ในสองทศวรรษที่แล้ว หนังสงครามได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะในสายล่ารางวัล ยิ่งหนังเรื่องไหนถ่ายทอดสงคราม (เน้นที่สงครามในตะวันออกกลางเช่น อิรักและตะวันออกกลาง) นำโดยหนังอย่าง The Hurt Locker (2008), Zero Dark Thirty (2011), Lone Survivor (2013) และ American Sniper (2014) ก่อนที่จะค่อย ๆ หายไปและมีหนังสงครามที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางรายได้อย่าง 13 Hours (2016) ทั้งที่กำกับโดย Michael Bay และ 12 Strong (2018) ทั้งที่แสดงนำโดย Chris Hemsworth
แต่ก็ยังมีทีมนักสร้างหนังที่อาจคิดว่า ในช่วงที่หนังสงครามหายไปจากตลาด อาจจะถึงเวลา comeback ของหนังแนวนี้แล้วก็ได้ กับหนัง The Outpost ดัดแปลงจากหนังสือ “The Outpost: An Untold Story of American Valor” ของนักข่าว CNN เจค แทปเปอร์ โดยอธิบายถึงเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคม 2009 ในการสู้รบครั้งนั้นมีทหารอเมริกัน 53 นายประจำการด่านหน้าเพื่อรักษาที่มั่นเอาไว้ในหุบเขาของคัมเดช ของประเทศอัฟกานิสถาน หลังจากนั้นพวกเขาถูกทหารตอลิบานกว่า 300 นายบุกเข้าโจมตี ซึ่งเป็นผลให้มีทหารอเมริกันเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 27 นาย แต่ฝั่งตรงข้ามคือฝ่ายตอลิบานที่สูญเสียไปถึง 150 นาย จึงกลายเป็นวีรกรรมที่โชว์ความเป็นอเมริกันฮีโรแบบสุด ๆ
หนังนำแสดงโดยหนึ่งในนักแสดงที่เคยดังเมื่อ 2 ทศวรรษก่อนอย่าง Orlando Bloom (The Lord of the Rings, Pirate of the Caribbean) ที่ห่างหายจากวงการไปนาน (แต่เพิ่งมีลูกกับนักร้องสาว Katy Perry ไปหมาด ๆ) Bloom นั้นเคยแสดงในหนังสงคราม Black Hawk Down (2001) ตั้งแต่ยังไม่โด่งดังด้วย ส่วนนักแสดงอีกคนคือลูกชายของผู้กำกับ Clint Eastwood อย่าง Scott Eastwood ที่ยังไม่เจอหนังที่ดังเหมาะกับเขาเสียที (ดังสุดคือ เล่นใน Suicide Squad (2016) Fast and Furious 8 (2017) ที่โดนรัศมีดาราคนอื่นในเรื่องกลบหมดทั้งสองเรื่อง) สมทบด้วย Caleb Landry Jones (X-Men: First Class), Jack Kesy (12 Strong) และ Cory Hardrict (American Sniper) ซึ่งน่าจะเชี่ยวชาญการเล่นหนังสงครามอย่างดี
The Outpost กำกับโดย Rod Lurie จาก Straw Dogs (2011) และ Nothing But the Truth (2008) จากบทของ Eric Johnson ผู้เคยเข้าชิงออสการ์มาแล้วจาก The Fighter (2010) และหนังเข้มข้นที่สร้างจากเรื่องจริงเหตุวินาศกรรมบอสตันมาราธอน Patriots Day (2016) และหนังหายนะภัยทางทะเล The Finest Hours (2016) กับทุนสร้าง 18 ล้านเหรียญฯ ก็น่าจะได้ทุนคืนไม่ยาก เข้าฉายในสหรัฐฯ 3 กรกฎาคมนี้ (ถ้าโรงหนังกลับมาเปิดทั่วไป หรือเลื่อนไปฉายหลังจากนี้)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส