Neil Druckmann (นีล ดรัคแมน) ผู้ดำรงตำแหน่ง ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ และรองประธานบริษัท Naughty Dog ซึ่งอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวิดีโอเกมสุดฮิตอย่าง The Last of Us Part ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Entertainment Weekly เกี่ยวกับความหลงใหล และการดัดแปลงเรื่องราวเป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์
เขาได้กล่าวว่า “รักแรกของผมคือการสร้างวิดีโอเกม แต่ผมก็ชอบที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับสื่อที่มีความแตกต่างออกไปด้วย”
The Last of Us เป็นวิดีโอเกมสุดฮิตเมื่อปี 2013 ที่บอกเล่าเรื่องราวของโลกที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อปรสิตที่เปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นซอมบีกลายพันธุ์ โดยตัวละครหลักคือ Joel หนึ่งในมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ซึ่งเขาได้สูญเสียลูกสาวไป และต้องทำภารกิจพา Ellie เด็กสาวที่มีภูมิคุ้นกันเชื้อร้าย เดินทางข้ามประเทศไปพบกับกลุ่มต่อต้านที่หวังจะหาหนทางรักษาเชื้อร้ายนี้
The Last of Us ประสบความสำเร็จด้วยยอดจำหน่ายถึง 1.3 ล้านก๊อปปี ในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว ซึ่งทำให้ Neil Druckmann มีโอกาสสร้างสรรค์เนื้อเรื่องในทิศทางใหม่ ๆ เช่น เนื้อเรื่งเสริม (DLC: Downloadable Content) ในชื่อ Left Behind, นิยายภาพ (Graphic Novel) ที่เป็นเรื่องราวก่อนหน้า, และวิดีโอเกม Last of Us Part II ที่เขาได้พัฒนานานถึง 7 ปี
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา HBO ก็ได้ประกาศสร้างซีรีส์ The Last of Us โดย Neil Druckmann จะได้ร่วมงานกับ Craig Mazin (เคร็ก มาซิน) ผู้สร้างซีรีส์ระดับคุณภาพอย่าง Chernobyl ที่คว้ารางวัลต่าง ๆ มาแล้วมากมาย
Neil Druckmann ได้กล่าวถึงวิดีโอเกม The Last of Us ว่า “เราเล่นกับความรู้สึกในการรับบทเป็นผู้ปกครองที่รักลูกของตนอย่างไร้เงื่อนไข ซึ่งในตอนจบ Joel ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากบนพื้นฐานความเป็นมนุษย์ว่าจะให้หมอผลิตยารักษาจากเลือดของ Ellie ซึ่งจะทำให้เธอเสียชีวิต หรือจะช่วยชีวิตเด็กที่เปรียบเสมือนลูกสาวของตน”
สำหรับ The Last of Us Part II นั้น เขาได้กล่าวถึงการพัฒนาเรื่องราวไปอีกขั้นว่า “เรามีความทะเยอทะยานในการสร้างเกมนี้สูงมาก ทั้งในด้านเนื้อเรื่องและบรรยากาศ ตั้งแต่อารมณ์เบา ๆ ไปจนถึงความตึงเครียดสะเทือนใจ และบทสนทนาที่กระตุ้นให้นึกถึงความรุนแรง, การเรียกร้องความยุติธรรม และความทุกข์ระทม มันอ้างอิงไปถึงโลกที่เราอาศัยในยุคปัจจุบันนี้เลยก็ว่าได้”
Neil Druckmann ได้เปรียบเทียบการเล่าเรื่องของ The Last of Us เข้ากับซีรีส์ Breaking Bad ของ Vince Gilligan (วินซ์ กิลลิแกน) ที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องเป็นลำดับขั้นตอนอย่างช้า ๆ เพื่อเปลี่ยนตัวละคร Walter White (รับบทโดย Byan Cranston: ไบรอัน แครนสตัน) จากครูธรรมดาในเมืองเล็ก ๆ ให้กลายเป็นพ่อค้ายาสุดเหี้ยมได้อย่างมีมิติลุ่มลึก
“สิ่งที่น่าสนใจซึ่งได้จากการสร้างนิยายภาพ คือต้องสร้างจุดเปลี่ยนในทุก ๆ หน้าให้ได้ ซึ่งก็เหมือนกับการสร้างซีรีส์ที่คุณต้องหาวิธีเล่าเรื่อง และทำให้มันแตกต่างจากเรื่องอื่น มันเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง และมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก”
Neil Druckmann ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า The Last of Us มีองค์ประกอบที่ทรงพลัง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของทุกตัวละคร เราจะรู้สึกถึงความชอบธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็มีผลร้ายตามมา และนั่นเรื่องราวของ The Last of Us ที่มีความยอดเยี่ยมในตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบวิดีโอเกมหรือซีรีส์ก็ตาม
แน่นอนว่า ถ้าหากซีรีส์ The Last of Us นั้น ประสบความสำเร็จ Neil Druckmann ก็หวังจะนำ The Last of Us Part II มาดัดแปลงเป็นซีรีส์ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลอ้างอิง : EntertainmentWeekly
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส