หลังผ่าน 11 ปีแรกในหนังทั้งหมด 23 เรื่องไปแล้ว และหนังเกือบทุกเรื่องประสบความสำเร็จทำเงินถล่มทลาย นักแสดงทั่วทั้งฮอลลีวูดต่างก็อยากมารับบทฮีโรอะไรก็ได้ในหนังของมาร์เวล (เป็นต้นว่า Jessica Chastain ยังเคยปฏิเสธบทคนธรรมในหนัง Doctor Strange 2 เพราะอยากเล่นบทฮีโร และยื่นข้อเสนอกลับว่าเธอจะเล่นหนังมาร์เวลก็ต่อเมื่อได้รับบทฮีโรเท่านั้น)
แน่นอนว่าภายใต้ความโด่งดังของนักแสดงมาร์เวล ที่หลายคนก็ได้ใช้ชื่อเสียงนี้และโอกาสในการอัปค่าตัวนี้ไปรับเล่นหนังเรื่องอื่น ๆ ต่อ ก็มีหลายกฎเหล็กของนักแสดงที่ถูกควบคุมโดย Marvel Studios ชนิดที่ “ห้ามแหกคอก” ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเป็นศิลปิน Idol และค่าตัวที่แพงลิบนั้นก็แลกมาด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องเสียไป ทั้งการเดินทางข้ามโลกเพื่อโปรโมตหนัง การต้องฟิตหุ่นตลอดเวลา และข้อตกลงในสัญญาที่ห้ามไปเล่นหนังเรื่องอื่นในช่วงที่หนังที่เล่นยังไม่ออกฉาย
1. ไม่มีทางได้เห็นหนังเรต R ในจักวาลหนังมาร์เวล
แม้ว่า Fox จะประสบความสำเร็จไปกับ Deadpool ที่เป็นหนังเรต R หรือหนังฮีโรของดีซีจะมีโทนดาร์ก ๆ ที่ดูเป็นหนังรุนแรงกว่า แต่หนังมาร์เวลก็มีจุดยืนที่ชัดเจนที่จะไม่ทำหนังที่เน้นความรุนแรง และยังคงทำหนังให้เป็นเรตที่ผู้ชมที่เป็นเด็กและวัยรุ่นผู้ชายจะดูได้ทุกเรื่อง เมื่อคำนึงถึงผู้ชมกลุ่มนี้ แน่นอนว่าฮีโรเหล่านี้จะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก ๆ ทั่วโลก เราจึงไม่ได้เห็นแม้แต่ฉากการสูบบุหรี่ของนิค ฟิวรี ที่ในฉบับคอมิกเราจะเห็นมาดนั้นของเขาจนชินตา ส่วนถ้าอยากดูมาร์เวลเรต R ก็ขอให้ไปดูในซีรีส์ทาง Netflix แทนนะ
2. ต้องเป็นฮีโรทั้งในจอและนอกจอ และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม
ค่ายหนัง Disney ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่คำนึงถึงภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นมิตรกับเด็ก ๆ เสมอ สิ่งนั้นก็ได้ถูกกำหนดมาถึงเหล่านักแสดงฮีโรด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงจะได้เห็นภาพของเหล่านักแสดงเข้าไปเยี่ยมเยียนเด็ก ๆ ผู้ป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ตามโรงพยาบาลเสมอ Scarlett Johansson ก็มีมูลนิธิการกุศลเป็นของตัวเอง Mark Ruffalo เข้าร่วมประท้วงการวางท่อก๊าซที่ทำลายสิ่งแวดล้อมและชุมชน หรืออย่าง Robert Downey Jr. ที่ต้อนรับแฟน ๆ เสมอในทุกงานเปิดตัวและงานโชว์ตัวต่าง ๆ อย่างไม่เคยปฏิเสธเลย
นอกจากนั้น Tom Vaughan-Lawlor ที่แสดงเป็น “อีโบนี มอว์” มือขวาของจอมวายร้าย Thanos ใน Avengers: Infinity War และ Endgame ออกมาเปิดเผยว่า ในการประชุมเพื่อพูดคุยถึงการมารับบทนี้ Marvel Studios แทบไม่รู้จักนักแสดงต่างชาติอย่างเขามาก่อน นั่นทำให้เขาต้องถูกซักประวัติรวมถึงประวัติอาชญากรรมอย่างเข้มข้น โดยเขาบอกว่า มาร์เวลต้องมั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าไม่ได้จ้างโจรมาเป็นนักแสดงที่จะก่อปัญหาในภายหลัง
3. วินัยที่เข้มงวดของการคุมอาหารและออกกำลังกาย
แน่นอนว่าการมาแสดงเป็นฮีโรมาร์เวลต้องมีหุ่นที่ทั้งฟิตและเฟิร์ม (เทพเจ้าธอร์เวอร์ชันถังเบียร์เป็นข้อยกเว้น) พวกเขาจะถูกกำหนดให้ต้องออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวัน และกินได้แต่อกไก่ต้มและข้าวโอ๊ต ซึ่งแม้จะฟังดูเป็นอาหารของผู้นิยมการออกกำลังกายตามปกติ แต่การต้องกินอาหารเดิม ๆ เป็นปีก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไร Chris Hemsworth คือนักแสดงที่ยืนหนึ่งเรื่องออกกำลังกายฟิตหุ่น เขากินอาหาแต่ละมื้อทุก 3 ชั่วโมงและฟิตหุ่นแบบดั้งเดิมด้วยการเวทเทรนนิง Robert Downey Jr. ฟิตหุ่นด้วยหมวยหย่งชุน Chris Evans ใช้วิธีเล่นยิมนาสติก และ Tom Holland นั้นใช้วิธีต่อยมวยและเครื่อง Electronic Muscle Stimulation
4. นักแสดงงดออกความเห็นเกี่ยวกับตัวละคร
หนังหลายเรื่อง ทีมสร้างและผู้กำกับอาจเปิดโอกาสให้นักแสดงได้เสนอไอเดียเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละครของพวกเขาเพื่อจะอิมโพรไวซ์บทจากการแชร์ไอเดียของวิธีการแสดง แต่ในหนังของมาร์เวลที่เกี่ยวพันกับหนังอีกหลายเรื่องทั้งก่อนหน้าและหลังจากเรื่องที่แสดงอยู่ พวกเขาจึงถูกสั่งห้ามไว้ตั้งแต่แรกว่า นักแสดงงดออกความเห็นใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละครเป็นหรือตัวละครจะทำ แค่ทำตามสิ่งที่มือเขียนบทและผู้กำกับสั่งให้ทำเท่านั้น บทเรียนที่มาร์เวลเคยได้รับมาจากตอนที่นักแสดง Edward Norton ได้พยายามออกไอเดียแทรกแซงหนัง The Incredible Hulk (2008) จนต่อมาโดน Kevin Feige ประกาศเปลี่ยนตัวเป็น Mark Ruffalo
5. บทหนังมาร์เวลจะเป็นความลับที่สุดเสมอ
หนังมาร์เวลอาจถูกจัดเป็นหนังที่ฝั่งแฟนหนังอยากถูกสปอยล์เนื้อเรื่องมากที่สุดในโลก ในทางกลับกันก็ทำให้ Marvel Studios ยิ่งอยากจะปกปิดความลับทุกอย่าง เพื่อสร้างกระแสความอยากดูจนถึงวันฉาย นั่นทำให้นักแสดงย่อมต้องถูกเข้มงวดให้ไม่เปิดเผยเนื้อเรื่องของหนัง หรืออย่างใน Endgame ที่นักแสดงหลายคนจะได้รับบทเฉพาะในส่วนที่ตัวเองเล่นเท่านั้น หรือแม้กระทั่งในหนัง MCU เรื่องอื่น นักแสดงบางคนได้ “บทปลอม” เพื่อไม่ให้แน่ใจว่า บทที่ถืออยู่เป็นจริงขนาดที่จะมีการเอาไปบอกต่อกับสื่อ (นี่จึงทำให้การที่ Tom Holland เผลอหลุดสปอยล์หนังอยู่บ่อย ๆ น่าจะเป็นแผนของ Marvel Studios มากกว่าที่อยากสร้างคาแร็กเตอร์สุดเกรียนนี้ให้เป็นภาพจำ มากกว่าจะที่เขาจะเผลอพูดบทหนังออกมาจริง ๆ)
Elisabeth Olsen ผู้รับบท แวนดาหรือสกาเล็ต วิตช์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การอ่านบทรอบแรกของเธอนั้นจะมีทีมงานเก็บโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะถูกพาเข้าห้องอ่านบทที่ไม่มีหน้าต่าง และเธอจะมีโอกาสอ่านบทของเธอแค่ครั้งเดียวในห้องอ่านบทนี้ (นั่นหมายถึงเธอจะต้องจำบทให้ได้ในครั้งเดียวที่อ่านด้วย) จนถึงตอนถ่ายทำที่เธอจะได้อ่านบทอีกรอบ นักแสดงก็จะถูกนำตัวไปขึ้นรถเทรลเลอร์เพื่ออ่านบท ไม่มีสิทธิ์จะเดินถือบทไปมาในกองถ่ายได้อย่างเด็ดขาด
6. นักแสดงต้องพร้อมกลับมาถ่ายซ่อมเสมอ
มาร์เวลอาจจะได้เห็นบทเรียนของดีซีที่ต้องเสียค่าเติมหนวดและอื่น ๆ ในการเรียกนักแสดงมากลับมาถ่ายซ่อมในหนัง Justice League (2017) สูงถึง 25 ล้านเหรียญฯ นั่นทำให้นักแสดงในหนังมาร์เวลจะต้องผูกพันตามที่ได้เซ็นสัญญาไปว่า พวกเขาจะต้องพร้อมกลับมาถ่ายซ่อมให้หนังเสมอจนกว่าหนังจะเข้าโรงฉาย ซึ่งก็หมายถึงว่า พวกเขาห้ามเปลี่ยนแปลงรูปร่าง และต้องพร้อมเสมอในการเปลี่ยนตัวเองกลับมารับบทเดิม ขณะที่ไปรับเล่นภาพยนตร์เรื่องอื่นแล้ว Idris Elba นักแสดงในไตรภาค Thor เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เขารู้สึกทรมานมากที่ต้องเตรียมพร้อมในการกลับไปถ่ายหนัง Thor: The Dark World (2013) ตลอดเวลา เพราะตอนนั้นเขาได้แปลงโฉมตัวเองเพื่อรับบท “เนลสัน แมนเดลา” ในหนัง Mandela: Long Walk to Freedom (2013) ไปแล้ว
7. ห้ามแสดงฉากสตันท์ที่หวาดเสียวเองโดยเด็ดขาด
นี่ก็อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ Tom Cruise ไม่สามารถมาเล่นหนังมาร์เวลได้ (เพราะชอบเล่นฉากผาดโผนเองทั้งหมด) ข้อตกลงนี่ก็เป็นที่เข้าใจได้ เพราะหากนักแสดงนำเหล่านั้นบาดเจ็บจนต้องหยุดพักการถ่ายทำก็จะต้องเสียค่าเสียหายเป็นจำนวนมาก และนักแสดงก็ไม่รับผิดชอบเฉพาะแค่หนังของตัวเอง เพราะอาจกระทบไปถึงหนังรวมดาราเรื่องอื่น ๆ ที่จ่อคิวถ่ายทำต่ออยู่ด้วย นอกจากนี้ก็ยิ่งทำให้ Marvel Studios ไม่ต้องเสียค่าทำเงินประกันอุบัติเหตุให้นักแสดงแพง ๆ เหมือนเรื่องอื่นด้วย Tom Holland ได้เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า เขาแสดงฉากสตันท์ใน Spider-Man เองมากที่สุดเท่าที่ข้อสัญญาจะเปิดโอกาสแล้ว
8. ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธการเดินสายออกงานโชว์ตัว
ค่าตัวในการจ้างที่แพงลิบของนักแสดงแต่ละคนนั้นรวมค่าแสดงและการเดินสายออกงานอีเวนต์เพื่อโปรโมตหนังในประเทศต่าง ๆ และงาน Comic Cons เอาไว้แล้วด้วย นอกจากนั้นสัญญาของนักแสดงมาร์เวลต่างจากนักแสดงเรื่องอื่น ๆ ที่เซ็นกันเรื่องต่อเรื่อง แต่ของทีมนี้จะเซ็นที 6 เรื่อง 9 เรื่องกันไปเลยทีเดียว (บทเรียนของ Studios คือ การที่ตอนแรก ๆ เซ็นกับ Robert Downey Jr. ไว้ทีละเรื่องและค่าตัวของเขาก็พุ่งสูงเอา ๆ ในแต่ละภาคที่หนังยิ่งดัง)
ความเขี้ยวของ Marvel นั้นปรากฎให้เห็นในสัญญาที่นักแสดงจะต้องปรากฎตัวในงานเดินสายทุกครั้งที่สตูดิโอต้องการตลอดระยะเวลาที่สัญญายังไม่หมด แม้ว่าจะไม่ใช่การโชว์ตัวในหนังที่เขาเล่นหรือปรากฎตัวแค่ 5 วินาทีในหนังเรื่องนั้น ๆ ก็ตาม (เป็นเหตุผลว่าทำไม MCU ถึงขนนักแสดงไปโชว์ในงาน Comic Cons ได้ครบทุกคนในเกือบทุกปี) และนักแสดงก็ต้องเดินทางหนักเพื่อโพรโมตหนังทั่วโลก ชนิดที่คืนหนึ่งอยู่ญี่ปุ่นอีกคืนก็ไปปรากฎตัวที่ยุโรป แน่นอนว่าสภาพแบบนี้ทำให้นักแสดงไม่สามารถถ่ายหนังเรื่องอื่นได้เลยตลอดช่วงการเดินสาย
9. ต้องพร้อมปรากฎตัวที่โรงงานผลิตของเล่นของ Marvel เสมอ
สิ่งที่แฟน ๆ อาจลืมนึกไปเวลาได้ยินค่าตัวที่แพงลิบของนักแสดงหนังมาร์เวล นั่นก็คือค่าตัวนั้นไม่ใช่เฉพาะการแสดงหนังเท่านั้น นอกจากเดินสายโปรโมตแล้ว ยังรวมถึงการที่เขาจะต้องพร้อมไปปรากฎตัวที่โรงงานผลิตของเล่นของมาร์เวล เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของต้นแบบในการเก็บใบหน้าและสัดส่วนของนักแสดงไปทำของเล่นต่าง ๆ ด้วย รวมถึงการผลิตวิดีโอเกมที่เกี่ยวเนื่องกับจักรวาลมาร์เวลที่อ้างอิงใบหน้า รูปร่างของนักแสดงก็เช่นเดียวกัน นั่นก็ทำให้นักแสดงต้องฟิตหุ่นอยู่ตลอดเวลาเพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะถูกเรียกไปเข้าเบ้าหลอมแบบผลิตของเล่นวันไหน แต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ เพราะในปี 2011 ปีเดียว Marvel ก็ทำรายได้งาม ๆ จากการขายของเล่นไปถึง 618 ล้านเหรียญฯ
10. นักแสดงมาร์เวลไม่สามารถไปแสดงในภาพยนตร์ของ DC ได้
ในเกมการแข่งขันในทางธุรกิจ ทั้ง Marvel และ DC ถือเป็นหัวหอกของสตูดิโอที่ผลิตภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรออกมามาที่สุดและถูกจับไปเปรียบแทียบให้เป็นคู่แข่งกันโดยปริยาย หลายแคมเปญของหนังรวมถึงคุณภาพของหนังก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกันโดยแฟน ๆ กลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน Chris Hemsworth เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ว่า นักแสดงจะผิดสัญญาทันทีหากไปรับเล่นหนังของในจักรวาล DC ของค่าย Warner Brothers สตูดิโอ Marvel นั้นขึ้นชื่อว่าคิดแล้วคิดอีกในการเลือกนักแสดงสักคนมาเล่นหนังกับเขาเป็น 10 ปี และกับการจ่ายค่าตัวแบบทุ่มสุดตัวก็ทำให้ค่ายย่อมจะเรียกร้องไม่ให้นักแสดงรับเงินจากบทฮีโรในจักรวาลอื่น
ตารางฉายล่าสุดในสหรัฐฯ ของหนังในจักรวาล MCU
- Black Widow (2020): 6 พฤศจิกายน 2020 (ในไทย 29 ตุลาคม 2020)
- The Eternals (2021): 12 กุมภาพันธ์ 2021
- Shang-Chi And The Legend Of The Ten Rings (2021): 7 พฤษภาคม 2021
- Spider-Man: Homecoming 3 (2021): 5 พฤศจิกายน 2021
- Thor: Love And Thunder (2022): 11 กุมภาพันธ์ 2022
- Doctor Strange In The Multiverse Of Madness (2022): 25 มีนาคม 2022
- Black Panther 2 (2022): 6 พฤษภาคม 2022
- Captain Marvel 2 (2022): 8 กรกฎาคม 2022
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส