ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ หนึ่งในตำนานเพลงเพื่อชีวิตของเมืองไทย ได้หยิบเอาบทเพลง ‘วณิพก’ ของตำนานเพลงเพื่อชีวิต ‘คาราบาว’ มาทำใหม่ในสไตล์ของตัวเอง เป็นบทเพลงแรกจากอัลบั้มพิเศษ “คารวะคาราบาว” ที่พี่ปู พงษ์สิทธิ์ ได้คัดเลือก 10 บทเพลงคาราบาวที่ประทับใจมาขับร้องด้วยเสียงของตัวเองทุกบทเพลง โดยลงรายละเอียดในการทำแต่ละเพลงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน เพื่อแสดงออกถึงการคารวะวงเพื่อชีวิตระดับตำนานอย่างสุดใจ

‘วณิพก’ เป็นบทเพลงจากอัลบั้มชุดที่ 3 ของคาราบาวที่ใช้ชื่อเดียวกันกับเพลง ออกจำหน่ายในเดือน มีนาคม พ.ศ. 2526 ในชุดนี้มีสมาชิกอยู่เพียงสามคนคือ แอ๊ด – ยืนยง โอภากุล , เขียว – กีรติ พรหมสาขา ณ สกลนคร และเล็ก – ปรีชา ชนะภัย แต่ได้เชิญ หมู – พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ และ วงเพรสซิเดนท์ (วงเก่าของเล็ก คาราบาว) มาร่วมแจมด้วย

ปกอัลบั้ม ‘วณิพก’

‘วณิพก’ เป็นบทเพลงดังจากอัลบั้มนี้ที่ส่งผลให้คาราบาวเป็นที่รู้จักในหมู่คนฟังในวงกว้าง แอ๊ด คาราบาวแต่งเองทั้งเนื้อร้องและทำนอง เป็นงานดนตรีที่มีความ ‘แหกคอก’จากงานดนตรีสมัยนิยมในยุคนั้นทั้งในส่วนของเนื้อหาและงานดนตรี ดนตรีมีจังหวะเป็น สามช่า ซึ่งผสมผสานแนวดนตรี ช่า ช่า ช่า จากลาตินอเมริกาเข้ากับดนตรีรำวงและลูกทุ่งไทยได้อย่างลงตัว (เมื่อรวมกับลีลาการโซโล่กีตาร์ด้วยแล้ว จึงไม่แปลกที่จะชวนให้คิดถึงงานเพลงของการ์โลส ซานตาน่า ราชาลาตินร็อกขึ้นมาเลย) ผนวกกับเนื้อหาของเพลงที่เล่าเรื่องของคนตัวเล็ก ๆ ในสังคม คนชายขอบ ที่ไม่เคยเป็นตัวเอกในบทเพลงไหน ๆ เลย ทำให้บทเพลงนี้เข้าถึงจิตใจของคนฟังได้เป็นอย่างดีและเป็นการสะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นเพลง ‘เพื่อชีวิต’ ของคาราบาวได้อย่างชัดเจน นั่นคือการสะท้อนภาพของสังคมไทยที่ผนวกเข้ากับความสนุกสนานของงานดนตรี นอกจากนี้ยังทำให้งานเพลงในจังหวะสามช่ากลับมาคึกคักในบ้านเราอีกด้วย

ดวงตาของฉันมันมืดมิด

แต่ชีวิตฉันยังไม่มืดลง

แม้ความรักยังเคยมีมั่นคง

จะร้างไกลไม่หวนกลับคืนมา

ออกยํ่าไปบนทางที่หิวโซ

มิรู้คืนรู้วันเวลา

ขอเศษเงินเศษทานผู้ผ่านมา

เพียงเมตตาฉันบ้าง

เป็นครั้งคราว

จึงมาเป็น

วณิพกพเนจร

เที่ยวเร่ร่อน

ร้องเพลงแลกเศษเงิน

ที่เหลือกินเหลือเก็บเป็นส่วนเกิน

จะนําเงินสะสม

รักษาดวงตา

การใช้ภาษาในเนื้อร้องมีความเรียบง่ายแต่คมคาย กระชับชัดเจน ตรงไปตรงมา และมีลีลาทางวรรณศิลป์ ใช้วิธีการเล่าเรื่องจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง คือให้ วณิพกตาบอดตัวเอกของเรื่องเป็นผู้เล่าด้วยตัวเอง ทำให้ผู้ฟังเข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกของวณิพกตาบอดคนนี้ได้เป็นอย่างดี ดังในท่อนสุดท้ายของเพลงที่ร้องว่า “ใครจะว่าร้องเพลงให้ควายฟัง ฉันว่ายังมีคนที่เข้าใจ” เป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่ง ความรู้สึกอันหนักแน่นในปณิธานอันมั่นคงและเด็ดเดี่ยวของวณิพกตาบอดในการตอบแทนคนที่เมตตาด้วยเสียงเพลงซึ่งไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร จะมีคนสนใจหรือไม่ เขาก็ยังเชื่อมั่นว่ายังมี ‘คนที่เข้าใจ’ เสมอ เป็นการจบบทเพลงได้อย่างมีพลัง ดีและโดน  !!

ตอนนี้ได้แต่ลุ้นว่าอีก 9 เพลงที่เหลือในอัลบั้ม “คารวะคาราบาว” ของพี่ปู พงษ์สิทธิ์จะเป็นเพลงอะไรบ้าง แต่เชื่อได้เลยว่า ‘ดีและเด็ด’ อย่างแน่นอน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส