เมื่ออ่านรายงานข่าวนี้แล้ว แฟน ๆ มาร์เวลและคอหนังอาจจะตั้งคำถามว่า ไม่รู้จะสงสารหรือดีใจกับใครดีในข่าวนี้ อย่างที่รู้ ๆ กันว่า Thor: The Dark World (2013) ถูกตราหน้าว่าเป็นหนังในจักรวาลมาร์เวลที่ห่วยที่สุดจากการจัดอันดับหลาย ๆ สำนัก รวมถึงการนำไปสู่การตัดสินใจยกเครื่องครั้งใหม่กลาย ๆ ของการเล่าเรื่องของเทพเจ้าสายฟ้า Thor ในภาค Ragnarok (2017) ให้หนังเป็นแนวตลกไปเลย แทนที่จะเน้นดรามาเหมือน 2 ภาคแรก ล่าสุดผู้กำกับ Kenneth Branagh ก็ออกมาบอกเหตุผลที่ไม่กลับมากำกับภาค 2 ในตอนนั้น

หลังความสำเร็จอย่างถล่มทลายของ Iron Man (2008) และเป๋ไปเล็กน้อยสำหรับ The Incredible Hulk (2008) Marvel Studios ในเวลานั้นก็ยังอยู่ในสถานะลุ่ม ๆ ดอน ๆ และไม่อาจมั่นใจอะไรได้ แม้ว่าแผนการที่จะนำไปสู่หนังรวมทีม Avengers จะเกิดขึ้นแล้วในปี 2010 และมีการเลือกตัวละครมาทำเป็นหนังคือ Thor และ Captain America การเลือกผู้กำกับที่ฝีมือเชื่อถือได้จึงเป็นการวัดฝีมือของหัวเรือใหญ่ Kevin Feige

Clark Gregg and Chris Hemsworth in Thor (2011)

ในส่วนของ Captain America: The First Avenger (2011) ที่เข้าฉายในปีเดียวกันแต่ช้ากว่า 2 เดือน ได้ผู้กำกับ Joe Johnston ที่เคยกำกับหนังใหญ่ ๆ มาก่อนอย่าง The Rocketeer (1991), Jumanji (1995) และ Jurassic Park 3 (2001) ซึ่งไม่ค่อยน่าเป็นห่วงนัก ขณะเดียวกันเรื่องที่ต้องลุ้นกลับกลายเป็น Thor (2011) ที่ได้ผู้กำกับที่ไม่เคยทำหนังแอ็กชันฮีโรหรือหนังเมนสตรีมเท่าไรนัก อย่าง Kenneth Branagh ที่เวลานั้นเคยกำกับมาแค่ Mary Shelley’s Frankenstein (1994) และ Hamlet (1996)

Chris Hemsworth in Thor (2011)

รวมถึงว่าหนัง Thor ก็ยังมีความยากและเสี่ยงจะเจ๊งมากกว่าประสบความสำเร็จหลายเรื่อง ทั้งเรื่องราวที่ออกเป็นแนวจักร ๆ วงศ์ ๆ หนังต้องเล่าเรื่องราวออกไปจากโลก (ต่างจากเรื่องฮีโรตัวอื่น ๆ ) เชื่อมมิติจักรวาลทั้ง 9 แถม Chris Hemsworth ก็เป็นนักแสดงที่ไม่เคยมีหนังดัง ๆ มาก่อนเลย เทียบกับ Chris Evans ที่เคยเล่น Fantastic Four (2005) มาก่อน

Kenneth Branagh and Jaimie Alexander in Thor (2011)
Kenneth Branagh ตอนกำกับ Thor (2011)
Kenneth Branagh ตอนกำกับ Thor (2011)

“ผมไม่เคยลืมตอนที่เราเลือกสองนักแสดงอย่าง Chris Hemsworth และ Tom Hiddelston (มารับบท Loki) ผมกับ Kevin Feige เคร่งเครียดมากกับการจะโทรไปบอกว่าเราเลือกพวกเขาทั้งคู่มาเล่นบทนำและวายร้ายของเรื่อง Feige เดินไปรอบ ๆ โต๊ะสักร้อยรอบได้มั้งครับ ผมก็เลยบอกเขาว่า “โทรหาพวกเขากันเถอะ” แต่ Feige สวนกลับมาว่า “คุณแน่ใจนะ นี่เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดของผมเลย (ของ Feige ในตอนนั้น) และถ้าเรายกหูหาพวกเขาแล้ว พวกเราก็คงถอยหลังกลับไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ทุกคนโชคดี” แล้วเราก็โทรหาสองหนุ่มนั่น”

Kenneth Branagh กล่าว
Kenneth Branagh and Chris Hemsworth at an event for Thor (2011)
Tom Hiddleston in Thor (2011)

Thor ภาคแรกกลายเป็นความสำเร็จ แม้จะในระดับปานกลาง แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้ในฐานะที่เป็นหนังเรื่องแรกเปิดตัวละครและต้องใช้เวลาในการปูเรื่องราวมากมาย หนังทำรายรับรวมทั่วโลกไป 449 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้าง 150 ล้านเหรียญฯ ซึ่งดูเป็นที่น่าเชิญชวนให้ Branagh กลับมาทำภาค 2 ต่อ แต่เขาก็ไม่ได้กลับมา ซึ่งเขาก็เล่าให้ฟังว่า

“ตอนแรกที่ผมได้รับการติดต่อให้ทำหนังเรื่องนี้ ผมก็คิดไว้ว่าจะให้มี 3 ภาค แต่แล้วผมก็คิดได้ว่า จะทำได้แบบนั้นมันเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และกับภาคแรกนี้ผมก็ใช้เวลาทำงานยาวนานถึง 3 ปี แต่ก็เป็น 3 ปีที่มหัศจรรย์มากนะครับ ผมเลยขอหยุดพักสักหน่อย แต่ไม่ได้หมายถึงผมจะไม่กลับมาทำหนังกับมาร์เวลนะครับ เพราะว่าหนัง Thor เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนเส้นทางการทำงานของผมไปในทางที่ดีมาก มันมีความหมายกับผมมาก และผมจะกลับมากับจักรวาลนี้ถ้ามีโอกาสในอนาคต”

อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ไม่รู้ว่าถ้า Kenneth Branagh กลับมากำกับภาค 2 จะทำให้หนังออกมาดีกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่ นอกจากนี้ ในขณะที่ภาคแรกเขียนบทโดย Ashley Miller, Zack Stentz และ Don Payne ส่วนภาค 2 นั้นเปลี่ยนทีมยกชุด เขียนบทโดย Christopher L. Yos (เขียนบท Ragnarok ด้วย), Christopher Markus และ Stephen McFeely (ทั้งคู่เขียนบท Avengers: Endgame ด้วย)

และในทีแรกหนังเกือบจะได้ Patty Jenkins ผู้กำกับที่มาโด่งดังกับ Wonder Woman (2017) กำกับเรื่องนี้ แต่เธอได้ขอถอนตัวและออกมาบอกภายหลังว่า หนังมีบทที่แย่มากจนเธอกำกับให้ตายยังไงก็คงไม่ได้หนังที่ดีออกมา สุดท้ายหนังจึงได้ Alan Taylor ผู้กำกับซีรีส์ Game of Thrones มากำกับแทน ซึ่งก็พูดได้ว่าดีแล้วที่ Branagh ไม่กลับมากำกับภาค 2 นั่นเอง

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส