กรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม คลื่นวิทยุรักสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ “แก่น 555” ผู้จัดเทศกาลดนตรี นำโดย “ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม” และบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก จับมือร่วมกันให้กำเนิด “Banpu Presents TOTE BAG Music festival” เทศกาลดนตรีที่รักโลก พอ ๆ กับรักเธอ เทศกาลคอนเสิร์ตแรกของประเทศไทยที่หยิบเอาแนวคิด “Say No Single Use” คือจะไม่มีการใช้พลังงานสิ้นเปลืองหรือสิ่งที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจนเกิดขยะเลยตลอดทั้งเทศกาล เป็นเทศกาลดนตรีแบบ ZERO CARBON FOOTPRINT ที่ลดการใช้วัสดุแบบใช้ครั้งเดียว หรือ ซิงเกิลยูส ของทุกอย่างภายในงานต้องใช้ซ้ำ หรือนำไปรีไซเคิลได้ เพื่อเป้าหมายสร้างเทศกาลดนตรีแบบ ZERO WASTE

(จากซ้ายไปขวา) คุณสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ดีเจอ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ตัวแทนจากกรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม ประธานกรรมการ บริษัท แก่น 555 จำกัด และดีเจอั๋น ภูวนาท คุนผลิน ตัวแทนจากกรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม

โดยภายในงานตลอดทั้ง 2 วัน เป็นการใช้พลังงานทางเลือกอย่าง “พลังงานแสงอาทิตย์” แปลงพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยโซลาเซลล์กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า แทนการใช้เครื่องปั่นไฟที่ต้องใช้น้ำมัน ซึ่งเป็นพลังงานสิ้นเปลืองในการปั่นไฟเหมือนเทศกาลดนตรีอื่น ๆ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีภายใต้ความร่วมมือของผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานด้านทางเลือกอย่าง “บ้านปู” ที่เคยทดลองมาแล้วใน Big Mountain Music Festival สองครั้งที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ใช้แบตเตอรีเก็บพลังงานขนาด 1 กิโลวัตต์ มาให้พลังงานในทุก ๆ กิจกรรมทั่วทั้งเทศกาลและเวทีทั้ง 3 เวที รวมไปถึงงานโปรดักชัน ที่ใช้แนวคิดเดียวกันคือ เลือกใช้วัสดุที่ใช้ซ้ำได้ และใช้พลังงานสะอาด เช่นการใช้แสงไฟ ก็จะใช้หลอดไฟ LED ที่กินไฟน้อยตลอดทั้งงาน เพื่อให้แสงสว่างและเป็น Lighting ในการแสดงบนเวที ซึ่งจะมีรูปแบบที่แทบไม่แตกต่างจากเทศกาลดนตรีทั่ว ๆ ไป

(เรียงจากซ้ายไปขวา) ดีเจอ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ตัวแทนจากกรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม คุณสมโรจน์ วสุพงศ์โสธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) คุณสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม ประธานกรรมการ บริษัท แก่น 555 จำกัดดีเจอั๋น และ ภูวนาท คุนผลิน ตัวแทนจากกรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม

โดยในเทศกาลนี้จะแบ่งออกเป็น 3 เวที ได้แก่

Mini Stage : “เวทีนั้น”


เวทีเล็กที่รวมศิลปินอินดี้มาแรง  ชื่อเล่นของเวทีนี้คือเวทีต้นไม้ ที่ประดับด้วยไม้ไผ่ที่สามารถนำไปใช้ซ้ำได้ และต้นไม้ที่สามารถปลูกได้ที่บ้าน หลังจบงานวันอาทิตย์แล้ว จะเป็นเวทีที่สามารถ “แจกได้” ผู้ชมสามารถนำต้นไม้ที่ใช้ตกแต่งเวทีกลับไปปลูกต่อที่บ้านได้เลย

Main Stage : “เวทีนี้”

เวทีใหญ่ที่รวบรวมศิลปินรุ่นใหม่ ขวัญใจชาวกรีนเวฟ เวทีนี้ถูกเพนต์ด้วยสีรุ้ง โดยใช้หลังคาไม้ที่ได้จากรีสอร์ต (เป็นหลังคาไม้ที่รีสอร์ตรื้อเพื่อเปลี่ยนใหม่ แต่ยังคงใช้งานได้) มาทำเป็นเวที และหลังจากจบคอนเสิร์ต วัสดุที่ใช้บนเวทีจะถูกนำไปสร้างเป็นหลังคาให้แก่โรงเรียนชุมชนบ้านก่อดำ อ.บ้านลาว จ.เชียงราย ต่อไป

Talk Stage : “เวทีนู้น”

เวทีของ “ตัวจริง” ในวงการกรีน ที่จะมาเล่าเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้นให้เราฟัง จากสปีกเกอร์หลากหลายวงการ อาทิ วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล , ท็อป พิพัฒน์ , ฟ้า-ษริกา , แพท-รัณนภันต์ นักร้องนำวงเคลียร์ เป็นต้น โดยทอล์กสเตจมีทั้ง 2 วัน ตั้งแต่เวลา 15.00-17.00 น. โดยเวทีนู้น จะเป็นเวทีที่ใช้ผ้าใบที่มีการออกแบบลวดลายเป็นหลังคา เมื่อหลังจากจบงาน ผ้าใบเหล่านี้จะถูกนำมาตัดทำเป็นกระเป๋า Limited Edition เพื่อวางจำหน่ายหลังจบงาน

โดยใน “เวทีนั้น” และ “เวทีนี้” มีศิลปินที่จะขึ้นแสดงดังต่อไปนี้

วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม 2563
Mini Stage : “เวทีนั้น” : Stoondio , Yented , Whal & Dolph
Main Stage : “เวทีนี้” : ทอม อิศรา , ตู่ ภพธร , แสตมป์ อภิวัชร์ , ลิปตา , 25Hours

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563
Mini Stage : “เวทีนั้น” : Gym & Swim , Safeplanet , เขียนไขและวานิช
Main Stage : “เวทีนี้” : อิ้งค์ วรันธร , Mean , ลุลา , The Parkinson , Klear

แผงโซลาเซลล์ที่ใช้เก็บพลังงาน และเป็นจุดถ่ายรูป

พื้นที่ตลาดนัดถุงผ้า ความพิเศษคือด้านหลังป้ายด้านบนก็เป็นแผงโซลาเซลล์ด้วย

การตกแต่งเวทีทั้ง 3 เวที ถูกคิดขึ้นมาแบบ “ที่ไปก่อนที่มา” ตัวอย่างเช่น ว่าจะสร้างหลังคาโรงเรียน แล้วจึงค่อยคิดย้อนกลับมาว่าจากหลังคาดังกล่าว จะนำมาสร้างเป็นรูปแบบเวทีได้อย่างไร ที่ทำให้ไม่เหลือขยะจากการสร้างเวทีเลย และทุก ๆ อย่างในงานจะเกิดขึ้นแบบมีที่มาที่ไปตั้งแต่ต้นจนจบงาน เพื่อลดการใช้วัสดุแบบใช้ครั้งเดียวหรือ Single Use ของทุกอย่างภายในงานจะต้องสามารถใช้ซ้ำได้ หรือสามารถส่งต่อไปใช้ประโยชน์อื่นๆได้อีก ตั้งแต่จุดแลนด์มาร์ก อาร์กเวย์ทางเข้างาน ฯลฯ

อาร์กเวย์ทางเข้างานที่ใช้วัสดุผ้าใบในการตกแต่ง ซึ่งผ้าใบจะถูกนำไปตัดเป็นกระเป๋าเพื่อจำหน่ายเช่นเดียวกับเวทีนู้น

นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมกรีน ๆ แบบ Zero Waste อีกมากมายเช่น

ตลาดนัดถุงผ้า

ชวนนำถุงผ้า เสื้อผ้า หรือบริจาคของที่ไม่ได้ใช้แล้วและอยู่ในสภาพดี และชอปปิงสินค้ากรีน ๆ จากศิลปินชื่อดังมากมาย ซึ่งสินค้าจะมีเพียง 3 ราคาเท่านั้นคือ 20 บาท 60 บาท และ 100 บาท เพื่อนำสิ่งของและรายได้จากการขายของไปบริจาคให้แก่ “มูลนิธิปันกัน” นอกจากนี้ภายในงานยังมีอาหารจำหน่ายด้วย

โดยผู้ที่จะมาเทศกาลนี้จะต้องนำถุงผ้า จานชาม ช้อน ส้อม แก้ว กล่องอาหาร เพื่อมาใส่อาหาร และได้รับสิทธิ์ในการซื้ออาหารในราคาปกติ (ถ้าไม่มีกล่องอาหารหรือแก้วมาใส่ จะคิดอีกราคาซึ่งแพงกว่า) รวมทั้งที่จุดทิ้งขยะจะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำการแยกขยะอย่างถูกวิธี และถ้าอยากล้างภาชนะ ก็จะมีจุดบริการให้ล้างภาชนะได้ด้วย และถ้ามีเสื้อยืดหรือถุงผ้าที่ยังใช้ได้ แต่ไม่ค่อยได้ใช้ สามารถนำมาสกรีนลายโลโกของงานให้กลายเป็นเสื้อใหม่และถุงผ้าใหม่ ยืดอายุการใช้งานให้คุ้มยิ่งขึ้นได้อีก

กรีนมาร์เก็ต

กิจกรรมเวิร์กชอปที่ให้ผู้ที่มางานได้เรียนรู้วิธีการรักโลกที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งเวิร์กชอปการทำผ้าไขผึ้ง หรือ ฺBeeswax wrap ที่สามารถใช้แทนพลาสติกในการห่ออาหาร ใช้ Wrap จานอาหารเข้าตู้เย็นก็ได้ Beautiful Me เวิร์กชอปทำเครื่องสำอาง ได้แก่ ลิปสครับ ลิปมัน ลิปทินต์ ไปจนถึง Makeup remover ที่สามารถนำเอาบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางสวย ๆ ที่ใช้หมดแล้วมาใส่แทนได้ และ Tee To Won (ที ทู วน) เวิร์กช็อป DIY เสื้อเก่าให้กลายเป็นจานรองแก้ว และปลอกสวมแก้วพร้อมสายสะพาย

และในงานยังใส่ใจไปถึงการเดินทางอีกด้วย เพราะเทศกาลดนตรีนี้จัดขึ้นที่สนามเทพหัสดิน ซึ่งสามารถเดินทางได้ง่าย ๆ ด้วย BTS (ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ) หรือรถสาธารณะอื่นๆ (เพราะที่งานไม่มีที่จอดรถให้) หรือถ้าปั่นจักรยานมางาน สามารถเข้าจอดในที่จอดวีไอพีที่ตั้งอยู่ติดกับงานและเดินเข้างานได้เลยภายใน 3 วินาที!

“Banpu Presents Tote Bag Music Festival” เทศกาลดนตรีที่รักโลกพอๆ กับรักเธอ จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 21 และวันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น. (เวทีแรกเริ่ม 15.00 น.) ณ สนามเทพหัสดิน (BTS สนามกีฬาแห่งชาติ)

จำหน่ายบัตรแบบ QR CODE (ไม่มีบัตรกระดาษหรือบัตรแข็งที่ทำจากพลาสติก) ได้ที่ www.ticketmelon.com (สามารถพรินท์ใส่กระดาษ หรือโชว์ในมือถือก็ได้)

เริ่มจำหน่ายบัตร 14 กุมภาพันธ์ นี้ โดยบัตรมี 2 ประเภท ได้แก่ แบบ One Day Pass ราคา 900 บาท และแบบ 2 Day pass ราคา 1,300 บาท

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.greenwave.fm

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส