พิษการแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลกระทบไปทั่วทุกวงการ โดยเฉพาะวงการภาพยนตร์ ที่หนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องต้องเลื่อนฉายออกไป เริ่มจาก Vanguard หนังโปรแกรมใหญ่ของเฉินหลง ที่จองคิวฉายในช่วงตรุษจีนของทุกปี หนังไทยก็อีกหลายเรื่อง แต่เรื่องใหญ่สุดที่เป็นข่าวไปทั่วโลกก็เห็นจะเป็น No Time to Die หนังเจมส์ บอนด์ ภาคล่าสุด ที่ขยับจากกำหนดฉายเดิมในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ไปเป็นพฤศจิกายนนู่นเลย นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ผ่านการพิจารณามาอย่างเคร่งเครียดแล้วจริง ๆ เพราะการขยับออกไปหลังจากทุ่มงบโปรโมตไปมหาศาลแล้วนั้น อีกเรื่องหนึ่งที่คอหนังทราบกันดี คือหนังช่วงเวลาปลายปีนั้น โอกาสที่จะทำรายได้นั้นน้อยกว่าในช่วงฤดูซัมเมอร์ ตั้งแต่พฤษภาคม ไปจนถึง สิงหาคม อยู่มาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตัดสินใจนี้ก็เป็นความเห็นร่วมกันของระดับผู้บริหารจากทั้งค่ายยูนิเวอร์แซล, MGM และ 2 ผู้อำนวยการสร้าง ไมเคิล จี.วิลสัน กับ บาร์บารา บร็อกโคลี พวกเขารู้ดีว่ามูลค่าในการเลื่อนฉายนี้ พวกเขาจะต้องสูญเสียรายได้ไปราว ๆ 30 – 50 ล้านเหรียญ แต่นั่นเป็นตัวเลขที่พอยอมรับได้ แต่ถ้ายังดึงดันเอาหนังเข้าฉายในกำหนดเดิม พวกเขาอาจจะต้องเสียรายได้จากหนังรวม ๆ แล้วมากกว่า 30%

สำหรับ No Time to Die ที่เป็นการรับบทเจมส์ บอนด์ ครั้งสุดท้ายของแดเนียล เครก นั้น หนังทุ่มทุนสร้างไปอย่างถล่มทลายถึง 250 ล้านเหรียญ เป็นภาคที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดในแฟรนไชส์นี้แล้ว ซึ่งตัวเลขต้นทุนขนาดนี้นั้นแปลว่ารายได้ที่คาดหวังกลับมาคือจะต้องผ่านหลัก 1,000 ล้านเหรียญ แล้วถ้ายังฝ่า Covid-19 เข้าฉาย แปลว่ารายได้อาจจะหายไปมหาศาลถึง 300 ล้านเหรียญกันเลยเชียว ตัวเลขดังกล่าวหายไปไหน หลัก ๆ เลยคือผู้ชมในประเทศจีน ที่วันนี้เป็นตลาดใหญ่อันดับสอง รองลงมาจากตลาดหลักในสหรัฐฯเอง ปีที่แล้วฮอลลีวูดมีรายได้จากตั๋วหนังในประเทศจีนสูงถึง 9,200 ล้านเหรียญ แล้วในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ประเทศจีนที่เป็นต้นกำเนิดของการแพร่ระบาด Covid-19 นั้น 70,000 โรงภาพยนตร์ในจีนยังปิดทำการกันเงียบกริ๊บ ไม่เพียงแค่จีนแต่อีกหลาย ๆ ประเทศทั้ง อิตาลี, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่โรงภาพยนตร์ต่างก็ปิดทำการ ซึ่งล้วนเป็นตลาดใหญ่ของภาพยนตร์ฮอลลีวูด ก็ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดว่าจะกลับมาเปิดทำการได้อีกเมื่อไหร่ ซึ่งทุกคนก็ได้แต่ภาวนาให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ววัน

แม้ว่าเหตุผลในการเลื่อนฉายนั้น จะเป็นเรื่องของการตลาดล้วน ๆ แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ยังพิจารณาว่าเป็นการดี เพราะถ้าหนังโปรแกรมใหญ่ ๆ ออกฉาย ก็จะเป็นการดึงผู้คนให้มาอยู่ร่วมกันจำนวนมากในโรงหนัง ก็ยิ่งเป็นการเสี่ยงต่อการกระจายเชื้อไวรัส ตอนนี้เป้าหมายหลักของทุกหน่วยงานก็คือหยุดยั้งการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุด

ดร.เจน โอเรียนต์

ดร.เจน โอเรียนต์ ผู้อำนวยการบริหารแห่งสมาคมแพทย์อเมริกัน

ดร.เจน โอเรียนต์ ผู้อำนวยการบริหารแห่งสมาคมแพทย์อเมริกัน เธอให้ความเห็นในกรณีที่ No Time to Die เลื่อนไปฉายในเดือนพฤศจิกายนนี้ว่า

