The King: Eternal Monarch เป็นซีรีส์ฮิตทางช่อง SBS เรื่องล่าสุดของเกาหลี ซึ่งชาวไทยและอีกหลายประเทศก็ได้รับชมพร้อมกันทางเน็ตฟลิกซ์ด้วย โดยสาเหตุหนึ่งที่ฮิตมากเพราะเป็นการกลับมาแสดงซีรีส์ครั้งแรกหลังปลดประจำการของพระเอกอย่าง ลีมินโฮ นั่นเอง ถ้าว่าแค่เรื่องความดังในเกาหลีต้องบอกว่าตัวซีรีส์ 2 ตอนแรกที่ออกอากาศไปเมื่อศุกร์-เสาร์ที่ผ่านมาสามารถทำลายสถิติซีรีส์ใหม่ที่มีเรตติ้งสูงสุดของช่องในช่วงเวลาดังกล่าวไปได้ที่ 11.6 ทิ้งห่างจากเจ้าของสถิติเก่าอย่างซีรีส์ดังเช่น Vagabond ของลีซึงกิและแบซูจี (10.4) และ Hyena (10.3) ตามลำดับ ทว่าหลังจากออกฉายได้ไม่นานก็เริ่มมีดราม่าที่ประเด็นค่อนข้างซีเรียส จนวันนี้ผู้อำนวยการผลิตของซีรีส์ต้องออกมาขอโทษแล้ว
ต้องเกริ่นสั้น ๆ ว่าเนื้อหาของซีรีส์นี้เกี่ยวกับโลกคู่ขนานในเกาหลี โดยโลกหนึ่งเป็นสาธารณรัฐเกาหลีแบบที่เรารู้จักกันมีประธานาธิบดีมีนายกรัฐมนตรี และเป็นโลกที่นางเอกในเรื่องอาศัยอยู่ ในขณะที่อีกโลกหนึ่งนั้นเป็นอาณาจักรเกาหลีซึ่งยังคงปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ มีพระเอกของเรื่องหรือ พระเจ้าลีกน เป็นผู้นำ และมีนายกรัฐมนตรีสาวช่วยในการบริหารงาน ซึ่งปัญหาดราม่าก็เริ่มมาจากการออกแบบงานศิลป์ของโลกคู่ขนานที่พระเอกอยู่นี้นี่เอง
ในฉากไตเติ้ลเปิดเรื่องของซีรีส์จะมีกราฟิกที่เห็นเป็นโลกคู่ขนานอยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งในฝั่งอาณาจักรเกาหลีนั้นจะเห็นพระราชวังที่ดันไปคล้าย วัดโทไดจิ ของญี่ปุ่นเข้าเสียอย่างนั้น แถมหมู่อาคารด้านหลังยังมีส่วนหนึ่งที่ไปคล้ายเจดีย์ 5 ชั้นของ วัดโคฟุคุจิ เสียด้วย
วัดโทไดจิ
เจดีย์ 5 ชั้น วัดโคฟุคุจิ
ซึ่งถ้าเป็นสถาปัตยกรรมของประเทศอื่นคงไม่ดราม่ามากนัก แต่สำหรับเกาหลีกับญี่ปุ่นนั้น เรียกว่ามีดราม่าข้ามชาติกันอยู่บ่อยครั้งอยู่แล้ว คงกระทบจิตใจของผู้ชมเกาหลีไม่มากก็น้อยว่าโลกที่พระเอกอยู่เหมือนอยู่ใต้ศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าเกาหลีกับญี่ปุ่นเพิ่งมีประเด็นหนักถึงขั้นยึดทรัพย์ ฟ้องร้อง จนกระทั่งสั่งแบนอีกประเทศกันไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง จากกรณีที่ศาลฎีกาของเกาหลีใต้ตัดสินให้บริษัท Nippon Steel & Sumitomo Metal สัญชาติญี่ปุ่นที่ตั้งในเกาหลีใต้ ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทย์ที่เป็นคนเกาหลีในข้อหาที่ทางฝ่ายจำเลยได้นำฝ่ายโจทก์ชาวเกาหลีไปใช้แรงงานในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทางญี่ปุ่นก็ยืนกรานตามสนธิสัญญาพื้นฐานว่าด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลี ในปี 1965 ที่ญี่ปุ่นให้เงินแก่รัฐบาลเกาหลีหลายร้อยล้านเหรียญเพื่อยุติความบาดหมางในอดีต แลกกับการที่เกาหลีจะไม่เรียกร้องฟ้องร้องเรื่องในอดีตอีก เมื่อศาลเกาหลีใต้สั่งยึดทรัพย์บริษัทญี่ปุ่นจึงปลุกกระแสดราม่ากันไปมาจนกระทั่งนำมาสู่การสั่งแบนกันเองเลยด้วย
พอมีคนจุดประเด็นเรื่องกราฟิกวังขึ้นมาแล้ว ก็เริ่มมีคนไปจับผิดเพิ่มอีกว่า ตัวตราแผ่นดินสัญลักษณ์พระราชวงศ์ของพระเอกนั้น ก็ไปคล้ายพระราชลัญจกรดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์พระราชวงศ์ของญี่ปุ่นเข้าอีกด้วย มาถึงจุดนี้น่าจะเดาได้ไม่ยากว่าชาวเน็ตเกาหลีตั้งข้อสงสัยว่าทีมอาร์ตของซีรีส์น่าจะเอาญี่ปุ่น (และ/หรืออารยธรรมแบบกษัตริย์ของหลาย ๆ ชาติ) มาเป็นคู่มืออ้างอิงในการสร้างอาณาจักรเกาหลี แต่ว่าทำไมต้องญี่ปุ่นด้วย!!
พระราชลัญจกรดอกเบญจมาศ
เพราะเป็นประเด็นดราม่าที่ค่อนข้างจริงจัง ก่อนที่จะลุกลามจนเป็นผลลบกับตัวซีรีส์ที่เพิ่งออกมาได้เพียง 2 ตอน ทางผู้ผลิตจึงต้องรีบออกแถลงการณ์มาชี้แจงทันที โดยเนื้อความออกไปทางแก้ต่างข้อกล่าวหาต่าง ๆ เช่นว่า ตราแผ่นดินนั้น ออกแบบโดยนำมาจากแนวคิดการรวมชาติ ผ่านสัญลักษณ์กลีบดอกท้อซ้อนรายล้อมด้วยดอกไม้อื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับตราแผ่นดินของญี่ปุ่น
ส่วนตัวเจดีย์ในไตเติ้ลนั้นก็อ้างอิงมาจาก เจดีย์ไม้ 5 ชั้นในยุคแพ็กเจ มาเป็นพื้นฐานด้วย ไม่ใช่เจดีย์ของญี่ปุ่นแน่ ๆ เช่นเดียวกับกรณีตัวพระราชวังที่เป็นการผสมผสานสไตล์ของสถาปัตยกรรมวัดพุทธของเกาหลีและพระราชวังของจีน แต่ทั้งนี้ก็ยอมรับว่ามีการนำศิลปะแบบญี่ปุ่นเข้ามาด้วย และทางทีมงานยอมรับในความผิดพลาดที่ปล่อยรายละเอียดเล็ก ๆ นี้หลุดรอดออกมาด้วย
โดยทางทีมผู้ผลิตจะทำการแก้ไขใหม่ให้เร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะแก้ทันก่อนตอนที่ 3 ออกอากาศ นอกจากนี้จะยังแก้ไขใน 2 ตอนแรกที่ได้ออกอากาศไปแล้วด้วย เพื่อที่ผู้ชมซึ่งชมผ่านทางการฉายรีรันและบริการสตรีมมิงจะไม่เห็นความผิดพลาดดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สำหรับเรื่องนี้ก็น่าจะจบลงตรงนี้ (ล่ะมั้ง) ในสายตาคนนอกก็เข้าใจได้ว่าวัฒนธรรมหลายอย่างในกลุ่มเอเชียตะวันออกมันก็มาจากรากอารยธรรมเดียวกันคือจีน การจะออกมาคล้ายกันมันก็คงไม่ได้ผิดมากขนาดนั้น แต่ส่วนหนึ่งก็รู้สึกเช่นกันว่าจริง ๆ แล้วทีมงานก็คงเอาญี่ปุ่นมาอ้างอิงในการออกแบบจริง ๆ นั่นล่ะ แต่การตัดไฟแต่ต้นลมไม่ทิ้งเชื้อสานต่อดราม่าน่าจะดีกับตัวซีรีส์นี้มากที่สุดแล้ว เพราะขั้นร้ายสุดของดราม่าประเด็นแบบนี้อาจเลยเถิดถึงขั้นผู้ชมแบนซีรีส์หรือต้องยุติออกอากาศไปเลยก็ได้
อ้างอิง
https://workpointnews.com/2019/08/05/korea-japan/
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส