กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลดนตรีกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ สิงห์ มิวสิค พรีเซนต์: คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์ค ในวันเสาร์ที่ 7 มีนาคมนี้ ด้วยรูปแบบงานตามความตั้งใจของผู้จัดที่อยากมอบประสบการณ์ที่มากกว่าแค่งานเทศกาลดนตรีทั่วไป ในปีนี้จึงได้ทำพื้นที่ที่ปราศจากการแบ่งแยก เพื่อหล่อเลี้ยงชุมชนคนรักเสียงเพลงที่มีความสัมพันธ์เหนียวแน่นและเต็มไปด้วยความหลากหลาย ผ่านการมอบกิจกรรมด้านไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ศิลปะ หรือ กีฬา เป็นต้น ณ ไทยเวคพาร์ค ลำลูกกาคลอง 6 จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่บ่ายโมงตรงเป็นต้นไปถึงเที่ยงคืน
ในส่วนเวทีงานปีนี้มี 3 เวทีได้แก่ PARK STAGE, SHELTER STAGE และ DISCO DIARIES (WATER STAGE) รวม 15 ศิลปิน ได้แก่ Oddisee แรปเปอร์และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. Artbat ศิลปินที่ขายดีที่สุดในชาร์ต Beatport Melodic House & Techno จากทั่วโลก Leisure วงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในนิวซีแลนด์ Black Coffee โปรดิวเซอร์และดีเจระดับตำนานจากแอฟริกาใต้ Mousse T. โปรดิวเซอร์และดีเจชาวเยอรมัน ร่วมด้วยขาประจำของคัลเลอร์อย่าง ATMA , Dark White และศิลปินอื่นๆ รวมถึงศิลปินหน้าใหม่ ได้แก่ Miss Foster, Gioli & Assia, Pyra, Panna, Rabbit Disco, Running Touch, Bonita Everitt และ Mae Happyair แนวดนตรีหลากสไตล์หลายรูปแบบ
คัลเลอร์ อิน เดอะ พาร์คในครั้งนี้จะกลายเป็นสุดยอดประสบการณ์กลางแจ้งที่เต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิต ที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ Singha, Rip Curl, Bangkok Vodka, Red Bull, Pullman Bangkok Hotel G, Grab, Cabin Zero และ Guss Damn Good นอกจากดนตรีแล้ว คัลเลอร์ยังเตรียมกิจกรรมสนุก ๆ ไว้ให้ผู้มาร่วมงานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาเวคบอร์ด นิทรรศการศิลปะแบบอินเตอร์แอ็กทิฟ ฟู้ดมาร์เก็ต บริการนวดไทย การแสดงสดในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงตลาดนัดร้านเครื่องประดับแฟชั่น
ใครที่สนใจอยากไปมันส์กันก็สามารถเข้าไปจับจองบัตรและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.kolourinthepark.com ครับ
ส่วนตอนนี้เราไปทำความรู้จักกับไลน์อัพทั้ง 15 ศิลปินกันก่อนครับ
PARK STAGE
LEISURE
เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มคนห้าคนที่นำความสามารถและความสำเร็จของแต่ละคนมาผนึกกำลังกันก่อให้เกิดเป็นพลังอันยิ่งใหญ่แห่งวงการดนตรี สมาชิกแต่ละคนมีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นของตนเอง และต่างก็ได้รับอิทธิพลด้านดนตรีมาจากดนตรีหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นดนตรีสไตล์ฟังก์จากยุค 70 แรปและอาร์แอนด์บีจากยุค 90 ไปจนถึงแดนซ์มิวสิกจากยุค 2000 ต้น ๆ เมื่อนำเอาความสามารถของแต่ละคนมารวมกันจึงเกิดเป็นชุดการแสดงสุดอลังการ อัดแน่นไปด้วยเอกลักษณ์และจินตนาการที่ไม่เหมือนใคร ดึงดูดความสนใจจากแฟนเพลงทั่วโลก อัลบั้มเปิดตัวของพวกเขาได้รับการสตรีมมากกว่า 50 ล้านครั้ง ส่งผลให้พวกเขากลายเป็นศิลปินที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในนิวซีแลนด์ ที่รอบการแสดงสดขายหมดเป็นอันดับหนึ่ง
Oddisee
Amir Mohamed el Khalifa หรือที่เป็นที่รู้จักในนาม Oddisee เป็นแรปเปอร์และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มาจนถึงระดับโลก Oddisee เกิดและเติบโตในครอบครัวที่มีความสามารถด้านดนตรี ซึ่งเป็นที่มาของแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาหลังรักเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก Oddisee สั่งสมความรักและความสนใจในดนตรีสไตล์แรปและโซลมาโดยตลอด ความรักในเสียงดนตรีนี่เองที่ทำให้เขาตัดสินใจลองสร้างบทเพลงของตนเอง อัลบั้มเปิดตัวของเขา “People Hear What They See” ซึ่งเปิดตัวในปี 2012 ได้รับรางวัล The Best Hip-Hop Album จากเวที Apple iTunes Music Award 2012 โดยอัลบั้มดังกล่าวมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และเปิดโอกาสให้ Oddisee ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลระดับโลกต่างๆ อาทิ Glastonbury, Sasquatch, Rotterdam Jazz Festival, Roskilde และ Dour
Running Touch
เตรียมตัวพบการกับการแสดงที่ผสมผสานศิลปะและจินตนาการเข้าด้วยกันอย่างลงตัว สร้างสรรค์โดย Running Touch ศิลปินจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ผู้เติบโตจากการเป็นศิลปินระดับท้องถิ่น จนกลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีคนนับถือมากที่สุดในวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจุบัน Running Touch ได้รับการยอมรับทั้งในฐานะศิลปินและผู้จัด โดยรับหน้าที่เป็นทั้งผู้แต่งเพลง นักร้อง และสมาชิกคนสำคัญของ ‘Ocean Grove’ ซึ่งเป็นวงดนตรีสไตล์ฮาร์ดคอร์สัญชาติออสเตรเลีย ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ทำให้เขาได้ฝึกฝนทักษะในการหาความสมดุลระหว่างดนตรีสไตล์ electronica, indie-pop และ indie-electronic จนเชี่ยวชาญ การเดินทางของเสียงดนตรีอันเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของ Running Touch นับเป็นการเดินทางที่เป็นมากกว่าการแสดง เพราะนับเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ATMA
ATMA เป็นที่รู้จักในฐานะเจ้าของบทเพลงสไตล์ Fun-House ที่ล้ำสมัยและเต็มไปด้วยความสดใหม่ โดยเขารู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้คอเพลงยักย้ายส่ายสะโพกไปกับบทเพลงของเขา เสียงดนตรีอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ ATMA ทำให้เขาได้ขึ้นไปแสดงบนเวทีต่างๆ ในออสเตรเลีย เอเชียและยุโรป ร่วมกับศิลปินแถวหน้า อย่าง Seth Troxler, Eats Everything, Derrick Carter, Pan-Pot, John Digweed, Miguel Campbell และ Sébastien Léger เป็นต้น
Pyra
การแสดงสไตล์อิเล็กทรอนิกส์โดยศิลปินชาวไทย Pyra ผู้ทำหน้าที่เบิกเส้นทางดนตรีในวงการอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง ผ่านการผสมผสานวัฒนธรรมไทยและเมโลดี้ดั้งเดิมของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกันจนเกิดเป็นบทเพลงสไตล์ “Solar Soul” ที่ไม่เหมือนใคร Pyra เป็นศิลปินชาวไทยคนแรกที่ได้ขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรี Burning Man Festival อีกทั้งยังเป็นเจ้าของรางวัล Apple Music’s Best New Artist 2016, Joox Spotlight Artist 2018 และเป็นผู้ชนะเวที Sunkist Freshly Picked Music Contest 2018 อีกด้วย นอกจากผลงานดนตรีแล้ว Pyra ยังเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินเจ้าของการแสดงที่เต็มไปด้วยพลัง
Mae Happyair
Mae Happyair นับเป็นศิลปินที่มีพรสวรรค์เฉพาะตัว ครั้งหนึ่ง Mae Happyair เคยทำงานเป็นผู้ช่วยสไตล์ลิสต์ของนิตยสาร Harper’s Bazaar ประเทศไทย เมื่อเธอพบว่าเพลย์ลิสต์ของเธอได้รับความสนใจจากผู้คนระหว่างการถ่ายภาพแฟชั่น เธอจึงเริ่มให้ความสนใจและความสำคัญกับมันมากขึ้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ความสามารถของตนเองกำลังจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวตน รวมไปถึงวงการดนตรีไทยครั้งยิ่งใหญ่
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในทีมผู้ก่อตั้งอีเวนต์สำคัญๆ อาทิ GO GRRRLS และ NON NON NON ทำให้ Mae Happyair เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวงการดนตรีใต้ดินสไตล์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย รวมถึงเป็นแรงสำคัญในการสร้างพื้นที่ทางดนตรีให้แก่ชุมชน LGBT ในประเทศไทย ดนตรีของเธอเต็มไปด้วยจังหวะและสไตล์ที่อัดแน่นไปด้วยสีสัน แน่ใจได้เลยว่า คุณจะต้องตกหลุมรักดนตรีของเธอ
SHELTER STAGE
Black Coffee
Black Coffee นับเป็นหนึ่งในดีเจแถวหน้าที่เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ โดยมีโชว์มากกว่า 250 โชว์ในหนึ่งปี และเป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้ขึ้นเล่นในเทศกาลดนตรีระดับโลก อาทิ Coachella, Tomorrowland และอื่นๆ Black Coffee นับเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลมาจากแนวเพลงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครที่เขาสร้างสรรค์ในอัลบั้มเปิดตัวของเขา ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ Black Coffee บทเพลงในอัลบั้มดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยการใช้ซอฟต์แวร์ระดับเบสิก สะท้อนให้เห็นความสามารถและอัจฉริยะของศิลปินได้เป็นอย่างดี Black Coffee มีบทบาทในฐานะผู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้แก่วงการเพลงสไตล์ House มาตั้งแต่แรกๆ จากเด็กผู้ชายที่ใช้ชีวิตเติบโตขึ้นในเมืองเล็กๆในอีสเทิร์นเคป แอฟริกาใต้ กลายมาเป็นศิลปินที่ได้ทำตามความฝัน ท่ามกลางอุปสรรคและความท้าทายที่ประสบมาตลอดชีวิต ทำให้เรื่องราวของ Black Coffee กลายเป็นเรื่องราวที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นดนตรีสไตล์ Afropolitan House ได้รับความนิยมโด่งดังไปทั่วโลก
Artbat
Artur และ Batish เป็นคู่หูเพื่อนสนิทและดีเจมากความสามารถ ที่โด่งดังมาจากวงการดนตรีใต้ดินของเมืองเคียฟ จนกลายเป็นหนึ่งในเจ้าของการแสดงที่มีคนอยากดูมากที่สุดในโลก ทั้งคู่สร้างสรรค์ดนตรีที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและท่วงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์ภายใต้ชื่อ Artbat ที่คนฟังทุกคนฟังแล้วต้องขยับเท้าตาม ปัจจุบัน ทั้งคู่เป็นศิลปินที่ขายดีที่สุดในชาร์ต Beatport Melodic House & Techno จากทั่วโลก และเคยขึ้นแสดงบนเวดีดังๆมาแล้วทั่วโลก อาทิ Awakenings, Cercle, Loveland, EDC Las Vegas, EDC Japan, และอื่นๆ
Giolì & Assia
Giolì & Assia เป็นทั้งศิลปิน นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี เจ้าของค่ายเพลงและดีเจ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก ในช่วงแรก ทั้งคู่เริ่มสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้จัดการและศิลปิน ต่อมาความร่วมมือกันของทั้งสองคนก็ผ่านการพัฒนาจนกลายเป็นหนึ่งในการแสดงที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และพลังที่ดีที่สุดของโลก Giolì รับหน้าที่เล่นเปียโน เชลโล่ กลอง กีต้าร์และแฮนแพน ในขณะที่ Assia ทำหน้าที่เป็นนักร้องนำและมือกีต้าร์ เมื่อนำส่วนผสมอันหลากหลายประกอบเข้าด้วยกัน จึงเกิดเป็นการผสมผสานของดนตรีหลากสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น electro, dance, indie หรือ afro house
Bonita Everitt
ศิลปินชาวไทยผู้เคยขึ้นเวทีมาแล้วทั่วประเทศไทย รวมถึงเวทีใหญ่ระดับประเทศ อาทิ Wonderfruit, Iconic Studio, Jai Thep Festival, Mustache Bangkok, Sing Sing Theatre, Baba Beach Club และอื่นๆ Bonita Everitt ได้รับแรงบันดาลใจด้านดนตรีจากการใช้ชีวิตในเมืองเล็ก ๆ ที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาไคท์เซิร์ฟ และรายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม โดยเธอนำแรงบันดาลใจทั้งหมดมาใช้ในการสร้างสรรค์บทเพลงที่เหมาะสมแก่การเต้นรำ อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกเป็นสุข สนุกสนาน หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือความสามารถของเธอในการดึงเอาความรู้สึกแง่บวกมาผสมผสานกับแง่มุมที่มีความลึกซึ้งได้อย่างลงตัว
Miss Foster
Miss Foster นับเป็นหนึ่งในดีเจที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในดูไบในปี 2016 ในฐานะดีเจประจำ 360˚Dubai ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ Miss Foster ได้วาดลวดลายร่วมกันกับศิลปินชื่อดังจากนานาชาติ อาทิ Purple Disco Machine, Diplo, Sam Divine, John Morales, Grant Nelson, Grahame Park, Bob Sinclar และ Sandy Rivera โดย Miss Foster ย้ายมากรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2018 และมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างรวดเร็วในฐานะหนึ่งในดีเจแถวหน้าของกรุงเทพฯ โดยเธอเคยแสดงบนเวทีที่สถานที่ชื่อดังมาแล้วหลายเวที ไม่ว่าจะเป็น Mustache Bangkok, Sing Sing Theater และ Levels รวมถึงที่ใครๆก็รู้จักกันดีอย่าง Baba Beach Club นอกจากนี้ Miss Foster ยังมีประสบการณ์ขึ้นแสดงในเวทีในต่างประเทศ อาทิ Ministry of Sound ในกรุงลอนดอน และเวทีหลักของเทศกาลดนตรี Evolve ในแคนาดา พลังอันล้นเหลือและรสนิยมด้านดนตรีอันไร้ที่ติของเธอส่งผลให้เธอประสบความสำเร็จ และกลายเป็นศิลปินที่มีแฟนเพลงจากทั่วโลก
DISCO DIARIES (WATER STAGE)
Mousse T.
Mousse T. เป็นโปรดิวเซอร์และดีเจชาวเยอรมันที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดอยู่ในวงการมามากกว่ายี่สิบปี และสั่งสมชื่อเสียงจนกลายมาเป็นหนึ่งในบุคคลที่น่าจับตามองมากที่สุดในวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ โดยเขาได้รับแรงผลักดันมาจากความสงสัยใคร่รู้และความชอบในการทดลองใช้เสียงหลากหลายรูปแบบ รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีใครเหมือน Mousse T. เป็นผู้คัดสรรบทเพลงสไตล์แดนซ์ระดับตำนาน อาทิ “Horny” และ “Sex Bomb” โดดเด่นด้วยความสามารถเฉพาะตัวและความกล้าในการแสดงต่อหน้ากลุ่มคน โดยเค้ารู้ว่าเค้าควรจะเล่นดนตรีประเภทไหนและเล่นอย่างไร เพลงของเขามักจะเกิดจากการผสมผสานเพลงฮิตสไตล์คลาสสิกแดนซ์เข้ากับผลงานใหม่ๆ รวมถึงลูกเล่นอันน่าแปลกใจ ที่จะทำให้คุณไม่อยากเลิกเต้น
Dark White
Dark White เป็นผลงานที่เกิดการจากการสร้างสรรค์ของคู่หูดีเจ Sir Walt และ Spencer ทั้งคู่เป็นดีเจที่มีความสนใจเกี่ยวกับการท้าทายขีดจำกัดของดนตรีสไตล์ House และ Disco โดยทั้งคู่เดินหน้าผลักดันดนตรีทั้งสองประเภทไปจนถึงขีดสุด ผ่านการผสมผสานดนตรีเหล่านั้นเข้ากับดนตรีในสไตล์อื่นๆ อาทิ Italo, Acid, Funk, Soul และ R&B โดยมีผลงานร่วมกันกับศิลปินชั้นนำหลายคน อาทิ Doorly, FKJ, Le Marquis, Satin Jackets, Kraak & Smaak, Opolopo, Aeroplane, Alex Metric, Cherokee, Darius และอื่นๆ Dark White ไม่เคยจำกัดขีดความสามารถของตนเองด้วยการผูกมัดตัวเองกับดนตรีรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ในทางตรงกันข้าม พวกเขาปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาโลดแล่นอย่างเป็นอิสระ ซึ่งทำให้สามารถการันตีได้เลยว่า การแสดงแต่ละชุดของพวกเขาจะมีความแตกต่างและเป็นที่น่าจดจำ จุดมุ่งหมายในการสร้างสรรค์บทเพลงของพวกเขา ก็คือเพื่อมอบประสบการณ์ที่ก่อให้ความรู้สึกเป็นอิสระและน่าจดจำสำหรับผู้ชม เป็นประสบการณ์ที่ผู้ชมสามารถปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงดนตรีได้เต็มที่
Panna
ศิลปินที่กำลังสร้างชื่อเสียงในวงการดนตรีในประเทศไทยผ่านความสามารถในการผสมผสานบทเพลงจากแผ่นไวนิล ความสามารถของ Panna เกิดมาจากความหลงใหลคลั่งไคล้ที่เธอมีต่อแผ่นไวนิลของ Motown ที่เธอสะสม คอลเล็กชันของเธอกลายมาเป็นแรงบันดาลใจทำให้เธอเลือกเรียนดนตรี ซึ่งกลายมาเป็นที่มาของประเภทและสไตล์ดนตรีของเธอทุกวันนี้ Panna เกิดและเติบโตในกรุงเทพฯ ความสามารถและความชอบในดนตรีแจ๊ส รวมถึงความหลงไหลในดนตรีนอกกระแส ทำให้เธอมีความโดดเด่นท่ามกลางวงการดนตรีที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ร่วมสนุกสนานไปกับบทเพลงแจ๊สและโซลกับเธอได้ที่ เวที Water Stage
Rabbit Disco
Rabbit Disco โดดเด่นด้วยบทเพลงสไตล์ deep house ที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง เซ็กซี่และจิตวิญญาณ โดยตัวเธอนับเป็นหนึ่งในศิลปินที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการดนตรีไทย Rabbit Disco เคยขึ้นเวทีแถวหน้าของเมืองไทยมาแล้วหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Escape Bangkok, Studio Lam, Distil Bar Lebua Hotel, Char Rooftop, The St. Regis, และ Red Sky บทเพลงของเธอมอบสีสันให้แก่แดนซ์ฟลอร์ เตรียมตัวสัมผัสประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น สนุกสนาน ราวกับฤดูร้อน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส