ในปี 1992 ก่อนเนเน่เกิด คุณพ่อของเนเน่ได้เดินทางไปทำงานที่เมืองกวางโจวประเทศจีนและได้นำเทปเพลงม้วนหนึ่งกลับมาที่เมืองไทยด้วย นั่นคือคาสเซ็ตของศิลปินสาว หยางหยูอิง ที่กำลังดังมากในตอนนั้น เนเน่เล่าว่าพ่อของเธอชอบหยางหยูอิงมาก จนได้มาเจอกับแม่ของเนเน่ที่มีใบหน้าสวยหากแต่แม่ของเนเน่ร้องเพลงไม่เก่งอย่างหยางหยูอิง และทำให้พ่อของเธอปรารถนาที่จะมีลูกสาวที่สวยและร้องเพลงเก่งเช่นเดียวกับหยางหยูอิง
นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตาที่ไม่ธรรมดาของ เนเน่ – พรนับพัน พรเพ็ญพิพัฒน์ ในการเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ไม่หยุดอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น
แม้หลังจากเธอเกิดในปี 1997 ในช่วงปีใดไม่ชัดเจนที่คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอตัดสินใจแยกกันอยู่ และทำให้คุณแม่ชุลีพรกลายเป็นซิงเกิลมัมที่เลี้ยงดูเนเน่เพียงลำพัง ต้องเป็นทั้งพ่อ แม่ พี่สาวและเพื่อนให้เนเน่ ในขณะที่คุณพ่อก็ไม่ได้ทอดทิ้งแต่ก็ส่งเงินให้ทางบ้านเนเน่อยู่เสมอ และมักติดต่อเป็นระยะ ทำให้เนเน่ยังคงรักทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของเธอมาก เนเน่เล่าในครั้งหนึ่งว่าคุณพ่อทำธุรกิจส่วนตัวและเคยล้มละลายก่อนจะถีบตัวกลับมายืนได้อีกครั้ง ทำให้สถานะทางบ้านของเนเน่เองไม่ได้ร่ำรวยหรือมีอันจะกินแต่อย่างใด และอาจทำให้เธอเองเห็นคุณค่าของเงินรวมถึงความแข็งแกร่งในการตั้งใจหางานทำตั้งแต่ยังเด็กเพื่อมาช่วยเหลือทางบ้านของเธอเอง
คุณแม่ของเนเน่ในวัยสาวเคยมีโอกาสได้เล่นเอ็มวีอยู่บ้าง และมักเปิดเพลงสากลเวลาที่เดินทางไปไหนมาไหนกับเนเน่อยู่เสมอ และทำให้เธอสนใจร้องเพลงสากลตามตั้งแต่ยังเด็กแม้จะไม่เข้าใจความหมายก็ตาม แต่เมื่อมีโอกาสได้บอกคุณพ่อถึงความสนใจในการเป็นศิลปินก็กลับไม่ได้รับการสนับสนุนเพราะคุณพ่อที่ตอนนี้ได้ผ่านความลำบากมามาก จึงมองว่าศิลปินเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงพอ แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดความฝันของเด็กหญิงเนเน่ เธอจึงต้องเก็บเงินที่คุณพ่อส่งให้ทุกเดือนไปแอบเรียนร้องเพลงเองตลอดช่วงอายุ 14 ปี
ด้วยกำลังทรัพย์ที่ไม่ได้มีมากมายจึงทำให้เนเน่เรียนร้องเพลงได้เท่าที่พอจะมีเงินเป็นครั้ง ๆ ไป เธอยังคงสนใจในการร้องเพลงสากลมาอย่างต่อเนื่อง และมีไอดอลอย่าง บียอนเซ่, จัสติน บีเบอร์ หรือ อารีอาน่า แกรนเด เป็นต้นแบบ ซึ่งการที่เธอร้องเพลงสากลตั้งแต่ยังไม่เข้าใจความหมายเพียงใช้การเลียนเสียงก็อาจเป็นข้อดีที่ทำให้เธอสามารถฝึกฝนการร้องเพลงที่ไม่ใช่ภาษาแม่ได้หลากหลายในภายหลัง
น่าสนใจว่าเธอมองไอดอลของเธอเป็นตัวอย่างในด้านใดด้านหนึ่ง อย่างเช่นเธอชอบบียอนเซ่ในแง่ที่เป็นไอดอลในด้านการร้องเพลง แต่อาจชอบจัสติน บีเบอร์ หรืออารีอาน่า แกรนเด เป็นไอดอลในด้านการเพอฟอร์แมนซ์บนเวที สะท้อนถึงว่าเธอสามารถมองแยกส่วนและสังเคราะห์ส่วนดีของแต่ละคนในการนำมาพัฒนาตนเองได้อย่างดี
ก้าวแรกสู่เส้นทางสตาร์
จนอายุ 15 ปี หลังจากเป็นตัวแทนประกวดร้องเพลงของโรงเรียนมาหลายเวที โอกาสบานแรกของเธอสู่วงการบันเทิงก็ได้เปิดขึ้น เมื่อเธอตัดสินใจสมัครรายการ ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซัน 10 หรือ เอเอฟ 10 ทันทีที่อายุถึงเกณฑ์ ซึ่งทั้งนี้เพราะคุณแม่ชอบดูตั้้งแต่รุ่น 2-3 ในตอนนั้นเนเน่ก็ได้ฉายแววความเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็กด้วยการที่เธอไปออดิชั่นเอเอฟหลาย ๆ จังหวัดเพื่อให้ทีมงานจำหน้าได้ และมีสต็อกภาพเธอไว้ตัดต่อเยอะ ๆ ก็เป็นกลยุทธที่มาจากเด็กอายุ 14-15 ปีอย่างเนเน่จะทำได้ด้วยกำลังที่มี ก็อาจเพราะเธอต้องตั้งใจทำงานหาเงินเข้าบ้านตั้งแต่เด็กด้วย ดังที่เธอบอกผ่าน Q/A ในยูทูบแชนแนลส่วนตัวว่าเวลาส่วนใหญ่ของเธอคือการหางานและทำงาน จนไม่ค่อยมีเวลาเล่นโซเชียลบ่อย ๆ อย่างใครเขา
หลังจากออกจากบ้านเอเอฟมา เนเน่ก็ได้โอกาสทดลองงานแสดงอาชีพเป็นครั้งแรกผ่านละครสั้นเรื่อง ห้าห้องชีวิตเนรมิตนิสัย โดยตอนนั้นเธอต้องรับบท ตุ๊กตา เด็กสาวที่มีปมกับพ่อและต้องการสอบชิงทุนไปเมืองจีน และทำให้เธอต้องทั้งแสดงประกบกับดารารุ่นใหญ่และต้องจดจำบทภาษาจีนด้วยเวลาจำกัดก่อนถ่ายเพียง 2-3 วันเท่านั้น ด้วยว่าเธอมีพื้นฐานการเรียนภาษาจีนที่โรงเรียนบ้างแต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญนัก ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามทุ่มเทในการทำงาน มีความจำที่ดีเลิศ และความไม่กลัวการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไม่ยอมเอาจุดอ่อนใดมาเป็นข้ออ้างในการที่จะไม่คว้าโอกาสที่เข้ามา ซึ่งบทของตุ๊กตาก็ตรงกับตัวเธออย่างไม่น่าเชื่อทั้งเรื่องของคุณพ่อ และการได้ไปล่าฝันที่เมืองจีนอยู่ในตอนนี้
ตอนเด็กเนเน่มองว่าตัวเองไม่ได้มีหน้าตาน่ารักอะไร เพื่อน ๆ หรือรุ่นพี่มักชอบเรียกเธอว่าเหมือนเอเลียนบ้าง ยีราฟบ้าง ซึ่งด้วยนิสัยลุย ๆ รั่ว ๆ เฮฮาแบบผู้ชายเธอจึงไม่ได้คิดอะไรมากนัก ซึ่งก็อาจเป็นข้อดีที่ทำให้เธอสามารถผ่านดราม่าจากการบูลลี่ของชาวเน็ตหลายครั้งในชีวิตที่แต่ละครั้งก็หนัก ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะข้อกล่าวหาเรื่องทำตัวไม่เหมาะสมในตอนที่อยู่รายการเอเอฟ หรือเรื่องที่เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามที่ทำให้ดาราเซเลบคนดังแยกทางกัน ซึ่งกาลเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริง อีกประการสำคัญก็ต้องชื่นชมไปที่คุณแม่ของเนเน่ที่เป็นเพื่อนคู่คิด และเป็นผู้ปกป้องเนเน่อยู่เสมออย่างที่เธอเคยบอกว่าคุณแม่จะเป็นคนคอยคุยตอบกับแฟนคลับ และเป็นคนช่วยกรองความเห็นแย่ ๆ ออกไป
หากโชคชะตาของเนเน่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่คุณพ่อของเธอซื้อเทปของหยางหยูอิงกลับมาบ้าน ว่าวันหนึ่งลูกสาวของเขาจะเป็นซูเปอร์สตาร์ข้ามชาติ ซึ่งดูเหมือนฟ้าเป็นใจวาดเส้นทางไว้โดยตลอด แต่หากนึกให้ดีแต่ละเส้นที่ฟ้าวาดให้นั้นล้วนต้องการการพิสูจน์ที่เข้มข้นผ่านเด็กหญิงร่างบอบบางคนนี้อยู่เสมอ การโตมาโดยมีแค่คุณแม่เคียงข้าง ต้องตั้งใจหางานทำแต่เด็ก โตเกินตัว และความเฉลียวฉลาดเอาตัวรอด ก็เป็นภูมิให้เธอเข้มแข็งผ่านมรสุมร้าย ๆ ได้
ก้าวที่ 2 สู่ต่างแคว้นแดนเกิด
ความกล้าในการเอาตัวเองที่อายุน้อยที่สุดเข้าไปแข่งขันกับพี่ ๆ ในรายการเรียลลิตี้ระดับประเทศ ก็วัดพลังใจเกินตัวของเธอ เช่นเดียวกับการได้เป็นเกิร์ลกรุ๊ปในสังกัดค่ายใหญ่อย่างแกรมมี่ที่มีชื่อวงอย่าง Milkshake ที่ดูไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนักมีผลงานเพลงออกมาเพียงไม่กี่เพลงก่อนจางหายไป ตลอดจนการพยายามแคสต์งานจนได้เล่นในละครและหนังทั้งในไทยและต่างประเทศ อย่างรับเชิญในซีรีส์ คู่กัน (Together) ของ GMM25 ที่ทำให้แฟนชาวจีนคุ้นหน้า หรือหนังเวียดนามอย่าง Lat Mat 3: Ba Chang Khuyet (2018) ที่ทำให้เธอได้ฉายาภรรยาแห่งชาติของเวียดนาม
ก็ล้วนเป็นประสบการณ์ทั้งสำเร็จและล้มเหลวที่ก่อร่างความแข็งแกร่งในจิตใจ จนแฟน ๆ รู้สึกได้ว่าเด็กสาวคนหนึ่งผ่านสิ่งเหล่านี้และยังมองไปยังปลายฝันได้อย่างไม่ย่อท้อได้อย่างไร ซึ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนรักและเคารพในตัวตนของเธอ มากกว่าแค่ชื่นชมในหน้าตาสะสวยหรือความสามารถในการร้องเพลงและเต้นเท่านั้น
ก้าวที่ 3 จากลูกหงส์ผลัดขนเป็นมังกร
“จะเป็นที่ 1 ที่3 หรือ 5 ฉันยอมรับได้หมด” คือคำตอบของเธอที่ต้องเผชิญหน้ากับการประกาศผลครั้งที่ 3 ในรายการ Chuang 2020 รายการคัดหาศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเวทีหนึ่งที่ต่อยอดมาจากรายการ Produce 101 อันโด่งดังของฝั่งเกาหลี ซึ่ง เนเน่ หรือ เจิ้งหน่ายซิน (Zheng Naixin) สำหรับแฟนชาวจีนได้เป็นสาวไทยคนเดียวที่เข้าร่วมในปีนี้ และด้วยความสามารถรอบด้านและเสียงร้องที่มีเสน่ห์จนกรรมการชื่นชม ตลอดจนความพยายามในการเรียนภาษาจีนด้วยเวลาเพียงไม่กี่เดือนแต่สามารถทำการแสดงได้อย่างดีก็ทำให้แฟน ๆ ต่างทุ่มใจให้ในความพยายามของเธอที่ยากแบบทวีคูณในการเป็นผู้เข้าแข่งขันต่างชาติในแดนมังกรและไม่มีฐานแฟนมากมายหรือสังกัดค่ายใหญ่ค่ายดัง ก็ทำให้เธอขึ้นไปได้ถึงอันดับ 3 ในการประกาศผลครั้งแรก และอันดับที่ 2 ในการประกาศผลครั้งที่ 2 จนเป็นที่ฮือฮาและจับตามองในสาวไทยหัวใจแกร่งคนนี้ว่าจะไปคว้าฝันต่างแดนได้ไกลแค่ไหน
และการประกาศผลครั้งที่ 3 ก็อาจทำให้แฟนคลับหลายคนที่รู้ผลอยู่ก่อนแล้วว่าอันดับเธอตกลงมาจากสัปดาห์ก่อนพอสมควร ก็ต่างอดเป็นห่วงจิตใจของเนเน่ไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำเอาเราต้องสะเทือนใจไปกับเธอกลับมาจากช่วงหลังจากนั้นที่เธอรู้ว่าเธอตกมาอยู่อันดับ 5 แล้ว
“แต่ก่อนนี้ฉันอยากเป็นอันดับ 1 ฉันคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ได้คิดถึงพวกคุณ (แฟนคลับ) เลย ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันไม่อยากให้พวกคุณต้องลำบากแล้ว ถ้าฉันไม่ได้เดบิวต์ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริง ๆ (เริ่มร้องไห้) ฉันได้ยินเสียงพวกคุณแล้ว อันดับไม่ได้สำคัญที่สุดสำหรับฉันแล้ว พวกคุณไม่ต้องเหนื่อยเแล้ว พวกคุณคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉัน ฉันอยากให้พวกคุณพัก มันคือสิ่งที่ดีที่สุด”
เราอาจเดาความคิดของเนเน่ได้ยากว่าเธอเปลี่ยนความคิดเช่นนี้เพราะอะไร เพราะเป็นกลยุทธหนึ่งของเธอในการเรียกคะแนนด้วยวิธีพูดแบบตรงข้ามหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเธอท้อใจที่อันดับตกและรู้สึกว่าการต่อสู้ในรายการต่างบ้านต่างเมืองนั้นยากลำบากเกินไป
แต่หากใครที่ติดตามเนเน่มาแต่ต้นอาจจำได้ว่าครั้งหนึ่งในรายการเอเอฟ 10 เมื่อคุณแม่ชุลีพรมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมเนเน่ในบ้าน สิ่งหนึ่งที่เนเน่กำชับกับคุณแม่อย่างมากคือ “แม่ไม่ต้องเอาเงินมาโหวตหนูนะ เก็บเงินไว้” จริง ๆ ถ้าใครติดตามเนเน่มานานพอจะรู้ว่าถึงเธอจะเฉลียวฉลาดทันคนทันเกม แต่ก็เป็นคนที่จริงใจและแสดงออกอย่างซื่อตรงมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะกับคนที่เธอรักยิ่งชีวิตอย่างคุณแม่เธอได้แต่พร่ำบอกว่า เก็บเงินไว้อย่าเอามาทุ่มให้ความฝันของหนู เพราะเธอผ่านความลำบากและรู้ค่าของเงินว่าสำคัญสำหรับบ้านเธอมากแค่ไหนที่สุดคนหนึ่ง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะเธอเห็นแฟนคลับเป็นคนสำคัญหนึ่งในชีวิตของเธอ ไม่ต่างจากคนในครอบครัว เธอจึงไม่อยากให้คนที่เธอรักต้องเหนื่อยยากเพื่อเธออีกแล้ว ความคิดของเธอเปลี่ยนไปก็เพราะการได้มีตติ้งกับแฟนคลับที่ทำให้เธอได้สัมผัสแฟนคลับ ได้รับรู้ตัวตนของพวกเขาจริง ๆ ไม่ใช่เพียงอะไรสักอย่างที่อยู่หลังเลนส์ให้เธอสื่อสารในปราสาทของรายการมาตลอด เพราะเห็นคุณค่าของแฟนคลับในฐานะมนุษย์ที่ไม่ใช่ทุกคนจะร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้ เธอจึงให้ความสำคัญกับพวกเขามากกว่าความฝันของเธอ เพราะสำหรับความฝันเธอมั่นใจว่าจะคว้ามาได้ด้วยกำลังและมันสมองของเธอได้นักสักวันอย่างที่เธอบอก
“ไม่ใช่วันนี้ ก็ต้องเป็นพรุ่งนี้ ไม่ก็เดือนหน้า ปีหน้า ไม่ก็ต้องเป็นสักวันหนึ่งข้างหน้า ที่ฉันจะเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างแน่นอน”
ร่วมโหวตให้กำลังใจเนเน่ได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขัน เพื่อส่งสาวไทยหัวใจแกร่งไปสู่ประตูฝันติด 1 ใน 7 อันดับที่ได้เดบิวต์ ได้โดยโหวตผ่านแอปพลิเคชัน WeTV และช่องทางอื่น ๆ ได้แล้วถึงวันที่ 4 ก.ค. นี้ครับ
อ้างอิง
shorturl.at/psxJV
shorturl.at/cinyz
shorturl.at/fpTZ4
shorturl.at/juBEJ
shorturl.at/jltvH
shorturl.at/dzBY1
ภาพจากรายการ Chuang 2020
ภาพจากรายการ AF 10
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส