ฟลอเรียน ชไนเดอร์ (Florian Schneider) หนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งวงดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์สุดล้ำจากเยอรมันนาม Kraftwerk (ครัฟท์แวร์ค) [แปลว่า โรงไฟฟ้า ในภาษาเยอรมัน] ผู้เปลี่ยนสุ้มเสียงแห่งวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์-พอปไปตลอดกาล ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวัย 73 ปี

ข่าวดังกล่าวได้รับการยืนยันจากรัลฟ์ ฮึทเทอร์ (Ralf Hütter) ผู้ร่วมงานของชไนเดอร์มาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น ซึ่งกล่าวว่าชไนเดอร์เสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ก่อนหลังผ่านวันเกิดปีที่ 73 ได้ไม่กี่วัน และมีพิธีฝังศพเป็นการส่วนตัว

ฟลอเรียน ชไนเดอร์ ผู้ก่อตั้งวง Kraftwerk

ชไนเดอร์ เกิดเมื่อปี 1947 เป็นบุตรชายของพอล ชไนเดอร์ – เอสเบเลน สถาปนิกผู้โด่งดังที่ออกแบบสนามบินของเมืองโคโลญจน์ ชไนเดอร์เริ่มเล่นดนตรีเป็นครั้งแรกตอนเรียนที่ ดึสเซลดอร์ฟ (Düsseldorf) โดยเริ่มต้นในวงดนตรีที่ชื่อ Pissoff  จากนั้นจึงมีบทบาทในวงการดนตรีร็อกแนวทดลองของเยอรมันที่ถูกขนานนามว่า “krautrock” จากนั้นชไนเดอร์ได้ตั้งวง Organization ร่วมกับ รัลฟ์ ฮึทเทอร์ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นวง Kraftwerkในปี 1970

ชไนเดอร์เริ่มต้นจากการเล่นฟลูต ไวโอลิน และ กีต้าร์ โดยมักผสมเอฟเฟกจากซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ลงไปด้วย ต่อมาความสนใจในดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ของชไนเดอร์ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เขาพบว่าฟลูตนั้นมีข้อจำกัดเกินไป เลยตัดสินใจไปซื้อไมโครโฟน ลำโพง ตัวทำเสียงเอคโค่ ซินธิไซเซอร์ และเริ่มเข้าสู่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แบบเต็มตัว

หลังจากสามอัลบั้มที่ทำร่วมกับ ฮึทเทอร์ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 Kraftwerk ได้ปล่อยอัลบั้ม Autobahn อันเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาและได้ขยับขยายกลายเป็นวงสี่ชิ้น อัลบั้มนี้มีเสียงซินธิไซเซอร์เป็นตัวเอกและได้สร้างสุ้มเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของ Kraftwerk ทำให้มันได้รับความนิยมและไต่ขึ้นถึง Top 5 ของชาร์ตเพลงในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา

สมาชิกวง Kraftwerk ยุคบุกเบิกทั้ง 4 จากซ้ายไปขวา Karl Bartos, Wolfgang Flür, Ralph Hütter และ Florian Schneider

Kraftwerk

การเติมเสียงสังเคราะห์ และ ดรัมแมชชีนที่ซับซ้อนและลุ่มลึก ผสานด้วยด้วยเสียงร้องอันโดดเด่นของฮึทเทอร์ ทำให้ Kraftwerk ได้สร้างผลงานอันทรงคุณค่าต่อมาอีกหลายอัลบั้มที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และพอปโดยเฉพาะอย่างยิ่งสี่อัลบั้มนี้ คือ Radio-Activity (1975) Trans-Europe Express (1977), The Man-Machine (1978) และ Computer World (1981)  ซึ่ง Kraftwerk อธิบายว่าดนตรีของพวกเขาคือ “industrielle volksmusik” ซึ่ง เดวิด โบวี ถอดความให้ว่ามันคือ “ดนตรีโฟล์กจากโรงงาน” นั่นเอง

Kraftwerk ได้กลายเป็นรากฐานของดนตรี ซินธ์พอป ที่เติบโตและครองวงการในยุค 80s บทเพลงของพวกเขาได้ถูกนำไปคารวะด้วยการนำเอาท่วงทำนองไปใช้ในบทเพลงของศิลปินมากมายอาทิเพลง Trans-Europe Express ที่ถูกนำไปใช้โดย Afrika Bambaataa & the Sonic Sonic Force ในบทเพลงฮิปฮอปสุดฮิต ‘Planet Rock’ ในขณะที่อัลบั้ม Computer World มีอิทธิพลอย่างมากวงการเพลง เฮ้าส์ และ เทคโน ที่เติบโตขึ้นในชิคาโกและดีทรอยต์ในทศวรรษที่ 80s

ผลงานของพวกเขาได้ชักพาให้ได้ไปรู้จักกับ เดวิด โบวี และ อิกกี พอป ซึ่ง พอปเคยเล่าว่าเขาและชไนเดอร์เคยไปตามล่าหาซื้อหน่อไม้ฝรั่งด้วยกัน และเพลง V-2 Schneider ของ โบวี ก็เป็นบทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องชไนเดอร์ นอกจากนี้อัลบั้ม “Low” (1977) ของ เดวิด โบวี ยังได้รับอิทธิพลจากแนวดนตรี Kraftrock ของเยอรมัน อันผสมผสานไว้ด้วยกลิ่นอายของไซคีเดลิคร็อก ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ และ อิทธิพลจากศิลปะแนว avant-garde ซึ่ง Kraftwerk คือหนึ่งในแนวหน้าที่วางรากฐานของดนตรีแนวนี้

เดวิด โบวีเคยให้สัมภาษณ์ถึงความหลงในงานดนตรีของ Kraftwerk ไว้ว่า

“สิ่งที่ผมหลงใหลใน Kraftwerk คือความมุ่งมั่นเฉพาะตัวของพวกเขาที่จะแยกออกจากทางเดินคอร์ดแบบอเมริกันแบบที่นิยมทำกันและโอบกอดด้วยความรู้สึกของชาวยุโรปเอาไว้แล้วแสดงมันออกมาผ่านทางดนตรีของพวกเขา”

รอยยิ้มของฟลอเรียน ชไนเดอร์

ชไนเดอร์ผู้มีรอยยิ้มอันแฝงไว้ด้วยความลึกลับ คือผู้ที่อุทิศพลังของตนให้กับเสียงดนตรีออย่างเต็มที่ ทุกสตูดิโออัลบั้มของ Kraftwerk คือผลพวกจากความคิดสร้างสรรค์ของชายคนนี้ไม่ว่าจะเป็น The Man-Machine หนึ่งในอัลบั้มที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด หรือ บทเพลง The Model ซินธ์พอปเศร้า ๆ ที่ติดท็อปชาร์ตของ UK ในปี 1982 เป็นเวลายาวนานกว่า 30 ปี ที่ ฟลอเรียน ชไนเดอร์ และ Kraftwerk ได้สร้างสรรค์ผลงานดนตรีอันทรงคุณค่ามาตั้งแต่ทศวรรษที่ 70s จนถึงปี 2003 ที่ผลงานอัลบั้มชุดสุดท้ายได้ถูกปล่อยออกมา

ปกอัลบั้ม The Man-Machine

หลังจากสร้างสรรค์สตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้าย Tour De France Soundtracks ในปี 2003 และได้ออกทัวร์ร่วมกับวงอีกสักพัก ในปี 2008 ชไนเดอร์ก็ได้ตัดสินใจยุติบทบาทและลาออกจากวงที่เขาเริ่มต้นมันมาด้วยตัวของเขาเองในที่สุด

ชไนเดอร์ไม่ได้ให้เหตุผลอะไรเลยสำหรับการตัดสินใจลาออกจากวง ซึ่ง ฮึทเทอร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง The Guardian ไว้ว่า ชไนเดอร์นั้นใช้เวลาทำงานกับโพรเจกต์อื่น ๆ เป็นเวลานานหลายต่อหลายปี จนไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับ Kraftwerk เลย และ หลังจากที่ชไนเดอร์ได้ลาออกจากวงทั้งคู่ก็ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกันอีก

การแสดงสดอันน่าตื่นตาตื่นใจของ Kraftwerk

ชไนเดอร์ในปี 2015

จนในปี 2015 ชไนเดอร์ได้เปิดตัวบทเพลงชิ้นใหม่ Stop Plastic Pollution โดยร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ Dan Lacksman เพื่อสร้างสรรค์บทเพลงที่ปลุกจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมและมลภาวะ ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการไปว่ายน้ำในมหาสมุทรที่ชายฝั่งของกานาดูชาวประมงจับอะไรไม่ได้นอกจากขยะพลาสติกที่ติดมากับอวน

Kraftwerk นับเป็นวงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างคุณูปการต่อวงการดนตรีเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาได้สร้างกระแสความนิยมดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ให้เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 80s และได้มีวงดนตรีรุ่นใหม่นำเอาแนวทางที่พวกเขาได้วางรากฐานเอาไว้มาพัฒนาสานต่อออกมาเป็นแนวดนตรีใหม่ ๆ อาทิ เฮ้าส์ ,เทคโน, อิเล็กโทรพอป, ซินธ์พอป และได้นำเอาบทเพลงของพวกเขามาทำใหม่รวมไปถึงนำเอาท่วงทำนองเพลงของพวกเขามาใช้อยู่เสมอตราบจนกระทั่งในปัจจุบัน

อิทธิพลของฟลอเรียน ชไนเดอร์และ Kraftwerk นั้นยิ่งใหญ่มากดังคำกล่าวของผู้กำกับเอ็ดการ์ ไรท์ที่พูดถึงชไนเดอร์ว่า

“การกล่าวว่าเขานั้นมีอิทธิพลอย่างมากและเปลี่ยนวิถีแห่งเสียงของโลกดนตรีก็ยังดูเหมือนว่าเป็นการพูดยกย่องที่น้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ”

และเพื่อเป็นการรำลึกถึงการจากไปของปูชนียบุคคลแห่งโลกดนตรีคนนี้เราจะมารำลึกถึงผลงานของชไนเดอร์และ Kraftwerk ผ่าน 10 บทเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของพวกเขาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกันครับ

 

10. Ruckzuck (1970)

Play video

เวลาพูดถึง Kraftwerk เรามักจะนึกถึงเสียงสังเคราะห์จากซินธิไซเซอร์และเสียงกลองจากดรัม แมชชีน แต่หากเราอยากได้ยินเพลงของ Kraftwerk ในแบบที่ใช้เครื่องดนตรีแบบดั้งเดิม เราสามารถย้อนกลับไปฟังได้ใน Ruckzuck (แปลว่า “ชั่วพริบตา”) แทร็กแรกของอัลบั้มเปิดตัวที่ใช้กีต้าร์ ออร์แกน ไวโอลิน และ กลอง โดยมี ฮึทเทอร์เล่นทำนองหลักบนฟลูต แต่มีการเล่นซ้ำจังหวะและให้อารมณ์เหมือนกับดนตรีเทคโน

 

9. Autobahn (1974)

Play video

เสียงปิดประตูรถ เครื่องยนต์ถูกสตาร์ท เสียงแตรดังขึ้น เสียงซินธิไซเซอร์ครวญออกมาเป็นท่วงทำนองที่ฟังได้ว่า Au-To-Bahn แล้วพาเราควบทะยานไปกับท่วงทำนองของการเดินทางในเวลา 22 นาที นี่คือหนึ่งในบทเพลงอันเป็นลายเซ็นของ Kraftwerk บทเพลงแห่งท้องถนนและเครื่องยนต์ บนท่วงทำนองที่ชวนให้คิดถึงงานของบีชบอยส์ กับเนื้อร้องสุดมินิมอล (“Wir fahren, fahren, fahren auf der Autobahn”) มันคือบทเพลงที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เสียงร้องขับขานจากเครื่องยนต์”

 

8. Radioactivity (1975)

Play video

หนึ่งในบทเพลงที่น่าฟังที่สุดของ Kraftwerk ที่นอกจากจะน่าฟังแล้วยังย้ำเตือนให้เราหวาดกลัวภัยจากกัมมันตภาพรังสี บทเพลงนี้มีสองเวอร์ชันคือเวอร์ชันในปี 1975 และ 1991 ซึ่งในเวอร์ชันหลังมีการเปลี่ยนเนื้อร้องให้เข้ากับสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ท่ามกลางท่วงทำนองจากสัญญาณวิทยุ เสียงเบสทุ้มต่ำที่เน้นย้ำไปตลอดเพลง เสียงซินธ์ในคีย์ไมเนอร์หม่น และ เสียงฟู่ว ๆ ราวกับเสียงไอน้ำจากเซฟตี้วาล์ว และเนื้อร้องเท่ ๆ อย่าง “radioactivity, discovered by Madame Curie”

 

7. Trans-Europe Express (1977)

Play video

นี่คือตัวอย่างอันชัดเจนของเหตุผลที่ Kraftwerk ควรได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินพอปที่มีอิทธิพลมากที่สุดนับจากโลกนี้มี The Beatles มา พวกเขาได้พัฒนาซาวด์อันเป็นเอกลักษณ์ทางดนตรีของเยอรมันยุคหลังสงคราม โดยหลอมรวมเอาอิทธิพลทางดนตรีจากดนตรีคลาสสิก โฟล์กของเยอรมัน บีชบอยส์ และ Velvet Underground จนพัฒนามาเป็นอิเล็กทรอนิกส์พอปในแบบฉบับของตัวเอง ท่วงทำนองของเพลงนี้ได้เป็นต้นธารของงานดนตรีในแนว อิเล็กโทร เทคโน เฮ้าส์ ดั๊บสเตป และอีกมากมาย และส่งอิทธิพลต่อศิลปินในยุคหลังตั้งแต่ Joy Division ไปยัน Daft Punk ท่วงทำนองของเพลงนี้ได้ถูก Afrika Bambaataa & Soul Sonic Force นำมาใช้ในเพลงฮิปฮอป ‘Planet Rock’ ของพวกเขาด้วย

Play video

6. The Model (1978)

Play video

The Model หรือ Das Model ผลงานจากอัลบั้มชุดที่ 7 The Man-Machine หนึ่งในบทเพลงฮิตของ Kraftwerk ที่พัฒนามาจากบทกวีของ Emil Schult ที่เขียนเกี่ยวกับนางแบบสาวสวยที่เขาได้พบเจอในไนท์คลับที่เมืองโคโลญจน์ เพลงนี้มีคนนำไปคัฟเวอร์มากมายหลากหลายเวอร์ชันแต่เวอร์ชันที่หวือหวาน่าเร้าใจก็คงเป็นของวงฮาร์ดร็อกจากเยอรมันนาม Rammstein ที่เปิดขึ้นมาด้วยเสียงกล่าวเปิดจาก Mathilde Bonnefoy มือตัดต่อจากภาพยนตร์เยอรมันเรื่องดัง Run Lola Run (1998) และภาพยนตร์สารคดีรางวัลออสการ์ Citizenfour (2014)

Play video

 

5. The Robots (1978)

Play video

เริ่มต้นเพลงด้วยเสียงเหมือนหุ่นยนต์กำลังวอร์มเครื่อง เมื่อมันเข้าที่ท่วงทำนองจึงบรรเลงอย่างเต็มที่ผ่านเสียงร้องนิ่ง ๆ ของหุ่นยนต์ว่า “We are the robots” พร้อมกับซาวด์อันเปี่ยมชีวิตชีวาที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าพลังจากภายในของหุ่นยนต์นั้นมันช่างเปี่ยมไปด้วยสีสันเหลือเกิน นี่คือบทเพลงอันบรรเจิดที่เกิดจากจินตนาการว่าหากบทเพลงของพวกเขาถูกบรรเลงโดยหุ่นยนต์แล้วมันจะเป็นอย่างไร และเป็นบทเพลงไฮไลท์ในการแสดงคอนเสิร์ตของ Kraftwerk ที่ทุกคนเฝ้ารอชมอย่างใจจดใจจ่อ

 

4. Neon Lights (1978)

Play video

 

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นบทเพลงที่มีท่วงทำนองเบาสบายชวนผ่อนคลายที่สุดของ Kraftwerk แล้ว ด้วยท่วงทำนองคีย์เมเจอร์อันชวนเบิกบาน และเนื้อร้องที่สะท้อนถึงความสว่างไสวจากแสงไฟยามค่ำคืน จินตนาการเห็นภาพเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟอันงดงามท่ามกลางความมืดมิด “Neon lights / Shimmering neon lights / And at the fall of night /This city’s made of lights” ตอนฟังเพลงนี้บางทีก็ชวนให้คิดถึงท่วงทำนองของ U2 อยู่เหมือนกัน ซึ่ง U2 ก็เอาเพลงนี้ไป cover จริง ๆ

Play video

 

3. Computer Love (1981)

Play video

 

ผลงานจากอัลบั้ม “Computer World” ที่ธีมของมันว่าด้วยเรื่องของการคืบคลานเข้ามาของคอมพิวเตอร์ในสังคมโลกทศวรรษที่ 80s และเสมือนเป็นการพยากรณ์อิทธิพลของคอมพิวเตอร์ที่มีต่อโลกในอนาคตได้อย่างค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว Computer Love เป็นบทเพลงของ Kraftwerk ในสไตล์ซินธ์พอปที่มีเมโลดี้สวยงาม ซึ่งเชื่อว่าหลายคนอาจรู้สึกคุ้น ๆ หู หากเคยฟังเพลง “Talk” ของ Coldplay ที่นำเอาท่วงทำนองจากเพลงนี้ไปใช้

Play video

 

2. Tour de France (1983)

Play video

เพลงฮิตในปี 1983 ที่ถูกนำมารีมิกซ์อีกสองครั้งในปี 1984 และ 1999 และถูกรวมไว้ในอัลบั้ม Tour de France Soundtracks ในปี 2003 ที่ทำขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี การแข่งจักรยานทางไกลรอบประเทศฝรั่งเศส “ตูร์เดอฟร็องส์” เพลงนี้โดดเด่นด้วยท่วงทำนองที่สมกับเป็นซาวด์แทร็กสำหรับการแข่งจักรยานตูร์เดอฟร็องส์จริง ๆ เพราะมันประกอบไปด้วยท่วงทำนองอันมีสีสัน เสียงอันเกิดจากการปั่นจักรยาน เช่นเสียงของโซ่จักรยาน และเสียงสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ของนักปั่น

 

1.Stop Plastic Pollution (2015)

Play video

 

บทเพลงชิ้นสำคัญจากฟลอเรียน ชไนเดอร์ที่เล่าเรื่องราวผ่านสายตาของชาวประมงในหมู่บ้านในกานาที่ตกปลาแล้วไม่ได้อะไรกลับมานอกจากขยะพลาสติกที่ติดมากับอวน เนื้อร้องของเพลงก็เอ่ยออกมาอย่างซื่อ ๆ ตรงไปตรงมา จริงใจดีไม่มีอะไรซับซ้อน ผ่านท่วงทำนองจากท้องสมุทรทั้งเสียงหยดน้ำ เสียงคลื่น และเสียงโซนาร์ เป็นบทเพลงอิเล็กทรอนิกส์รักโลกที่มีเสน่ห์ดีเลยทีเดียว

 

Source

https://www.theguardian.com/music/2020/may/06/florian-schneider-kraftwerk-co-founder-dies-aged-73

https://www.theguardian.com/music/2020/may/07/kraftwerk-their-30-greatest-songs-ranked

https://www.theguardian.com/music/2013/jan/27/kraftwerk-most-influential-electronic-band-tate

https://www.beartai.com/lifestyle/395445

https://www.nytimes.com/2020/05/07/arts/music/florian-schneider-kraftwerk-songs.html

 

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส