จากเหตุวิกฤติโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ หลายภาคส่วน รวมถึงอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ทำให้การดำเนินการถ่ายทำภาพยนตร์ทั่วโลกต้องหยุดชะงักลง ภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่มีกำหนดเข้าฉายแต่ละสัปดาห์ก็ต้องถูกเลื่อนออกไปอีกหลายเดือน และภาพยนตร์บางเรื่องจะถูกนำมาให้เช่าหรือจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัลแทน เนื่องจากทางรัฐบาลได้รณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้านกักตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว

จากสิ่งที่กล่าวข้างต้นได้ส่งผลกระทบต่อสตูดิโอภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวูดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Disney, Warner Bros., Sony, Universal และ Paramount ยกเว้น Netflix ที่ยังคงดำเนินการปล่อยเนื้อหาใหม่ ๆ ผ่านบริการสตรีมมิงออไลน์ของตนอย่างต่อเนื่อง โดยทางบริษัทได้แสดงความมั่นใจว่า มีเนื้อหามากพอที่จะชมได้ตลอดปี 2020 โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนกำหนดการสร้างหรือกำหนดการปล่อยเนื้อหาใหม่แต่อย่างใด

Netflix

Ted Sarandos (เท็ด ซารานดอส) ผู้ดำรงตำแหน่งซีซีโอ (Chief Content Officer) ของ Netflix ได้กล่าวกับนักวิเคราะห์ในระหว่างการประชุมผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2020 ว่า

“ภาพยนตร์และซีรีส์ของเราในปี 2020 นี้ มีจำหนวนมหาศาลมาก และอยูในขั้นตอนโพสต์โปรดักชันในหลายประเทศทั่วโลก และเราก็ได้ดำเนินการสำหรับเนื้อหาในปี 2021 แล้วด้วย

ทั้งนี้ ทางเราจะไม่เลื่อนกำหนดการปล่อยเนื้อหามากนัก ที่แน่ ๆ คือจะไม่เลื่อนสำหรับปี 2020 นี้อย่างแน่นอน”

สิ่งที่ทำให้ Netflix มีเนื้อหาจำนวนมหาศาลเช่นนี้ เนื่องจาก Netflix ได้ดำเนินการถ่ายล่วงหน้าไปมากแล้ว โดยในตอนนี้มีโพรเจกต์ต่าง ๆ มากกว่า 200 เรื่อง ที่ได้ดำเนินการสร้างไปไกลมากแล้ว ซึ่งทาง Netflix ได้วางแผนล่วงหน้าไปอีก 12 เดือนเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นซีรีส์ที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากอย่าง The Crown ที่กำลังจะดำเนินการสร้างซีซัน 4 เสร็จสิ้นแล้ว

Ted Sarandos

Ted Sarandos (เท็ด ซารานดอส) ผู้ดำรงตำแหน่งซีซีโอ (Chief Content Officer) ของ Netflix

Steve Nason (สตีฟ แนสัน) ผู้ดำรงตำแหนี่ง Research Director ของ Parks Associates ที่ให้บริการวิจัยตลาดและกลยุทธ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อหาด้านความบันเทิง ได้กล่าวกับเว็บไซต์ The Verge ว่า

“ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังหากลยุทธิ์ด้านการตลาดสำหรับเนื้อหาต้นฉบับในอีก 9 – 12 เดือนข้างหน้านี้ Netflix เป็นผู้ให้บริการสตรีมมิงเพียงรายเดียวที่สามารถปล่อยเนื้อหาใหม่ได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอที่สุดในตอนนี้ เหนือคู่แข่งรายอื่นอย่าง Disney Plus, Peacok ของ NBCUniversal และ HBO Max ของ WarnerMedia”

Netflix ยังมีข้อได้เปรียบจากคู่แข่งรายอื่นในด้านเนื้อหาระดับคุณภาพทั้งรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ และไม่ต้องกังวลที่โรงภาพยนตร์ได้ถูกระงับการให้บริการเพราะมิได้ฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ อีกทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคภายหลังจากผ่านพื้นวิกฤติ COVID-19 อาจยังไม่กลับไปชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์กันอย่างหนาแน่นเช่นเดิม แม้ว่าจะโรงภาพยนตร์จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2020 นี้ ก็ตาม

Netflix The Witcher

The Witcher หนึ่งในซีรีส์ต้นฉบับของ Netflix ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และกำลังเตรียมงานสร้างซีซัน 2 ในขณะนี้

สำหรับ Reed Hastings (รีด ฮาสติงส์) ผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Netflix ก็ได้กล่าวกับนักลงทุนในการประชุมผลประกอบการดังกล่าวว่า

” อินเทอร์เน็ตกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มันเป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิตของเรา ผมขอบคุณในเรื่องนี้มากจริง ๆ”

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาให้บริการแบบดิจิทัลผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตเช่นนี้ ได้สอดคล้องกับการให้บริการของ Netflix อย่างมาก ซึ่งทำให้ Netflix สามารถเข้าถึงความต้องการของผู้ใช้ใหม่ได้มากขึ้น

อีกทั้งสตูดิโออื่น ๆ ก็หันมาให้เปิดตัวเนื้อหาในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Artemis Fowl ที่จะทาง Disney Plus และแอนิเมชัน SCOOB! ที่จะให้เช่าแบบดิจิทัลแล้วจึงจะให้บริการใน HBO Max เป็นต้น

Reed Hastings

Reed Hastings (รีด ฮาสติงส์) ผู้ดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Netflix

จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ยังไม่นับรวมเนื้อหาที่ Netflix จะซื้อสิทธิ์ในการฉายอีก โดย Netflix สามารถช่วยลดภาระสตูดิโอต่าง ๆ โดยการฉายเนื้อหาใหม ๆ ให้แก่ผู้ใช้ได้ชมอย่างทันท่วงที ในขณะที่ผู้สร้างก็สามารถขายเนื้อหาของตนเพื่อสร้างผลกำไรได้ ยกตัวอย่างเช่น Netflix ได้ซื้อภาพยนตร์ The Lovebirds จาก Paramount และ Legendary Pictures เป็นต้น

Reuters ได้รายงานว่า Netflix ได้เพิ่มงบในการพัฒนาเนื้อหาอีก 1,000 ล้านเหรียญ และเพิ่มงบที่ใช้ในการซื่้อสิทธิ์การฉายเนื้อหาด้วย

Netflix

อย่างไรก็ดี ยังคงเป็นการยากที่จะกล่าวถึงอนาคตของ Netflix โดยทางบริษัทได้ส่งจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่า ไม่มีใครรู้ว่าเราจะมีความมั่นคง จนกว่าเราจะสามารถกลับมาเปิดการผลิตในหลาย ๆ ประเทศได้อีกครั้ง โดยในขณะนี้ Netflix ได้ดำเนินการสร้างเนื้อหาใน 2 ประเทศเท่านั้น คือ เกาหลีใต้ และไอซ์แลนด์

แต่สิ่งที่ค่อนข้างชัดเจนสำหรับ Netflix ในตอนนี้ คือ Netflix สามารถก้าวล้ำคู่แข่งไปมาก และช่วยให้คู่แข่งหลายรายสามารถจำหน่ายผลงานได้พร้อม ๆ กัน ก็ทำให้ Netflix ซึ่งมีผู้สมัครรับบริการมากถึง 180 ล้านคนทั่วโลก กลายเป็นแหล่งให้ผู้คนได้ค้นหาเนื้อหาใหม่ ๆ ได้อย่างมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ Ted Sarandos และ Reed Hastings พยายามสร้างและคงมันไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ข้อมูลอ้างอิง : theverge

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส