กระแสหนังเพลงยังไปได้ดีหลังจาก Bohemian Rhapsody, Rocketman ประสบความสำเร็จ และมีแนวโน้มว่าจะมีออกมาอีกหลายเรื่อง งานนี้ NETFLIX ไม่รอช้าขอทำหนังเพลงสตรีมลงช่องตัวเองด้วยเลย แล้วได้ทีมงานที่ดูน่าเชื่อมั่นอย่างมากด้วย เริ่มจาก แบรดลีย์ คูเปอร์ พระเอกยอดฮิตที่เคยชิมลางกำกับหนังเพลงมาแล้วกับ A Star Is Born เมื่อปี 2018 ที่เขาเหมารวมหน้าที่กำกับ, เขียนบท และแสดงนำ หนังได้เสียงตอบรับในทางดี แบรดลีย์ เลยขอสานต่องานกำกับเรื่องที่สอง รอบนี้ขอหยิบชีวประวัติของ เลนนาร์ด เบิร์นสไตน์ คอมโพสเซอร์ชื่อดังชาวอเมริกัน มาสร้างเป็นภาพยนตร์
เดิมทีโพรเจกต์นี้อยู่กับค่ายพาราเมาท์ แต่โพรเจกต์ไม่คืบหน้า แบรดลีย์ เลยขอย้ายมาอยู่กับ NETFLIX ท่าจะดีกว่า แล้วรอบนี้แบรดลีย์ก็ยังรับหน้าที่เขียนบทเองเช่นเดิม โดยจะเขียนคู่กับ จอช ซิงเกอร์ ที่เคยมีผลงาน Spotlight และ The Post มาแล้ว เนื้อหาของหนังจะเล่าชีวิตของเลนนาร์ด ยาวนานในช่วงเวลา 30 ปี ตั้งแต่ช่วงเวลาเริ่มต้นจนประสบความสำเร็จในชีวิต กลายเป็นคอมโพสเซอร์ชื่อดัง ความภาคภูมิใจของสหรัฐอเมริกา ได้เป็นคอนดักเตอร์ประจำวงวงนิวยอร์กฟิลฮาร์โมนิก ตลอดชีวิตการทำงานเขามีผลงานเพลงดนตรีคลาสสิก เพลงประกอบละครเวที ละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ มากมาย แต่ผลงานที่เป็นที่รู้จักกันมากสุดคือผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ West Side Story (1954) และ On The Waterfront (1957) นอกจากด้านชีวิตการทำงานแล้วหนังยังจะเล่าเรื่องราวในชีวิตสมรสกับภรรยา เฟลิเซีย มอนเทอเลกรี อีกด้วย
เรื่องแปลกอย่างหนึ่งในวงการหนังฮอลลีวูด ที่ว่าเวลาจะสร้างโพรเจกต์เรื่องอะไร ก็มักจะมีหนังคู่แข่งที่สร้างขึ้นมาพร้อมกัน อย่าง olympus has Fallen ชนกับ Whitehouse Down และ Armageddon ชนกับ Deep Impact และโพรเจกต์นี้ก็เช่นกัน แบรดลีย์ ต้องเจอกับ The American หนังคู่แข่งที่กำกับโดย แครี ฟูกุนากะ นำแสดงโดย เจค กิลเลนฮาล แต่แบรดลีย์มั่นใจในโพรเจกต์ของเขาว่าดำเนินการอย่างถูกต้อง เพราะได้รับความเห็นชอบยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากทายาทของเลนนาร์ดโดยตรง
และที่สำคัญทีมอำนวยการสร้างของโพรเจกต์นี้แข็งปั้ก เพราะได้รุ่นใหญ่อย่าง มาร์ติน สกอร์เซซี ที่เพิ่งประสบความสำเร็จกับ Netflix มาจากหนัง Irishman แล้วยังมี สตีเวน สปิลเบิร์ก กับ ท็อดด์ ฟิลลิปส์ มาร่วมในตำแหน่งอำนวยการสร้างอีกด้วย แต่ว่านะ หนังยังไม่มีแม้แต่ชื่อเรื่องเลย ยังไม่ได้เริ่มขั้นตอนหานักแสดง กว่าจะเริ่มเปิดกล้องก็ต้นปีหน้านู่นเลย Netflix มั่นอกมั่นใจกับหนังว่าจะปลุกปั้นให้เป็นหนังล่ารางวัลให้กับค่ายในปี 2021 นั่นเลย