เว็บไซต์ข่าวบันเทิงต่างประเทศ Variety ได้รายงานว่า The Invisible Man ซึ่งเป็นผลงานสร้างล่าสุดของ Blumhouse Productions และ Universal ทำรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 100 ล้านเหรียญแล้ว หลังจากฉายเพียง 2 สัปดาห์ โดยสามารถทำรายได้ในสหรัฐอเมริกาไป 54 ล้านเหรียญ และรายได้ในต่างประเทศอีก 48.2 ล้านเหรียญ
ภายหลังจากที่ The Mummy (2017) ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ Universal หวังจะให้เป็นจุดกำเนิดของแฟรนไชส์ Dark Universe ที่นำเอามอสเตอร์สุดคลาสสิกของ Universal มาปัดฝุ่นใหม่นั้น ประสบความล้มเหลวด้านคำวิจารณ์และรายได้ โดยทำรายได้เปิดตัวไปเพียง 31.6 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 125 ล้านเหรียญ
แต่ The Invisible Man ที่เปิดโอกาสให้ Universal กลับมาให้ความสนใจสานต่อแฟรนไชส์ Dark Universe อีกครั้ง สามารถทำรายไดเปิดตัวใกล้เคียงกับ The Mummy คือ 28.2 ล้านเหรียญ แต่ใช้ทุนสร้างไปเพียง 7 ล้านเหรียญ และยังเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดนับตั้งแต่ IT Chapter Two เมื่อปี 2019 อีกด้วย
เดิมที The Invisible Man เป็นนิยายวิทยาศาสตร์สุดคลาสสิกของ H.G. Wells ที่เคยบอกเรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์นามว่า Griffin ที่ค้นพบวิธีทำให้ตัวเองนั้นล่องหน แต่ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ และเริ่มที่จะเสียสติไปทีละน้อย แต่สำหรับภาพยนตร์ The Invisible Man เวอร์ชันใหม่ของผู้กำกับ Leigh Whannell (ลีห์ แวนเนลล์) นั้น ได้เน้นไปที่การบอกเล่าเรื่องราวของเหยี่อที่ถูกมนุษย์ล่องหนทำร้าย โดยเน้นโทนสยองขวัญ แต่ยังคงกลิ่นอายของแนวจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์อยู่ด้วย
แน่นอนว่า The Invisible Man เป็นผลงานที่พิสูจน์ความสามารถของ Leigh Whannell ได้เป็นอย่างดี และเราอาจได้เห็นผลงานใหม่ของเขาตามมาอีกหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือโพรเจกต์รีบูต Escape from New York ที่เป็นผลงานแอ็กชันคลาสสิกในตำนานของผู้กำกับ John Carpenter (จอห์น คาร์เพนเตอร์)
ข้อมูลอ้างอิง : screenrant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส