวงการเพลงไทยมาร่วมงานกันอย่างน่าประทับใจ แน่นอนเนื้อร้องและทำนองกับเสียงกีตาร์นั้นมาจาก “มาโนช พุฒตาล” ส่วนเสียงร้องนั้นหาใช่เสียงของเขาไม่ หากแต่เป็นเสียงของ “ธงชัย รักษ์รงค์” จากวงมาลีฮวนน่า ที่ร้องในท่อนเวิร์ส ส่วน “กฤตยา จารุกลัส” นั้นร้องในท่อนฮุคของเพลง ส่วนเสียงเชลโลบาดจิตนั้นเป็นฝีมือบรรเลงของ “ปนัดดา เพิ่มพานิช” ส่วนริธึ่มเซคชั่นนั้นได้ “พิทักษ์ ศรีสังข์” อดีตมือเบสของวง The Olarn Project มาเดินเบสได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ ส่วนเสียงกลองอันหนักแน่นนั้นเป็นฝีมือของ “เลาะห์ อิทธิชัย บัวแก้ว” มือกลองวง Growing Pain นั่นเอง นอกจากนี้ยังมี “อรรถพร ชูโต” จากวงคาไลโดสโคป มาเติมเสริมในบางไลน์ของกีตาร์และเติมสีสันด้วยคีย์บอร์ด “แก๊ป ทีโบน” และ “คฑาวุธ ทองไทย” หรือ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า มาประสานเสียงร้อง แถมยังมี “ชนาญวัฒน์ เรืองรพี” มารับบทบาทหลวงในท่อนพูดเชิงปรัชญาตอนปิดท้ายเพลงอีกด้วย
เนื้อหาของเพลง “ลำธาร” ถูกเล่าผ่านภาษากวีที่งดงามและคมคายอันแฝงเอาไว้ด้วยความหมายเชิงปรัชญา เล่าถึงคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า “สายน้ำ” พร้อมดำดิ่งไปในห้วงคิดคำนึงจนซึ้งถึงความหมายและแก่นแท้ของชีวิต
“มองลงไป ในแม่น้ำ นานเนิ่นนานอยู่ในภวังค์
ลึกลงไป ใต้ลำน้ำ มีมนต์ขลัง มีพลัง
วิญญาณหลุดลอยร่อนลง ดิ่งลงดื่มด่ำลำน้ำ อยู่เพียงลำพังทั้งสองฟากฝั่ง
วิญญาณใฝ่ฝัน ต้องการฝังลึกมานานต้องการเข้าใจ ลึกลับซ่อนเร้นแอบอยู่ข้างใน
หากแต่ร่างกาย ไม่อาจเคลื่อนไหวดั่งใจหวัง นิ่งอยู่อย่างนั้นนั่งมองลำธาร”
ในช่วงแรกของบทเพลงเป็นการบรรยายถึงความรู้สึกตระหนกในพลังของ “สายน้ำ” อันเป็นตัวแทนของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่มีพลังสะกดใจเราไว้ได้ นั่นคือสิ่งที่ปรากฏกับพวกเราเสมอเวลาได้กลับไปหาธรรมชาติ ได้อยู่เบื้องหน้าสายน้ำหรือทะเลกว้างไกล
“ปลดปล่อยตนเองไปตามลำธาร..เปลี่ยว โดดเดี่ยวคนเดียวเหลียวมองดูรอบ..กาย
โดดเดี่ยวเดียวดาย กระหายพบเพื่อนร่วมทาง โลกที่อ้างว้าง เส้นทางที่ไกล
ในความเงียบงัน พลันได้ยิน ได้รู้ได้เห็นเป็นเสียงดนตรี
ลีลาประสานทำนองคล้องจอง เกิดแก่เจ็บตายลวดลาย อิ่มหิวกระหายหัวเราะน้ำตา
จึงตัดสินใจ ส่งมอบกายให้กับแม่น้ำ ทอดกายลงน้ำไหลตามลำธาร”
หลังจากนั้นเขาจึงปลดปล่อยกายและใจให้ไหลไปกับลำธารจากความอ้างว้างโดดเดี่ยวที่มีมาแสนนาน กลับสลายกลายเป็นความเข้าใจที่ไพเราะราวเสียงดนตรี นี่คือภาวะที่เราเข้าใจความหมายและความเป็นไปของชีวิต ในสภาวะที่เราไม่ขัดไม่ขืนไม่ฝืนลำธารแห่งชีวิตที่หลากไหลเมื่อนั้นเราจะไหลไปพร้อมกับมันด้วยความเข้าใจ
“อยากบอกให้รู้ความดียังมี..อยู่ วางจิตรับรู้เข้าใจด้วยเหตุ..ผล
ดื่มดับกระหาย สายน้ำของทุกผู้คน หยุดความสับสนเลือกหนทางเดิน
สัจจธรรมจริงแท้มั่นคงดำรง..อยู่ ปัญญาความรู้เท่าทันความเศร้า..หมอง
ดื่มเถิดเพื่อนพ้อง สายน้ำของการแบ่งปัน ร่วมกันสร้างฝันบนฐานความจริง
โลกใหญ่ใบนี้ไม่มีใครครอบ..ครอง ไม่แบ่งเป็นสองเพ่งมองดูแม่..น้ำ”
ในท่อนสุดท้ายเหมือนเป็นการขยับขยายความหมายของบทเพลง จากขอบเขตของปัจเจกไปสู่ระดับสากล จากความเข้าใจเพียงลำพังไปสู่การเข้าถึง รู้ซึ้งและแบ่งปัน ไม่แบ่งแยก ไม่ครอบครอง ไม่ทำให้การเป็นเจ้าของมาทำลายความสัมพันธ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันราวกับลำธารที่ไหลเรื่อยไปโดยไม่แบ่งแยกกัน
ใครที่ประทับใจท่วงทำนองและความหมายของบทเพลงนี้แนะนำให้อ่านวรรณกรรมคลาสสิกเรื่องเยี่ยมของนักเขียนชาวเยอรมัน “เฮอร์มัน เฮสเส” เรื่อง “สิทธารถะ” น่าจะเพิ่มเสริมให้เกิดความอิ่มใจและ “เข้าถึง เข้าใจ” ในชีวิตเข้าไปใหญ่
ลองสัมผัสความงามของบทเพลงนี้ด้วยตนเองอีกสักครั้งเถิดครับ ในช่วงเวลาที่หนักหนาหรือเหนื่อยล้าของชีวิต เพียงบทเพลงดี ๆ สักเพลงอาจทำให้เราได้คิด ได้พบ ได้ประสบกับทางออกของชีวิตและได้ปล่อยใจให้ไหลเลื่อนไปกับท่วงทำนองของชีวิตก็เป็นได้.
แถมด้วยเบื้องหลังการทำ MV เพลงนี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส