มีอายุครบ 25 ปีไปอีกเรื่อง กับหนังที่อยู่ในความทรงจำของหลาย ๆ คน ในฐานะหนังคู่หูสืบสวนที่ดีที่สุด อัดแน่นไปด้วยฉากทรงพลัง แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศขุ่นมัว อึมครึม ชวนสงสัย และฆาตกรในเรื่องนี้ต้องยกตำแหน่งฆาตกรที่ฉลาด โรคจิตและโหดสุดในสารบบฆาตกรเลยก็ว่าได้
หนังประสบความสำเร็จทั้งในด้านเสียงวิจารณ์และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม ขึ้นแท่นหนังคลาสสิกที่สมควรหยิบมาดูได้บ่อยครั้ง หนังใช้ทุนสร้างไปจุ๋มจิ๋มเพียงแค่ 33 ล้าน แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปมากมายถึง 327 ล้านเหรียญ ด้านคุณภาพของหนังนั้น นับว่าเป็นหนังที่กู้ชื่อเสียงของเดวิด ฟินเชอร์ ได้อย่างสวยงาม หลังจากประเดิมผลงานกำกับใน Alien 3 (1992) เป็นหนังที่ต้องรับแรงกดดันสูง เพราะสานต่องานกำกับต่อจากผู้กำกับระดับตำนานทั้งสิ้น Alien 1 กำกับโดย ริดลีย์ สก็อตต์ และ Aliens 2 กำกับโดย เจมส์ คาเมรอน พอมาถึงเดวิด ฟินเชอร์ ผู้ชมก็ไม่พอใจกับผลงานที่ออกมา เดวิด โดนด่าเละเทะ ต้องกลับสู่งานผู้กำกับโฆษณาและมิวสิกวิดีโออย่างเคยอีก 3 ปี กว่าจะลบเลียแผลใจแล้วกลับมาผงาดอย่างงดงามกับ se7en แล้วตั้งแต่นั้น บรรยากาศอึมครึมในหนังสืบสวนลึกลับ ก็กลายเป็นลายเซ็นที่่โดดเด่นของเดวิด ฟินเชอร์ ที่ผู้ชมโหยหาตลอดมา
นอกจากผู้กำกับจะได้คืนฟอร์มแล้ว se7en ยังช่วยตอกย้ำสถานะพระเอกแถวหน้าของฮอลลีวูดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังแจ้งเกิดมาแล้วจาก A River Runs Through It, Interview with the Vampire: The Vampire Chronicles, Legends of the Fall ส่วนมอร์แกน ฟรีแมน ก็มีหนังคลาสสิกเพิ่มเข้ามาในรายชื่อผลงานแสดงอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วนี่คือ 20 เรื่องราวน่ารู้ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังหนัง se7en : 7 ข้อต้องฆ่า อ่านแล้วเพื่อจะอยากทำให้หยิบมาดูกันอีกสักรอบครับ
1.แจ้งเกิดมือเขียนบทหน้าใหม่
นอกเหนือจาก se7en สร้างชื่อให้กับผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ แล้ว อีกหนึ่งรายที่วงการภาพยนตร์ต่างยกย่องกันมากคือผู้เขียนบท แอนดรูว์ เควิน วอล์กเกอร์ ที่สามารถสร้างเรื่องราวฆาตกรรม และสร้างสรรค์บุคลิกตัวละครอย่าง โจนาธาน โด ออกมาได้อย่างน่ากลัว และที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ แอนดรูว์ เควิน วอล์กเกอร์ ไม่เคยมีผลงานเขียนบทภาพยนตร์มาก่อน และไม่เคยอยู่ในแวดวงฮอลลีวูดด้วยซ้ำ เขาเป็นเพียงพนักงานในร้าน ทาวเวอร์ เรคคอร์ด เท่านั้น แต่ว่าพื้นฐานของแอนดรูว์ นั้น เขาเรียนจบสาขาภาพยนตร์มาจาก มหาวิทยาลัย เพนน์ และพยายามหางานในฮอลลีวูดอยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครตอบรับ จึงต้องมาจบเห่เป็นพนักงานขายแผ่นเสียง และซีดี ในทาวเวอร์ เรคคอร์ด แต่ความใฝ่ฝันก็ยังไม่มอดไหม้ แอนดรูว์ เขียนบทหนัง se7en ออกมา แล้วใส่ความแปลกใหม่ลงไปด้วยการอิงเรื่องราวของ บาป 7 ประการ สอดแทรกไปในเนื้อหา
เขาเลือกส่งบท se7en ไปที่สำนักงานของ เดวิด โคเอ็ปป์ มือเขียนบทระดับต้น ๆ ของฮอลลีวูด ผู้เป็นเจ้าของบทอย่าง Jurassic Park, Mission: Impossible (1996), Spider-Man (2002) เดวิด ได้อ่านแล้วประทับใจกับ se7en เขาสัญญาว่าจะผลักดันให้ se7en ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ แล้วเดวิด ก็ทำได้สำเร็จ หลังจากนำไปเสนอ new line cinema แล้วทางค่ายก็ตัดสินใจซื้อ
2.ฉากจบเทรซี่จะต้องตายเท่านั้น
หลังจากเดวิด ฟินเชอร์ บอบช้ำมาจาก Alien 3 เขาต้องอยู่ในสภาพกดดันและระมัดระวังอย่างมากกับก้าวต่อไป ในที่สุดเดวิด ก็ตัดสินใจเลือก se7en เป็นผลงานแก้มือ เดวิด ประทับใจในเนื้อหาที่แปลกใหม่ในหนังแนวตำรวจคู่หู โดยเฉพาะฉากจบของหนัง ที่ฆาตกรตัดหัวเมียของนักสืบมิลล์ใส่กล่อง หลังเดวิด ตกลงรับหน้าที่กำกับ ผู้อำนวยการสร้างเสนอไอเดียว่าเขาอยากให้เทรซี่ ยังมีชีวิตอยู่ในตอนจบ แต่เดวิด ยืนยันว่าเขาพอใจที่หนังจบแบบนี้ และเป็นเหตุผลหลักที่เขาตัดสินใจมากำกับเรื่องนี้ ทางนิวไลน์ยินยอมกับความเห็นของเดวิด แต่กระนั้น อาร์โนลด์ โคเพลสัน ผู้อำนวยการสร้างก็ยังตามคัดค้านตลอดการถ่ายทำ
3.แบรด พิตต์ ยืนกรานจะต้องมีหัวในกล่อง
เหตุจากแบรด พิตต์ เคยมีประสบการณ์แย่ ๆ ตอนที่ถ่ายทำหนัง Legends of the Fall แล้วทางผู้บริหารสตูดิโอเข้ามาก้าวก่ายการทำงานมากมาย เขาเกรงมากว่าจะเจอปัญหาเดียวกันในตอนถ่ายทำ se7en โดยเฉพาะฉากจบที่ผู้อำนวยการสร้างไม่เห็นด้วยว่าเทรซี่จะต้องถูกตัดหัวยัดกล่อง ทำให้แบรดยืนยันข้อแม้ว่าหนังจะต้องจบแบบนั้น ไม่เช่นนั้นเขาไม่เซ็นสัญญาแสดงหนังเรื่องนี้ แม้แต่ในตอนที่ฉายโชว์ให้ทีมผู้บริหารดู “พวกเขาก็เอาอีกล่ะ ‘เนี่ยถ้าเขาไม่ยิงจอห์น โด ตอนจบ เขาจะดูเป็นฮีโรมากเลยนะ แล้วการที่มีหัวในกล่องน่ะ มันรู้สึกน่ากระอักกระอ่วนมากเลยนะ’ เนี่ยพอเขาคิดกันแบบเนี้ย ผมก็เริ่มกังวลว่าสุดท้ายในกล่องมันจะกลายเป็นหัวหมารึเปล่านะ” แบรด พิตต์ เล่าความรู้สึกให้ฟังตอนให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2011
4.แบรด พิตต์ เจ็บจริง
ในฉากที่เดวิด มิลล์ เผชิญหน้ากับ จอห์น โด ครั้งแรก แล้วเกิดการวิ่งไล่ท่ามกลางสายฝนนั้น เกิดอุบัติเหตุในการถ่ายทำ แบรด พิตต์ ลื่นล้ม แล้วแขนรับแรงกระแทกอย่างแรง ผลคือเอ็นอักเสบรุนแรง ทำให้เขาต้องใส่สายคล้องแขนไปตลอดการถ่ายทำ ก็เลยต้องมีการแก้ไขบทให้ เดวิด มิลล์ ในเรื่องบาดเจ็บจากเหตุไล่ล่านั้นด้วย แต่ความยากอยู่ในตอนที่ต้องถ่ายทำบางฉาก ซึ่งเป็นเหตุการก่อนการไล่ล่า ซึ่งแบรด พิตต์ ต้องเข้าฉากโดยไม่มีสายคล้องแขน แต่ละฉากผ่านไปด้วยความทรมานที่แบรด ต้องฝืนเจ็บในการถ่ายทำ
5.เควิน สเปซีย์ เสนอไอเดียให้เก็บตัวตนของเขาเป็นความลับ
ก่อนหนังเข้าฉาย จะไม่มีใครเห็นชื่อและหน้าตาของ เควิน สเปซีย์ โผล่มาในสื่อโปรโมตของหนัง นั่นเป็นไอเดียของ เควิน สเปซีย์ เอง ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากให้เก็บตัวตนของเขาเป็นความลับ เพราะถ้าชื่อและหน้าตาของเขาออกไปในสื่อโปรโมต ผู้ชมต้องเดาถูกว่าเขาจะต้องมารับบทเป็น จอห์น โด ฆาตกรโหดของเรื่องนี้เป็นแน่ เพราะก่อนหน้านี้ เควิน สเปซีย์ เพิ่งสร้างชื่อมาจากหนังอาชญากร The Usual Suspects (1995) เป็นบทที่ส่งให้เขาคว้าออสการ์มาแล้วด้วย
แต่ทางสตูดิโอไม่เห็นชอบด้วยกับไอเดียของ เควิน เพราะเขาอยากจะได้ชื่อของ เควิน สเปซีย์ มาใช้ในการโปรโมตหนัง แต่แล้วเควิน ก็ยื่นคำขาด “ผมมีทางเลือกอยู่ 2 ทางว่าผมจะโดดขึ้นเครื่องบินไปกองถ่ายหรือผมไม่ไปก็แค่นั้น” สตูดิโอยอมแพ้ เควิน ได้สิทธิ์ตามที่ขอร้อง ส่วนในฐานะคนดูเห็นชอบกับไอเดียของเควิน เพราะการที่ได้เห็นเควิน โผล่มาในมาดของ จอห์น โด โดยที่ไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อนเป็นฉากการเปิดตัวฆาตกรที่น่าเซอร์ไพรส์มาก
6.ใช้คนแสดงจริงในฉากเหยื่อ Sloth
ใน se7en มีเหยื่อของจอห์น โด หลายรายมาก แต่รายที่โดดเด่นและน่าจดจำมากคือ “วิกเตอร์” เหยื่อในหัวข้อ Sloth หรือ เกียจคร้าน เพราะการที่เขาแสดงอาการว่ายังมีชีวิตอยู่นั้น เป็นฉากที่ทำเอาหลายคนสะดุ้งไปตาม ๆ กัน ซึ่งเหตุนี้ล่ะ ทำให้เหยื่อรายนี้ต้องใช้คนแสดงจริง ๆ แทนที่จะเป็นหุ่นจำลองแทนสภาพศพ
เหยื่อรายนี้จะต้องผอมแห้งมาก เพราะถูกล็อกตัวติดอยู่กับเตียงมานานนับปี ให้อาหารเพียงแค่ประทังชีพเท่านั้น ผู้ที่จะมารับบทนี้จะต้องมีร่างกายที่ผอมแห้งมาก แล้วต้องมีความอดทนในการนอนได้นาน ๆ เดวิด ฟินเชอร์ บอกว่าเขาอยากได้ชายที่น้ำหนักเพียง 40 กิโลกรัม แล้วทีมงานก็ได้ตัว “ไมเคิล รีด แม็กเคย์” ผู้ที่มีคุณสมบัติตรงกับที่ต้องการพอดี ไมเคิล หนักเพียง 44 กิโลกรัม เดวิด เห็นเขาแล้ว ก็ล้อเล่นไปว่า “ไปลดมาอีกได้ไหม ให้เหลือแค่ 40 กิโลกรัม” วันเปิดกล้อง ไมเคิล มาพร้อมกับร่างที่หนักเพียง 40 กิโลกรัม ได้จริง แต่สิ่งที่ไมเคิล เจอหลังจากนั้นคือความมานะอดทนที่เขาต้องนอนให้ทีมงานเตรียมฉากนี้และตกแต่งร่างกายเขายาวนานถึง 14 ชั่วโมง
7.นักแสดงผู้รับบททนายจอมโลภ ไม่รู้มาก่อนว่าต้องเล่นเป็นศพ
จีน บอร์แคน รู้เพียงว่าเขาจะได้รับบทเป็น “ทนายจอมละโมบ” ในหัวข้อเหยื่อบาป “Greed” แต่ไม่รู้มาก่อนเป็นทนายที่ตายแล้ว จนกระทั่งมาถึงกองถ่าย ถึงได้รู้ว่าเขาจะต้องเปลือยเหลือกางเกงในตัวเดียว มีเลือดปลอมราดตัว แล้วต้องแสดงเป็นศพ พอรู้ดังนั้นจีนก็เรียกร้อง ค่าแรงเพิ่ม 5 เท่า จากมาตรฐานที่สมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ กำหนดไว้ว่าขั้นต่ำคือ 522 ดอลลาร์ต่อวัน (15,940 บาท) แล้วสุดท้ายเขาก็ได้ตามที่ต่อรอง
8.แม้แต่ฉากไทเทิลก็ยังแปลกใหม่
เดิมทีในช่วงเครดิตต้นเรื่องนั้น เดวิด ฟินเชอร์ ต้องการเล่าเรื่องราวของนักสืบซอมเมอร์เซ็ตกลับไปเยี่ยมบ้านต่างจังหวัด แล้วก็นั่งรถไฟกลับมาทำหน้าที่ก่อนเกษียณ แต่เมื่อเอาหนังฉบับตัดต่อคร่าว ๆ ไปฉายให้ผู้บริหารนิวไลน์ชม ทาางกลุ่มผู้บริหารพึงพอใจกับตัวหนัง แต่อยากได้ฉากเครดิตต้นเรื่อง ที่ดูสร้างสรรค์และเข้ากับบรรยากาศหนังกว่านี้ ทำให้ทีมงานต้องติดต่อ ไคล์ คูเปอร์ นักสร้างสรรค์ฉากเครดิตนำเรื่องชื่อดังที่มีผลงานมาแล้วกว่า 30 เรื่อง เขาสร้างภาพในฉากนี้ว่า จอห์น โด กำลังตัดรวบรวมเนื้อหาข่าวสารประกอบเพลงของ Nine Inch Nails
หนังสือพิมพ์ The New York Times ยกย่องงานของไคล์ว่า เป็นก้าวที่ล้ำหน้าของวงการภาพยนตร์ ส่วนผู้กำกับ แซค ชไนเดอร์ ก็กล่าวว่า ผู้กำกับหลายคนไม่อยากให้ไคล์มาทำฉากไตเติลให้หรอก เพราะว่างานของเขาบางทีมันดีกว่าหนังทั้งเรื่องด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ไคล์ก็ยังเป็นคนที่งานชุกมาก ๆ เขาออกแบบฉากเครดิตต้นเรื่องมาแล้ว 281 เรื่อง ผลงานล่าสุดคือ 6 Underground
9.นักสืบซอมเมอร์เซ็ตเกือบจะเป็นคนลั่นไกสังหารจอห์น โด
ไอเดียนี้มาจากผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ และแอนดรูว์ เควิน วอล์กเกอร์ ที่ลองเสนอไอเดียนี้ขึ้นมาว่า ถ้าหากเราเปลี่ยนให้ซอมเมอร์เซ็ตเป็นคนลั่นไกสังหารจอห์น โด ล่ะ โทษฐานที่ฆ่าตัดคอภรรยาของคู่หูเขา แต่คนที่ออกมาคั้นค้านเต็มตัวก็คือ แบรด พิตต์ เอง แบรดแย้งว่าลองนึกดูสิ ต่อให้ใครก็ตามแต่ที่พบว่าเมียตัวเองถูกฆ่าแบบนั้น ก็ต้องเป็นคนระเบิดโทสะ แล้วฆ่าไอ้คนที่ทำโดยไม่ต้องยั้งคิดอยู่แล้ว
10.มีผู้ชมบอกว่าเห็นหัว กวินเน็ธ พัลโธรว์ ในกล่อง
ใครที่ดู se7en ต่างก็รู้กันนะครับว่าในฉากไคลแมกซ์นี้ เราอ่านได้จากสีหน้าของนักสืบซอมเมอร์เซ็ต และบทสนทนาของจอห์น โด และเดวิด มิลล์ ว่าเทรซี่ถูกตัดหัวแล้วใส่มาในกล่องกระดาษ แต่กระนั้นผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ ก็ยังโดนผู้ชมต่อว่าในเรื่องนี้อยู่ดี ในงานปาร์ตี้คืนหนึ่ง ผู้ชมหญิงคนหนึ่งรุดมาหาเดวิด ฟินเชอร์ แล้วก็ต่อว่าเขาที่ใส่ฉากรุนแรง
“ทำไมต้องมีหัวกวินเน็ธ พัลโธรว์ ในกล่องด้วย ใส่ฉากนี้มาทำไม มันไม่เห็นจำเป็นกับหนังเลย”
เดวิด ฟินเชอร์ ก็รีบแย้งทันที
“ไม่มีครับ ผมไม่ได้ใส่ภาพนี้ลงในหนัง”
ฝ่ายหญิงก็ยังยืนกราน
“มีสิ ก็ฉันเห็นมัน”
อ้าว! งงล่ะสิ เป็นคนกำกับเอง ไม่ได้ใส่ลงไปในหนัง แล้วเจ๊ไปดูเวอร์ชันไหนมาล่ะนั่น
แต่ถึงอย่างนั้นเดวิด ก็มองผลลัพธ์ในภาครวมว่าเป็นความสำเร็จของเขา และความยอดเยี่ยมจากบทของ แอนดรูว์ เควิน วอล์กเกอร์ ที่สามารถสร้างภาพในจินตนาการผู้ชมได้ในระดับนั้น ในอดีตอภิมหาผู้กำกับ อัลเฟรด ฮิตคอกซ์ ก็เคยทำเช่นนี้ได้ในฉากฆาตกรรมในห้องอาบน้ำ ที่เห็นแต่เงามือกำมีดของฆาตกรแล้วจ้วงแทงเหยื่อสาว ด้วยความน่ากลัวของหนัง ทำให้ผู้สร้างภาพจากนั้นขึ้นเองในจินตนาการ เช่นเดียวกับฉากจบของ se7en ที่ผู้ชมสร้างจินตนกาารต่อว่าพวกเขาเห็นหัวของกวินเน็ธ พัลโธรว์ ในกล่องนั้นจริง
11.กลายเป็นหนังสือการ์ตูน 7 เล่มจบ
ปี 2006 Zenescope Entertainment เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ เนื้อหาของหนัง se7en ไปขยายความต่อในรูปแบบหนังสือการ์ตูน โดยเนื้อหาในการ์ตูนจะเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของ จอห์น โด ที่ออกปฏิบัติการล่าเหยื่อทั้ง 7 ตาม บทบัญญัติเรื่องบาป 7 ประการ ออกมาเป็นบาปละ 1 เล่ม
12.se7en ภาคต่อ
แน่นอนอยู่แล้วว่าหนังประสบความสำเร็จขนาดนี้ ทางนิวไลน์ต้องอยากได้หนังภาคต่อ คาดหวังไว้มากกว่า 2 ภาคอีกด้วย ในภาคต่อนั้นวางแผนว่าจะให้เน้นเรื่องราวไปที่นักสืบซอมเมอร์เซ็ต เพราะนักสืบเดวิด มิลล์ นั่นถ้าไม่เข้าคุกก็ต้องไปอยู่ในสถานบำบัด โพรเจกต์เดินหน้าไปถึงขั้นเขียนบทภาพยนตร์เสร็จแล้วด้วย ในชื่อว่า Solace แต่โพรเจกต์ก็โดนทิ้งค้างไม่มีการสานต่อ จนสุดท้ายต้องหยิบบทมาแก้ ตัวละครนำให้กลายเป็นคนทรงเจ้าที่ตามล่าฆาตกรต่อเนื่อง หนังได้ออกฉายในปี 2015 ได้ แอนโธนี ฮอปกินส์ มารับบทนำ สมทบด้วย โคลิน ฟาร์เรลล์ และ เจฟฟรีย์ ดีน มอร์แกน
13.สมุดบันทึกของจอห์น โด
ในฉากที่มิลล์ และ ซอมเมอร์เซ็ต เข้าไปตรวจค้นในบ้านของจอห์น โด แล้วพบสมุดที่จดบันทึกด้วยลายมือกว่า 2,000 เล่ม ที่ซอมเมอร์เซ็ตบอกว่าต้องใช้ตำรวจกว่า 20 คน กับเวลาอีก 2 เดือน กว่าจะอ่านจบทั้งหมดนี้ ฉากนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับทีมงานในการจัดทำ ทีมงานต้องเขียนกันด้วยลายมือจริง ๆ แล้วก็หาภาพชิ้นส่วนศพจำนวนมาก มาประกอบในบันทึกนี้ ใช้งบประมาณในการจัดทำกว่า 15,000 ดอลลาร์
14.Fuck 74 ครั้ง
แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่มีนักแสดงจอมสบถอย่าง ซามูเอล แอล. แจ็กสัน ร่วมแสดงด้วยก็ตาม แต่ se7en ก็ยังมีคำว่า “Fuck” ให้ได้ยินมากถึง 74 ครั้ง และส่วนใหญ่ก็เอ่ยโดย เดวิด มิลล์
15.ไอเดียของ เควิน สเปซีย์ เองที่โกนหัว
เควิน สเปซีย์ เป็นผู้เสนอไอเดียเองว่าภาพลักษณ์ของ จอห์น โด น่าจะโกนหัว เขาเอาไอเดียนี้ไปถามความเห็นกับ เดวิด ฟินเชอร์ ซึ่งผู้กำกับก็เห็นดีเห็นงามด้วย “ถ้าคุณโกน ผมก็โกนด้วย” กลายเป็นว่าทั้งคู่โกนหัวเหน่งกันตลอดการถ่ายทำ
16.อุปกรณ์สังหารในบาป “ราคะ” ไม่ผ่านเซนเซอร์ในอังฤษ
หนึ่งในการสังหารที่สุดสยองขวัญจากจำนวน 7 ข้อ ก็คือ “ราคะ” ที่ จอห์น โด สั่งให้ช่างหนังทำดิลโด้รัดเอวฝ่ายชาย แต่ส่วนที่ยื่นออกมาเป็นมีดแหลม แค่จินตนาการก็ชวนสยองแล้ว ในหนังนั้นเราเห็นภาพอุปกรณ์นี้กันแค่แวบเดียวเท่านั้น เป็นภาพโพลารอยด์ ที่ช่างผู้ผลิตนำมาให้ซอมเมอร์เซ็ตดู แต่แล้วภาพนี้ก็ถูกตัดออกไปเมื่อตอนแพร่ภาพทางช่อง BBC One ในอังกฤษ ผู้ชมต่างบ่นกันว่า “ไร้สาระ”
17.มี 7 มากมายในหนัง
เมื่อหนังชื่อเรื่องว่า seven หลาย ๆ ช่วง หลาย ๆ ตอนในหนังก็เลยเกี่ยวข้องกับเลข 7 ถ้าสังเกตบรรดาอาคารบ้านช่องในหนังจะขึ้้นต้นเลขที่บ้านด้วยเลข 7, ทางผู้สร้างถือโชคลางหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ แต่กำหนดให้เวลาในการส่งมอบหนังกับโรงฉายนั้นเป็นเวลา 7:00 pm และก่อนหนังจะจบได้ 7 นาที นักสิบซอมเมอร์เซ็ตก็เอ่ยวลีสำคัญว่า “he will win”
18.เดนเซล วอชิงตัน บอกปัดบท เดวิด มิลล์
ก่อนที่บทเดวิด มิลล์ จะมาเป็นของ แบรด พิตต์ นั้น ตัวเลือกแรกของทีมงานก็คือ เดนเซล วอชิงตัน ซึ่งเขาบอกปัดไปด้วยเหตุผลว่าหนัง “หม่นและดูชั่วร้ายเกินไป” แต่เมื่อเดนเซล ได้ชมหนังในรอบทดลองแล้ว เขาก็ยอมรับว่าเขาเสียดายที่ตัดสินใจพลาดไปจริง ๆ
19.ตัวเลือกคือ กวินเน็ธ พัลโธรว์ เท่านั้น
เดวิด ฟินเชอร์ ประทับใจบทบาทการแสดงของ กวินเน็ธ พัลโธรว์ จากหนัง Flesh and Bone (1993) เธอจึงเป็นตัวเลือกแรกในบท เทรซี่ ภรรยาของ เดวิด มิลล์ แต่กวินเน็ธ บอกปฏิเสธไป เดวิด ฟินเชอร์ เลยเริ่มแผนสอง ไปคุยกับแบรด พิตต์ ซึ่งตอนนั้นกุ๊กกิ๊กกันอยู่กับกวินเน็ธ ว่าไปช่วยหว่านล้อมเธอให้มารับบทนี้ที ซึ่งแบรดพิตต์ก็ทำได้สำเร็จ หลังจากเรื่องนี้ทั้งคู่จึงคบหากันจริงจัง ทั้งคู่คบกันยาวนานถึง 4 ปี หลังจากเลิกรากับกวินเน็ธ เขาจึงไปคบกับเจนนิเฟอร์ อนิสตัน
20.มอร์แกน ฟรีแมน ตอบตกลงคนแรก
แม้ว่าเดวิด ฟินเชอร์ จะหมายมั่นว่าอยากได้ มอร์แกน ฟรีแมน มารับทนักสืบซอมเมอร์เซ็ต แต่เขาก็หวั่นใจอย่างมากว่ามอร์แกน อาจจะตอบปฏิเสธ เหตุเพราะว่าบรรยากาศหนังของเขามันหม่นเกินไป แต่กลับกลายเป็นว่า มอร์แกน ฟรีแมน เป็นนักแสดงคนแรกที่ตอบตกลงมาร่วมงาน