เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์มาแรงแบบฉุดไม่อยู่อีกเรื่องของ Netflix สำหรับ Itaewon Class ที่นอกจากเนื้อหาที่เข้มข้นแล้ว ยังเต็มไปข้อคิดดี ๆ ในการสอนให้คนรุ่นใหม่ได้ทำธุรกิจกันแบบเนียน ๆ สร้างแรงบันดาลใจจนดูซีรีส์จบอยากเริ่มกิจการอะไรสักอย่างเลยทีเดียว WHAT THE FACT เลยขอนำเสนอ 5 ข้อคิดดี ๆ จากซีรีส์สุดฮิตเรื่องนี้เพื่อการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จครับ
เตือนไว้ก่อน ! ว่าเนื้อหาต่อไปนี้จะเปิดเผยความลับสำคัญของซีรีส์นะครับ ใครยังไม่ได้ดูไปสนุกกับ Itaewon Class บน Netflix ก่อนนะ
ยึดมั่นในเป้าหมาย
หากใครได้ดูซีรีส์ Itaewon Class จนจบทั้ง 16 ตอนแล้วจะพบว่าเป้าหมายสำคัญของ พัคแซรอย (แสดงโดย พักซอจุน) ที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ 2 ข้อได้แก่ การเปิดร้านอาหารกินดื่มดี ๆ สักร้าน และการเติบโตในธุรกิจอาหาร เอาล่ะ แม้ว่าซีรีส์จะมีเพิ่มดรามาเรื่องความแค้นของ พัคแซรอย ที่ต้องการโค่นบริษัท ชางกา ของ ชางแตฮี (แสดงโดย ยูแจมยอง) และ ชางกึนวอน (รับบทโดย อันโบฮยอน) คู่แค้นในชีวิตด้วยก็ตาม และจากความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเจอนานาอุุปสรรคทั้งการเล่นไม่ซื่อของชางกาที่สร้างบริษัทปลอมมาหลอกซื้อแฟรนไชส์ เมื่อเป้าหมายของเขาใหญ่ขึ้น หรือการถูกยึดตึกที่เคยตั้งร้านอาหารในย่านอีแทวอนช่วงที่ร้านติดตลาดจนต้องย้ายไปแถบซอยอันร้างไร้ผู้คนก็ตาม
ความเชื่อในแบรนด์ของตัวเอง
ตรงนี้เป็นจุดเล็ก ๆ จากบทสนทนาระหว่าง พัคแซรอย กับ โจอีซอ (คิมดามี) เน็ตไอดอลโคตรมั่นที่มาวิจารณ์ชื่อร้านของเขาว่าชื่อ ทันบัม หรือ คืนอันแสนหวาน ดูเป็นชื่อร้านเห่ย ๆ ไม่น่าติดตลาดแต่อย่างใด แต่ด้วยความเชื่อมั่นในแบรนด์และการให้เหตุผลถึงชื่อร้านว่าอยากทำให้ค่ำคืนของลูกค้าเต็มไปด้วยความหวานชื่นหลังเหน็ดเหนื่อยจากการงานและมรสุมชีวิตที่มารุมเร้า ซึ่งหากมองให้ดี ใช่ว่า พัคแซรอยจะยึดมั่นถือมั่นแบบไม่มีเหตุผลตรงกันข้ามหากเรามั่นใจในชื่อแบรนด์หรือธุรกิจตัวเองจริง ๆ เราย่อมมีเหตุและผลที่ดีพอเมื่อต้องอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ
การรับฟังคำวิจารณ์ และเอามาปรับปรุง
ซึ่งตั้งแต่ที่ร้านได้ต้อนรับ โจอีซอ และ ชางกึนซู (รับบทโดย คิมดงฮี) จนถูกปิดไปเพราะข้อหาเปิดให้ผู้เยาว์เข้ามามั่วสุมในร้าน พัคแซรอย ก็ยังใจกว้างเมื่อต้องถูก โจอีซอ วิพากษ์วิจารณ์การตกแต่งร้าน หรือ เมนูที่สับสน และ การให้บริการ ที่แม้ลูกน้องจะไม่พอใจแต่ตัวเถ้าแก่ที่อยากประสบความสำเร็จอย่าง พัคแซรอย กลับรับฟังและถึงขั้นยอมให้ โจอีซอ มารับตำแหน่งผู้จัดการร้านทั้งที่แทบไม่มีประสบการณ์ทำร้านอาหารมาก่อนเลย ซึ่งผลจากความเชื่อใจดังกล่าวก็ส่งผลให้ร้านทันบัมปรับปรุงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น การจัดวางโต๊ะที่มีการเว้นทางเดิน การจัดไฟไม่ให้สว่างจนเกินไป การจัดร้านให้ทันสมัยเพิ่มลูกเล่นด้วยโพรเจกเตอร์ หรือกระทั่งเมนูที่มีเมนูเด่นประจำร้านให้ลูกค้าได้ตัดสินใจง่ายขึ้น ไปจนถึงการประชาสัมพันธ์ที่เปลี่ยนจากการเดินแจกใบปลิวมาทำการตลาดออนไลน์จนประสบความสำเร็จอีกด้วย
ความเชื่อมั่นในทีม
แม้ธุรกิจจะเป็นเรื่องของกำไรและเงินทอง แต่แท้จริงแล้วความสำเร็จส่วนหนึ่งย่อมมาจากทีมที่ดี หากยังจำกันได้อุปสรรคแรกที่ทีมงานร้านทันบัมต้องเผชิญคืออาหารที่รสชาติยังไม่ถูกปาก ในต่อมรับรสของผู้จัดการร้านอย่าง โจอีซอ และเธอถึงขั้นเสนอให้ไล่ มาฮยอนอี (รับบทโดย อีจูยอง) แม่ครัวสาวข้ามเพศออกจากร้าน แต่สิ่งที่พัคแซรอยทำกลับยื่นเงินให้ 2 เท่าและขอให้เธอตั้งใจทำอาหารให้อร่อยขึ้น ซึ่งหากมองเผิน ๆ มันดูเป็นการกระทำที่บ้าบิ่นมากแต่การซื้อใจคนของพัคแซรอยนอกจากจะมัดใจคนแล้ว มันยังก่อให้เกิดความภักดีต่อองค์กรอีกด้วย หรือกระทั่งตอนที่ มาฮยอนอี ถูกลูกเล่นสกปรกของชางกาปล่อยข่าวเรื่องเพศสภาพของเธอในขณะแข่งขันทำอาหารในรายการทีวี พัคแซรอย ก็ยังให้เธอเลือกว่าจะหนีออกจากรายการไม่ต้องแข่งขันหรือรักในความเป็นตัวเองเหมือนที่เขารู้สึกและเชื่อมั่นในทีมงานของเขาซึ่งผลลัพธ์ก็ย่อมไม่เกินคาดเดาอยู่แล้ว
ยื่นมือช่วยเหลือสร้างความสัมพันธ์กับธุรกิจในชุมชน
ในตอนหนึ่งเมื่อร้าน ทัมบัม จำต้องย้ายไปทำเลร้างผู้คน สิ่งหนึ่งที่พัคแซรอยทำแล้วเหมือนทีมงานจะไม่เห็นด้วยในตอนแรกก็คือการไปช่วยร้านต่าง ๆ เปลี่ยนหลอดไฟ ติดป้ายร้าน แทนที่จะเอาสรรพกำลังไปลงที่ร้านตัวเองที่แทบไม่มีลูกค้า โดยเหตุผลที่แชรอยทำไปก็ด้วยว่าหากธุรกิจในย่านเดียวกันรอดมันย่อมส่งผลต่อมายังธุรกิจของร้าน ทันบัม ด้วย ซึ่งเทียบกันแล้วก็ไม่ต่างจากการทำ CSR (Corporate Social Responsibility) ที่บริษัทใหญ่ ๆ ทำกันนั่นแหละ แต่กุญแจสู่ความสำเร็จก็อยู่ที่ความจริงใจของพักแชรอยนั่นแหละ ทั้งความมีน้ำใจและคุณภาพของอาหารและบริการที่มัดใจผู้คน จนสุดท้ายผลสำเร็จก็ส่งมาสู่แฟรนไชส์อาหารในฝันของเขานั่นเอง