“มันก็ยังเป็นการยาก ที่จะคาดการณ์ว่าไวรัสจะหยุดการแพร่ระบาดได้แล้วในเดือนพฤศจิกายน ก็พูดไม่ได้แน่ชัดว่าการเลื่อนไปฉายในเดือนพฤศจิกายนนั้นจะเป็นไอเดียที่ดี แล้วถ้าเดือนพฤศจิกายนนั้นสถานการณ์แย่กว่านี้อีกก็เป็นไปได้เช่นกัน เพราะว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปีนั้น จะเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่แพร่ระบาดในสหรัฐฯเสียด้วย แล้วการเอา No Time to Die ไปเปิดตัวในช่วงนั้นก็อาจจะเป็นการทวีความแพร่ระบาดของ Covid-19 แบบเดียวกับที่ไข้หวัดใหญ่มักแพร่ระบาดได้ง่ายในช่วงฤดูหนาวของสหรัฐฯ”

“เหตุที่ไข้หวัดใหญ่มักแพร่ระบาดได้ดีในช่วงฤดูหนาวก็เพราะไวรัสชอบอากาศเย็น เติบโตได้ดีในช่วงฤดูหนาว แล้วก็ช่างประจวบเหมาะที่ผู้คนก็มักจะไปแออัดยัดเยียดรวมกันในที่่อากาศอุ่น ๆ พอมีคนเป็นไข้หวัดสักคนหนึ่ง ก็เลยแพร่กระจายในวงกว้างได้ง่าย ผู้คนก็มักจะติดเชื้อไวรัสกันได้มากก็ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี่แหละ”

ดร.แองเจลา ราสมุสเซ็น จากศูนย์ป้องกันการติดเชื้อและภูมิคุ้มกัน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

ดร.แองเจลา ราสมุสเซ็น จากศูนย์ป้องกันการติดเชื้อและภูมิคุ้มกัน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

ก็เลยกลายเป็นความโชคร้ายต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพราะโรงหนังคือสถานที่หลักที่ไวรัสจะแพร่กระจายได้ง่ายสุด ดร.แองเจลา ราสมุสเซ็น จากศูนย์ป้องกันการติดเชื้อและภูมิคุ้มกัน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มาอธิบายเพิ่มเติมในเรื่องนี้
“สถานที่ผู้คนพลุกพล่านอย่างเช่นโรงภาพยนตร์นั้น เป็นที่ที่ผู้คนจะอยู่ใกล้ชิดกันในพื้นที่ปิด ใช้ที่นั่งร่วมกัน แล้วพอดูหนังก็ล้วงพอปคอร์นกินด้วยมือเปล่า เป็นที่ที่เหมาะมากที่จะเป็นแหล่งแพร่กระจายไวรัส”

ตอนนี้สิ่งที่ยูนิเวอร์แซล, เอ็มจีเอ็ม และนายทุนของ No Time to Die จะทำได้ ก็เพียงแต่ภาวนาขอให้สถานการณ์ Covid-19 อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ก่อนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ กับเงินลงทุนมหาศาลที่ทุ่มไปกับหนังภาคนี้ การเลื่อนมาพฤศจิกายน คือกลยุทธ์ที่ดีที่สุดของพวกเขาแล้วในขณะนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกสตูดิโอใหญ่จะคิดเหมือนกับเจ้าของหนัง No Time to Die หันไปมองทางดิสนีย์ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเลื่อนโพรเจกต์ใหญ่ของค่ายอย่าง Black Widow ในวันที่ 1 พฤษภาคม หนี Covid-19 แต่อย่างใด เช่นเดียวกับ Fast9 ของทางยูนิเวอร์แซลเช่นกัน ที่ยังคงยืนยันกำหนดฉายเดิมในวันที่ 22 พฤษภาคม

Black Widow และ Fast 9 ปักหลักกำหนดฉายเดิมในเดือนพฤษภาคม

Black Widow และ Fast 9 ปักหลักกำหนดฉายเดิมในเดือนพฤษภาคม

ผู้บริหารสตูดิโอรายหนึ่ง ผู้ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ได้ให้ความเห็นว่า ขณะนี้หลาย ๆ สตูดิโอ ต่างก็คาดหวังว่าหลังจากรัฐบาลยกเลิกคำสั่งให้โรงภาพยนตร์ปิดทำการแล้ว ผู้คนจะออกมาดูหนังในโรงภาพยนตร์ ตอนนี้สตูดิโอต่างก็ให้ความสำคัญไปที่ความปลอดภัยของพนักงานว่าไม่มีใครติดเชื้อ Covid-19 จากนั้นก็เพ่งความสำคัญไปที่หนังแต่ละเรื่องที่ออกฉายในช่วงนี้ว่าจะทำเงินได้มากแค่ไหน ความสามารถในการประชาสัมพันธ์ของหนังแต่ละเรื่อง แล้วจากนั้นก็อยู่ที่การตัดสินใจของคนดูแล้วล่ะว่าจะออกมาดูหนังของพวกเขากันหรือไม่

ดร.เจน โอเรียนต์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีผู้คนมากมายที่เข้าใจผิดว่า “ความร้อนในช่วงฤดูร้อน” ที่จะถึงนี้ จะช่วยฆ่าไวรัสได้ แล้วสถานการณ์ในเดือนพฤศจิกายนก็จะดีขึ้นเอง
“มองไปที่สิงคโปร์นะคะ ตอนนี้ประเทศเขาเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่ก็ประสบปัญหาการแพร่กระจายของ Covid-19 กันอยู่เลย อย่าเข้าใจผิดว่า ความร้อนของสภาพอากาศจะฆ่าไวรัสได้หมด มันก็ใช่ที่ว่ารังสีอุลตร้าไวโอเล็ตฆ่าไวรัสได้ แต่นั่นต้องหมายถึงผู้คนจะต้องออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้งมากกว่าอยู่ในร่มนะ ถ้าแบบนั้นเราถึงจะตัดวงจรการแพร่ระบาดได้อย่างเด็ดขาด แล้วก็อย่าเข้าใจผิดว่า การที่สภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงแล้วโลกร้อนขึ้นนั้นจะช่วยฆ่าไวรัสได้ด้วย นั่นก็ไม่ใช่เช่นกัน”

มีคำถามถึงดอกเตอร์ทั้ง 2 ท่านว่า มีคำแนะนำต่อผู้ประกอบกิจการโรงภาพยนตร์อย่างไร ที่จะทำให้ผู้ชมมีความเชื่อมั่นว่าโรงภาพยนตร์จะเป็นสถานที่ปลอดภัยต่อการแพร่ระบาดของไวรัสในช่วงนี้

ดร.เจน โอเรียนต์ ได้ให้คำแนะนำว่า โรงภาพยนตร์ควรจะให้บริการ เจลฆ่าเชื้อบนมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ให้เจ้าหน้าที่โรงภาพยนตร์ใช้ไฟส่องรังสี UV ฆ่าเชื้อไวรัสทั่วบริเวณโรงภาพยนตร์ ควรมีหน้ากากอนามัยจำหน่ายด้วย และควรจะเป็นหน้ากากรุ่น N95 เพราะว่าหน้ากากอนามัยทั่วไปนั้นไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ผลนัก เพราะอนุภาคเล็ก ๆ ก็ยังสามารถทะลุผ่านหน้ากากเข้าไปได้อยู่ดี หรือไม่ก็เข้าทางลูกตาได้เช่นกัน

อุปกรณ์ฉายรังสี UV ฆ่าเชื้อที่ 2 แพทย์แนะนำ

อุปกรณ์ฉายรังสี UV ฆ่าเชื้อที่ 2 แพทย์แนะนำ

ดร.แองเจลา ราสมุสเซ็น นั้นมีความเห็นว่าการฉายแสงรังสีUV จะมีประสิทธิภาพได้ดีนั้นยังต้องขึ้นอยู่กับระยะห่างของต้นกำเนิดแสงต่อวัตถุที่แสงตกกระทบอีกด้วย เธออยากแนะนำว่าถ้าฉายแสงอาบไปทั้งโรงภาพยนตร์ได้เลยยิ่งดี พอหนังจบรอบนึงแล้วอาบแสง UV ได้สักทีนึงจะยิ่งดีมาก แต่เธอก็คิดว่าเป็นไปได้ยากอยู่ ดร.แองเจลา มีความเห็นสนับสนุนเรื่องการให้บริการเจลฆ่าเชื้อบนมือ ควรมีบริการให้ทั่วถึง ในห้องน้ำโรงหนังก็ควรมีสบู่ล้างมือด้วย แล้วเธอยังแนะนำให้เน้นใช้กระดาษเช็ดมือแทนการใช้เครื่องเป่าลมร้อน หรือผ้าเช็ดมือแบบเป็นลูกกลิ้งหมุนวน

ดร.เจน โอเรียนต์ ทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าโรงหนังสามารถทำได้ตามอย่างที่เธอแนะนำมา ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นแหล่งแพร่กระจายไวรัสได้ ถ้าทำให้ผู้ชมมีความมั่นใจว่าโรงหนังปลอดภัย ผู้ชมก็จะมีทัศนคติที่ดีต่อการออกไปดูหนังในโรง

 

อ้างอิง