ด้วยประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่ยาวนานมากว่า 50 ปี นับตั้งแต่หนังภาคแรก Star Wars: New Hope ออกฉายเมื่อปี 1977 และจากนั้นก็ได้รับความนิยมและถูกต่อยอดออกมามากมายทั้ง หนังภาคต่อ หนังภาคแยก ซีรีส์คนแสดง ซีรีส์แอนิเมชัน หนังสือคอมิก หนังสือนิยาย เกม เรียกว่าสารพัดจะนึกออก และหลายครั้งเนื้อหาของแต่ละสื่อก็ตีรวนสับสนกันเองจนแฟนงงงวยเช่นกัน ความเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ ดิสนีย์ เข้ามาเทกโอเวอร์ลูคัสฟิล์ม ในปี 2012 หลังจากนั้นนอกจากการมุ่งมั่นสร้างหนังสตาร์วอร์สไตรภาคใหม่แล้ว สิ่งที่ดิสนีย์เลือกจัดการเป็นอย่างแรก ๆ คือทำการลำดับชั้นความถูกต้องของเนื้อหาทั้งหมดในจักรวาลสตาร์วอร์สเสียใหม่

เพราะจากเดิมเมื่อรวมเนื้อหาจากทุกสื่อแล้ว จะสามารถจัดเนื้อเรื่องได้ถึง 6 ระดับชั้น!! ที่แต่ละชั้นก็มีแนวทางการเล่าเรื่องของตัวเอง ซึ่งถ้าแฟน ๆ ไม่งงก็แปลกแล้วล่ะ โดยการล้างจักรวาลนี้จะนับเป็นธานอสโอเปเรชันครั้งแรกของดิสนีย์ก็ว่าได้ ในวันที่ วันที่ 24 เมษายน 2012 ดิสนีย์ได้กำหนดโครงเรื่องใหม่เป็น โครงเรื่องกระแสหลัก (Canon) และเรียกเรื่องที่เล่าถึงอื่น ๆ ซึ่งขัดแย้งหรือไม่เข้ากับโครงเรื่องกระแสหลักที่กำหนดไว้ว่า Star Wars Legends (Non-Canon) ประมาณว่าเวอร์ชันตำนานเล่าลือก็ว่าได้ ดีดนิ้วเป๊าะ! หายไปเกินครึ่งทันที และหนึ่งในกระบวนการที่ดิสนีย์เข้ามาจัดระเบียบจักรวาลใหม่นั่นก็คือ อุดช่องโหว่ของโครงเรื่องกระแสหลักที่ยังอุตส่าห์ขัดแย้งกันเองอีก เพราะตัวหนังภาคหลักที่สร้างมาทั้ง 2 ไตรภาคก่อนหน้า (ภาค 1-6) ที่แฟน ๆ ถือเป็นโครงเรื่องศักดิ์สิทธิ์เพราะออกมาจากศาสดา จอร์จ ลูคัส เองนั้น จะเอาไปบอกว่าเป็น non-canon มันคงไม่ได้ แต่ว่าในภาค 1-6 เองเนี่ยก็ดั๊นมีจุดขัดแย้งกันเองอีก เช่น อนาคินรู้จัก C-3PO ดีตั้งแต่เด็ก แต่พอในภาคหลัง (แต่สร้างออกมาก่อน) ดาร์ธเวเดอร์กลับไม่รู้จัก C-3PO เอาเสียเฉย ๆ เป็นต้น ดังนี้แล้วสื่อสำคัญ ๆ ที่ดิสนีย์เลือกใช้ก็ได้แก่สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหลายเช่น นิยาย และ คอมิก เพราะเป็นสื่อที่ใช้งบการสร้างต่ำกว่าการสร้างซีรีส์หรือหนังแน่ ๆ ล่ะ (ก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามอะไรมาบ้างนั้นจะเอามาเหลาในโอกาสต่อไป)

การจัดลำดับเนื้อหาที่น่าปวดหัวสำหรับแฟน ๆ

ที่ฮือฮาในช่วงเวลานี้เลย และต้องขอยกขึ้นมาพูดถึงก่อนคือ หนังปิดไตรภาคล่าสุดของดิสนีย์อย่าง Star Wars: The Rise of Skywalker ที่ทำคะแนนความนิยมต่ำตมที่สุดจากทุกหนังภาคหลักและภาคแยก ด้วยข้อครหาว่าหนังมีปัญหาในการพยายามเอานู่นนี่มาลบ กลบ ปิดสิ่งที่แฟน ๆ ไม่ชอบในหนังภาคก่อนหน้าอย่าง Star Wars : The Last Jedi อันนำพามาซึ่งช่องโหว่มากมายในตัวหนังภาคล่าสุดแบบเกินใจจะอดทน ล่าสุดทาง ลูคัสฟิล์มพับบลิชชิง ก็ได้ออกตีพิมพ์นิยายจากหนังชื่อเดียวกันเพื่อใส่รายละเอียดข้อมูลที่หนังไม่ได้ให้ไว้ และตามที่แฟน ๆ นึกออก ก็เพื่อมาแก้ไขอุดช่องโหว่ในเนื้อหาทั้งหมดนั่นเอง แม้ว่าตัวหนังสือจะมีกำหนดออกวางขายทางการในวันที่ 17 มีนาคมนี้ ทว่าในงาน C2E2 (Chicago Comic and Entertainment Expo) ที่เพิ่งจัดก็ได้มีการนำหนังสือมาขายล่วงหน้าบางส่วนด้วย

ตัวอย่างปกนิยาย

และหนึ่งในปัญหาสำคัญในหนังก็ได้รับการเฉลยจากนิยายดังกล่าวว่า “พัลพาทีน” รอดมาได้ไง?

เกริ่นนิดหนึ่งจักรพรรดิ์หรือซิธลอร์ดอย่าง พัลพาทีน เคยถูกสังหารในตอนจบของหนัง Star Wars: Return of The Jedi และแม้ในฉบับของ Legends ก็เคยมีการฟื้นคืนชีพกลับมาของเขาก่อนแล้ว เช่นในคอมิกชุด Dark Empire ก็เคยเล่าการกลับมาในร่างโคลนของพัลพาทีนก่อนแล้ว ซึ่งไอเดียนี้โดนใจ จอร์จ ลูคัส ถึงขนาดมอบคอมิกชุดนี้เป็นของขวัญแก่พนักงานเลยทีเดียว แต่เนื่องจากมันไม่ใช่เรื่องในโครงเรื่องกระแสหลักเราก็ต้องนับว่าเขาตายสนิทไปตั้งแต่หนังภาค 6 ทว่าในหนังภาคล่าสุดอย่าง The Rise of Skywalker นั้น พัลพาทีนกลับมาปรากฏตัวเป็นบอสใหญ่อย่างที่หนังไม่ได้ใบ้อะไรกันมาก่อนหน้าเลย แฟน ๆ ก็ถกเถียงกันว่าป๋าแกฟื้นมาได้ยังไงล่ะนั่น หนึ่งในคำอธิบายที่แฟนต้องพยายามเข้าใจกันเอาเองมาจากคำพูดในหนังภาค 3 หรือ Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith ที่มีการระบุว่า “ด้านมืดของพลังนั้นมีวิถีการใช้หลากหลายที่ไม่เป็นไปตามกฏธรรมชาติ” อนุมานได้ว่าการกลับคืนชีพก็เป็นหนึ่งในความสามารถด้านมืด (ล่ะมั้ง?)

ฉากการตายของพัลพาทีนในภาค 6 Return of The Jedi

ในตอนนี้ฉบับนิยายได้คลายความสงสัยของคำถามนี้แล้ว โดยฉากที่ ไคโล เรน ได้มาพบกับพัลพาทีนครั้งแรก เขาได้สังเกตเครื่องจักรกลที่ติดกับร่างของพัลพาทีน และได้นึกย้อนกลับไปสมัยที่เขาเคยศึกษาประวัติศาสตร์สงครามโคลน ว่านี่เป็นเครื่องชนิดเดียวกัน เท่ากับว่าจิตของพัลพาทีนได้ย้ายมาอยู่ในร่างโคลนของตัวเองนั่นเอง นอกจากนี้ไคโล เรนยังสังเกตและได้คำตอบจากพัลพาทีนว่า พลังของตัวเขานั้นมีมากเกินกว่าร่างโคลนนี้จะรับไหว ทำให้น่าจะอยู่ในสภาพนี้ได้อีกไม่นานนัก ซึ่งก็อาจเป็นการอธิบายถึงฉากการต่อสู้ช่วงหลังด้วยนั่นล่ะว่าทำไมพวกตัวเอกที่ไม่ได้ฝึกเจไดมาเข้มข้นอย่างระดับตำนานหลายคนถึงยังเอาชนะได้ ซึ่งจุดหลังนี่ก็ยังเป็นจุดต่างกับร่างโคลนในคอมิก Dark Empire ด้วย เพราะโคลนพัลพาทีนในคอมิกนั้นเข้าได้ดีกับพลังมหาศาลของเขา

เครื่องที่น่าจะเป็นอุปกรณ์โคลนติดอยู่กับพัลพาทีนตอนไคโลเรนมาพบ

คอมิกชุด Dark Empire เคยมีโคลนของพัลพาทีนออกมาแล้ว

จุดที่อธิบายเพิ่มว่าแล้วทำไม พัลพาทีน ที่รอดตายมาตลอดตั้งแต่หนังภาค 6 ถึงเพิ่งมาปรากฏตัวเอาตอนท้ายหนังหนังภาค 9 ล่ะ ตรงนี้นิยายก็ชี้ให้เห็นว่า จริง ๆ แล้วพัลพาทีนอยากเฝ้ารอเวลาที่เหมาะสมที่สุดในยามที่จักรวาลปั่นป่วนที่สุด หากแต่ว่าเพราะร่างโคลนของตัวเองกำลังพังเพราะรับพลังของเขาอีกต่อไปไม่ไหว พัลพาทีนจึงจำเป็นต้องออกมาเพื่อทำเจตจำนงของตนให้ลุล่วงเร็วที่สุด และเพื่อหาร่างต้นใหม่แทนด้วยนั่นเอง – อืมมมม ก็ตามนิยายเขาว่าล่ะนะ

แด่พลังเฮือกสุดท้าย

ซึ่งก่อนหน้านี้ทางลูคัสฟิล์มพับบลิชชิงได้นำบางส่วนของนิยายมาโปรโมตออนไลน์ และสร้างข้อฉงนให้แฟน ๆ พอสมควรเพราะตัวอย่างนิยายในฉากที่ ไคโล เรน เดินทางไปหาร่องรอยของพัลพาทีนที่ดาวมุสตาฟาร์ ดาวเดียวกับที่อนาคินถูกโอบิวันกำราบในหนัง Revenge of the Sith นั้น ได้มีรายละเอียดการต่อสู้กับอดีตข้ารับใช้ของดาร์ธเวเดอร์นาม ดวงตาแห่งเวบบิช บ็อก ซึ่งจะต่างจากในฉบับหนังที่ฉายไปแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางลูคัสฟิล์มก็ยืนยันว่านิยายที่จะออกมาถือเป็น โครงเรื่องกระแสหลัก (Canon) อย่างแน่นอน ก็คือเอาง่าย ๆ อะไรมันพลาด ๆ ไปในหนังให้ถือว่าเอาตามนิยายฉบับนี้เป็นหลักนั่นล่ะ

เขาจะว่าไงก็ตามนั้นล่ะนะ 555

อ้างอิง 1

อ้างอิง 2

อ้างอิง 3

อ้างอิง 4

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส