สำหรับเดือนกรกฎาคมนี้ โปรแกรมสตรีมมิงของ Netflix Thailand ก็ยังอัดแน่นไปด้วยหนังที่น่าสนใจหลาย เรื่องหลายสไตล์ เหมือนคัดมาแล้วว่าจะถูกใจกลุ่มผู้ชมอย่างหลากหลาย เริ่มตั้งแต่แฟน ๆ หนังเก่าหน่อย อย่างแฟรนไชส์ Back to the Future และ Indiana Jones (ขาดแค่ภาค 1 และเข้ามาตั้งแต่เดือนที่แล้ว) ที่ไม่ใช่จะหาดูกันได้ง่าย ๆ หนังที่ชนะรางวัลออสการ์อย่าง Parasite (2019) และ Kramer VS Kramer (1979) และเฉียดมาก ๆ อย่าง La La Land (2016), The Usual Suspect (1996)
หนังบู๊พระเอกเท่ John Wick: Chapter (2017) และ 12 Strong (2018) หนังบู๊เรื่องใหม่ของ Netflix Old Guard นำแสดงโดย Charlize Theron รวมถึงหนังไทยน้ำดี หลายเรื่อง ทั้ง Homestay (2018), จอมขมังเวทย์ 2020 (2019) และ Low Season สุขสันต์วันโสด (2020) เรียกว่าแค่นี้ก็นั่งดูกันไม่หวาดไหวทั้งเดือนแล้วล่ะ ฝั่งซีรีส์ก็มีทั้งซีรีส์ไทย The Maid คนลับใช้, ซีรีส์ญี่ปุ่น Ju-on: Origins และซีรีส์ฝรั่งอย่าง Cursed ไปดูหนังแนะนำในลิสต์กันเลย
LA LA LAND (2016)
หนังที่เฉียดใกล้ออสการ์ที่สุดเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นตัวเต็งและเป็นผู้ชนะอยู่ราว ๆ 2-3 วินาทีก่อนจะมีการประกาศแก้ชื่อเป็นหนัง Moonlight แทน ถึงอย่างนั้น La La Land ก็ยังเป็นผลงานมาสเตอร์พีซของผู้กำกับ Damien Chazelle ที่สร้างบรรยากาศให้หวนนึกถึงหนังเพลงในยุค 60s รวมถึงฉากจบที่แสนปวดร้าว แทบจะพลิกอารมณ์ของหนังทั้งเรื่องให้กลายเป็นหนังเรื่องใหม่เลยทีเดียว
พล็อตเรื่องว่าด้วย “บอยมีทเกิร์ล” ชายหนุ่มหญิงสาวตกหลุมรักกันและฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามต่าง ๆ โดยเฉพาะการไล่ตามความฝันในมหานครแห่งโลกมายาอย่าง L.A. ด้วย หนังเล่าเรื่องสองพาร์ท หลังจากฉากเต้นสุดหวือหวาบนทางด่วนที่รถติดแน่นขนัด พระเอกกับนางเอกก็ได้พบกันครั้งแรกและประทับใจกันแบบพ่อแง่แม่งอน แล้วหนังก็เริ่มจับไปเล่าชีวิตของ Mia นางเอกที่เป็นเพียงเด็กบ้านนอก มาทำงานบาร์เทนเดอร์ร้านกาแฟ และเฝ้าตามความฝันในการเป็นนักแสดงโด่งดัง เธอผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับการไปออดิชั่นแคสติ้งงานต่าง ๆ แต่ก็ไม่เคยท้อใจ จนวันคริสต์มาสที่ทุกอย่างดูไม่เป็นใจเอาเสียเลย เธอก็ได้พบกับชายหนุ่มนักเปียโนแนวแจ๊สในคลับแห่งหนึ่ง ที่จะกลายมาเป็นทั้งแรงบันดาลใจและแรงผลักดันคนสำคัญ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Ryan Gosling, Emma Stone, J.K. Simmons
- ผู้กำกับ: Damien Chazelle (Whiplash, First Man)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30/446 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 91% / 8/10
- รางวัลบนเวทีออสการ์: ชนะ 6 สาขารางวัลออสการ์ (นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Emma Stone), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ทั้งเพลงและสกอร์) และ องค์ประกอบศิลยอดเยี่ยม) และยังเข้าชิงอีก 8 สาขารางวัลออสการ์ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Ryan Gosling), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม (เข้าชิงถึง 2 เพลง คว้ารางวัล 1 เพลง)
BACK TO THE FUTURE TRILOGY (1985-1990)
ในโอกาสที่ปีนี้ หนัง Back to the Future ภาคแรกจะมีอายุครบ 35 ปี ซึ่งคอหนังรุ่นใหม่ที่อายุน้อยกว่า 20 ลงมาอาจจะสงสัยว่า ทำไมรุ่นพ่อรุ่นพี่ถึงได้ยกย่องให้หนัง 3 ภาคนี้เป็นหนังไซไฟแฟนตาซีที่อมตะและครองใจผู้ชมผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน เรื่องราวแสนผจญภัยของ Marty McFly เด็กหนุ่มวัย 17 ที่มีเพื่อนเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง Dr. Emmett Brown ผู้คิดค้นรถยนต์ไทม์แมชชีนที่เดินทางข้ามเวลาได้ ด้วยอุบัติเหตุในวันที่การทดลองสำเร็จผล Dr. เกิดถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เขาไปขโมยอุปกรณ์ของระเบิดนิวเคลียร์มาประดิษฐ์ยานฆ่าตาย Marty เลยต้องย้อนเวลาไป 30 ปีเพื่อเตือนเพื่อนของเขา แต่เขากลับไปพบกับแม่ตัวเอง และแม่ก็ทำท่าว่าจะแอบชอบเขาแทนพ่อ ซึ่งถ้าปล่อยไปตัวตนของเขาก็จะหายไปตลอดกาล
- ชวนอ่าน “ยิ่งเก่ายิ่งดี! รำลึก 35 ปี Back to the Future ทำไมผ่านมาจนวันนี้…หนังก็ยังฮิตตลอดกาล“
- ชวนอ่าน “ชวนย้อนอดีตยุค 80s ชี้เป้าจุดสำคัญใน Back To The Future ที่หลายคนอาจไม่สังเกตเห็น“
- นักแสดง: Michael J. Fox, Christopher Lloyd, Lea Thompson, Crispin Glover, Thomas F. Wilson, Mary Steenburgen, Elisabeth Shue
- ผู้กำกับ: Robert Zemeckis (Forrest Gump, Cast Away, Contact, Flight)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: (ภาคแรก) 19/391 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: (ภาคแรก)96% / 8.5/10
- รางวัลบนเวทีออสการ์: (ภาคแรก) ชนะ 1 สาขารางวัลออสการ์ (วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม) และเข้าชิงอีก 3 สาขารางวัล (บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม)
JOHN WICK: CHAPTER 2 (2017)
หลังจากภาคแรกมีลง Netflix ไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน ภาค 2 ก็ตามมาสำหรับหนังที่ปลุกชีวิตทางการแสดงของ Keanu Reeves ให้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง โดยในภาคนี้หลังจากล้างแค้นชนวนต้นเหตุ “หมาโดนฆ่า” ไปแล้ว หนังเปิดเรื่องมาก็ทวงรถคืนต่อจากมาเฟียเลย ซึ่งจริง ๆ ไม่ต้องเคยดูภาคแรกมาลุยภาคนี้เลยก็รู้เรื่อง เพราะหนังเล่าย้อนภาคก่อนได้ฉลาด แค่บทสนทนาของมาเฟียกับลูกน้องก็เล่าเรื่องภาคแรกจบในตัวเลย
จากเหตุในภาคแรกทำให้วงการก็ได้รู้ว่าเขาไม่ได้วางมืออีกต่อไปส่งผลให้ Santino D’Antonio เจ้าหนี้ผู้ถือตราเลือดของจอห์นมาทวงสัญญาให้ตอบแทนบุญคุณ ซึ่งในวงการถือเป็นกฎที่ห้ามปฏิเสธแต่ John ก็ปฏิเสธ เพราะอยากใช้ชีวิตธรรมดาที่เขาได้รับจากภรรยาคนรัก Santino เลยจัดหนักถล่มบ้าน John จึงเลือกไม่ได้ที่จะต้องกลับมาล้างหนี้เดิมให้ตัวเองเป็นอิสระ และจะได้มีสิทธิ์ฆ่า Santino เพื่อล้างแค้น (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- ชวนอ่าน “10 เหตุผลที่ทำให้ John Wick เป็นหนังบู๊ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ 2010s“
- ชวนอ่าน “รู้หรือไม่…เดิมทีหนังไม่ได้ชื่อ John Wick และเกือบจะไม่มีฉากหมาตาย“
- นักแสดง: Keanu Reeves, Laurence Fishburne, John Leguizamo, Bridget Moynahan, Riccardo Scamarcio, Ian McShane, Ruby Rose, Common
- ผู้กำกับ: Chad Stahelski (John Wick 1-4)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40/171 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 7.5/10
JIGSAW (2017)
เว้นช่วงจากภาคก่อนหน้าถึง 7 ปีถ้านับตามการเรียงลำดับภาค Jigsaw ก็คือภาคที่ 8 ภาคนี้ดูจะเป็นการยกเครื่องเรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นการรีบูตกลาย ๆ หนังได้พี่น้อง Michael และ Peter Spierig มารับหน้าที่กำกับ เจ้าของผลงานหนังไซไฟฟอร์มเล็กแต่บทและแนวคิดของเรื่องน่าสนใจอย่าง Predestination (2014) รวมถึงหนังยังมีภาค 9 เรื่องราวของ ตัวละคร Jigsaw กับ Spiral: From the Book of Saw ที่คงได้ชมกันไปแล้วตอนนี้ ถ้าไม่มีสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้หนังต้องเลื่อนฉายไป 1 ปีเต็มเป็นเดือนพฤษภาคม 2021
หนังเปิดเรื่องมาด้วยเหตุการณ์ระทึก เมื่อมีศพปรากฏขึ้นตามจุดต่าง ๆ ในเมือง เมื่อชันสูตรพบว่ามีหลักฐานหลายจุดยืนยันว่าเป็นฝีมือของจิ๊กซอว์ที่ตายไปแล้วเป็น 10 ปี กลายเป็นปริศนาตัวโต ที่ชวนสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน จากนั้นหนังก็เริ่มเล่าเรื่องราวใน 2 เหตุการณ์คู่ขนาน ฟากหนึ่งคือเหยื่อชุดใหม่ 5 คนของ จิ๊กซอว์ ที่ถูกจับมาเล่นเกมชำระบาป ที่แต่ละด่านจะต้องมีเหยื่อสละชีพ 1 ราย แล้วแต่ละรายก็จะถูกนำไปทิ้งในที่สาธารณะ โยงเรื่องราวอีกฝั่งหนึ่งที่มีนักสืบฮอลโลแรน รับหน้าที่ไขปริศนาคดีนี้ ร่วมกับโลแกน แพทย์ที่ทำหน้าที่ชันสูตรศพ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Matt Passmore, Tobin Bell, Callum Keith Rennie, Hannah Emily Anderson, Hannah Emily Anderson, Laura Vandervoort
- ผู้กำกับ: Michael Spierig and Peter Spierig (Predestination, Daybreakers, Winchester)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 10/102 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 33% / 5.8/10
THE FOREIGNER (2017)
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สัก 10-15 ปีก่อนตอนที่ยังดังสุดขีดกันทั้งคู่ คงไม่มีใครนึกว่ายอดดารานักบู๊ของเอเชียอย่างเฉินหลง จะได้โคจรมาเจอกับพยัคฆ์ร้าย 007 Pierce Brosnan แต่พอเข้าสู่วัยรุ่นเดอะ ทั้งคู่ก็ได้มาปะทะกันในที่สุด แต่คนหนึ่งเป็นตัวดีส่วนอีกคนเป็นตัวร้าย หนังฟอร์มกลางที่ดูเอาบู๊เอาสนุกก็ทำได้ดีพอสมควร แถมยังได้ผู้กำกับอย่าง Martin Campbell ที่มีผลงานเก่าอย่าง James Bond ตอน Goldeneye (1995) (ตอนแรกของ Pierce Brosnan) และ Casino Royale (2006)
Quan อดีตทหารจีนที่ไปร่วมรบกับพวกเวียดกงในสงครามเวียดนาม แล้วแปรพักตร์มาอยู่กับทหารอเมริกัน พอฝ่ายเวียดกงชนะก็เลยโดนจับทรมาน Quan หนีออกมาได้เลยพาเมียและลูกสาวสองคนลงเรือหนีมาฮ่องกง ระหว่างอยู่กลางทะเลโดนโจรสลัดไทยปล้นเรือ ลูกสาวทั้ง 2 โดนฆ่าตาย ชีวิต Quan ระหกระเหินกับเมียจนมาตั้งรกรากในอังกฤษ มีลูกสาวคนใหม่และเปิดร้านอาหารจีน เมียตายตอนคลอดลูก ชีวิตของ Quan เลยมีแค่เขากับลูกสาว เคราะห์ซ้ำกรรมซัดลูกสาวมาตายในเหตุระเบิดกลางกรุงลอนดอน ควอนตามหาตัวผู้รับผิดชอบจนเจอว่าผู้ที่จะให้คำตอบเขาได้คือ Liam Hennessy รัฐมนตรีช่วยตัวแทนของไอร์แลนด์ ที่น่าจะมีส่วนพัวพันกับเหตุระเบิดด้วย Quan พยายามตื๊อขอชื่อมือระเบิดแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เขาเลยฟื้นวิญญาณนักรบใช้ไม้แข็งกับ Liam เพื่อบีบบังคับให้เขาเผยชื่อมือระเบิดที่ฆ่าลูกสาวของเขา (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Jackie Chan, Pierce Brosnan, Katie Leung, Lia Williams, Aaron Monaghan
- ผู้กำกับ: Martin Campbell (James Bond (Goldeneye, Casino Royale), The Mask of Zorro)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 35/145 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 65% / 7/10
12 STRONG (2018)
ก่อนที่จะมาปังมาก ๆ ในหนังนำเดี่ยว (หากไม่นับหนัง Thor ทุกภาค) อย่าง Extraction ของ Netflix พี่หมี Chris Hemsworth ก็เคยมีหนังบู๊ที่รับบทเป็นทหารในสงครามสุดมันอยู่เหมือนกัน (ที่น่าเสียดายไม่ค่อยดัง) อย่าง 12 Strong หนังอ้างอิงจากเหตุการณ์จริง เล่าวีรกรรมที่ไม่ถูกเปิดเผยของทหารกล้า 12 นายหน่วย ODA 595 ที่อาสาเป็นแนวหน้าหน่วยแรกไปโจมตีกลับต่อกลุ่มตาลีบัน หลังโศกนาฏกรรมช็อกโลก 9/11 กัปตัน Mitch Nelson หัวหน้าหน่วยได้รับมอบหมายภารกิจให้นำทหารติดตาม 11 นายไปสนับสนุนกับกองทหารพันธมิตรท้องถิ่นในอัฟกานิสถานที่นำโดยนายพล Dostum ที่เป็นปรปักษ์กับพวกตาลีบัน ทั้งหมดจะต้องเข้ายึดเมืองมาซาร์ อี ชารีฟ ที่เคยเป็นที่มั่นของกลุ่มพันธมิตรในอัฟกานิสถานคืนจากตาลีบัน เพื่อไม่ให้ตาลีบันแผ่ขยายอำนาจและจะทำให้มีการโจมตีสหรัฐฯ ในครั้งต่อไป (อ่านรีวีวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Chris Hemsworth, Michael Shannon, Michael Peña, Navid Negahban, Trevante Rhode
- ผู้กำกับ: Nicolai Fuglsigs
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 35/67 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 50% / 6.6/10
DEATH WISH (2018)
ผลงานของผู้กำกับรุ่นใหม่ฝีมือเยี่ยมอีกคนของวงการอย่าง Eli Roth เดิมทีนิยายเรื่อง Death Wish (1972) เคยถูกดัดแปลงเป็นหนังแอ็กชันแนวศาลเตี้ยชื่อดังออกฉายปี 1974 (ชื่อไทย ล้างบัญชียมบาล) และส่งให้ชื่อ Charles Bronson ดาราหนุ่มเคราเฟิ้มมาดนิ่งโด่งดังเป็นพลุแต่กจนมีแฟรนไชส์หนังของตัวเองถึง 4 ภาค โดยสิ่งที่น่าสนใจคือการดัดแปลงแต่ละครั้งตัวละครหลักอย่าง Paul Kersey มีอาชีพไม่ตรงกับหนังสือสักเรื่อง โดยในหนังสือ Paul มีอาชีพเป็น นักบัญชี แต่หนังฉบับชาร์ล บรอนสัน มีอาชีพเป็น วิศวกร ส่วนฉบับล่าสุดของ Bruce Willis กลับกลายเป็นหมอ ซึ่งก็ทำให้เกิดธีมบางอย่างที่น่าสนใจขึ้นกับ Death Wish ฉบับปี 2018 ไม่น้อยเลยทีเดียว
เรื่องราวของ Death Wish เวอร์ชันนี้ยังคงอ้างอิงตามโครงเดิม ว่าด้วยคุณหมอดวงซวยอย่าง Paul Kersey ที่ถูกโจรบุกบ้านในคืนที่เขาติดงานด่วน โดยพวกโจรใจเหี้ยมฆ่า Lucy ภรรยาของเขา และทำร้าย Jordan ลูกสาวของเขาจนโคม่า ด้วยความคับแค้นใจที่นักสืบ Kevin Raines ไม่สามารถตามตัวคนร้ายได้ เขาจึงเริ่มออกไล่ล่าคนชั่วจนตัวเองเสพติดความรุนแรง ในขณะเดียวกันสังคมก็เริ่มตั้งคำถามถึงการเป็นศาลเตี้ยของเขาว่าเป็นสิทธิ์ในการทวงความยุติธรรมหรือเป็นการลดความน่าเชื่อถือของกฎหมายกันแน่ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Bruce Willis, Elisabeth Shue, Dean Norris, Vincent D’Onofrio
- ผู้กำกับ: Eli Roth (The House with a Clock in Its Walls, Hostel 1-2, Cabin Fever)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30/49 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 18% / 6.4/10
KRAMER VS. KRAMER (1979)
ก่อนที่จะมีหนังที่เล่าเรื่องราวความแตกสลายของชีวิตครอบครัวที่แสนร้าวร้านอย่าง Marriage Story (2019) เมื่อ 40 ปีก่อนก็เคยมีหนังที่นำเสนอเรื่องราวแสนสะเทือนใจเกี่ยวกับการใช้ชีวิตครอบครัว และเป็นหนังขายการแสดงที่ทำให้นักแสดงนำของเรื่องคว้าออสการ์ทั้งคู่ (Dustin Hoffman และ Meryl Streep) รวมถึงหนังยังส่งนักแสดงเข้าชิงทั้ง 4 สาขารางวัลของนักแสดงครบถ้วนทั้งหมดอีกด้วย
เรื่องราวของ Ted วัยหนุ่มที่กำลังมีชีวิตรุ่งโรจน์ทางด้านการงาน แต่ชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อถูก Joanna ภรรยาของเขาทิ้งไป เนื่องจากเท็ดไม่มีเวลาให้ ทำให้เท็ดต้องทำงานและเลี้ยงลูกด้วยตนเอง จนเมื่อชีวิตกำลังจะกลับมาตั้งตัวได้ ภรรยาของเขาก็ฟ้องศาลเพื่อขอใช้สิทธิในการเลี้ยงลูกของเธอคืน หนังได้นำเสนอเรื่องราวของพระเอก ที่หลังจากที่เขาแยกทางกับภรรยา เขาต้องพบกับความจริงว่าเขาไม่เคยดูแลลูก และครอบครัว แต่ด้วยสถานะคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวจำเป็นก็บังคับให้เขาต้องทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะต้องทำมาก่อน และผลของเด็กที่ถูกกระทำจากพ่อแม่ไม่ต่างไปจากสิ่งของที่ถูกแย่งชิงไปมา
- นักแสดง: Dustin Hoffman, Meryl Streep, Jane Alexander, Justin Henry, Howard Duff
- ผู้กำกับ: Robert Benton (Still of the Night, Places in the Heart, Nobody’s Fool, The Human Stain)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 8/106 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 88% / 7.8/10
- รางวัลบนเวทีออสการ์: ชนะ 5 สาขารางวัลออสการ์ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Dustin Hoffman), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Meryl Streep), ผู้กำกับยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) และเข้าชิงอีก 4 สาขารางวัลออสการ์ (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Justin Henry), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Jane Alexander), ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และตัดต่อยอดเยี่ยม))
HOMESTAY (2018)
“มึงได้รางวัลนะ” ผู้ชายท่าทางลึกลับที่เรียกตัวเองว่า “ผู้คุม” บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็ก ม.ปลายที่ชื่อ “มิน” ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรี ๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร?” ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตายและจากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล…นี่คือเรื่องราวที่เป็นจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
ในวันเดียวกันกับที่ปล่อยฉายใน Netflix (และอยู่ในช่วงที่ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติคำแปลภาษาไทยของ Homstay ว่า “เรือนแรม”!) ค่ายหนัง GDH ก็ได้ปล่อย Deleted Scene หรือฉากที่ถูกตัดออกและไม่ได้ใช้ในฉบับฉายโรงออกมาด้วยกัน 5 ฉาก ซึ่งเราได้แปะไว้ให้ด้านล่างนี้และตามไปดูอีก 4 ฉากที่รวมไว้ในลิสต์ของ YouTube Channel ของ GDH ได้เลย
- นักแสดง: ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, เฌอปราง อารีย์กุล, ศรุดา เกียรติวราวุธ, สู่ขวัญ บูลกุล, โรจ ควันธรรม, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, นพชัย ชัยนาม
- ผู้กำกับ: ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ (ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ, แฝด, 4 แพร่ง ตอน คนกลาง, 5 แพร่ง ตอน คนกอง)
- รายรับรวม: 68 ล้านบาท
- iMDB Rating: 7.4/10
LOW SEASON สุขสันต์วันโสด (2020)
“หลิน” สาววัยรุ่นที่โสดด้วยเหตุผลที่แปลกกว่าชาวบ้าน เพราะว่าเห็นผี! จนโดยผู้ชายเท เธอจึงจัดทริปลุยเดี่ยวไปรักษาแผลใจ ถึง กิ่วแม่ปาน จังหวัดเชียงใหม่ ที่นั่นเธอได้เจอกับ “พุธ” บิวตี้บล็อกเกอร์ (?) และนักเขียนบทหนังที่ไอเดียตันและรักคุดมาเหมือนกัน โพรเจกต์หนังเรื่องใหม่จะต้องได้คนเห็นผีมาช่วยออกไอเดียพอดิบพอดี พุธและหลินได้ไปรวมตัวกับโฮมเสตย์แห่ง “คนโสด” ที่มาดามแผลใจและมาเที่ยวให้อุ่นในเมืองหนาวเพื่อคลายเหงา
หนังรักอารมณ์ดีของพระเอกพันล้าน “มาริโอ เมาเร่อ” ที่เคยฝากผลงานหนังรักอย่างสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารักกับค่ายสหมงคลฟิล์มเดียวกันนี้มาแล้ว ส่วนนางเอกก็เป็นการประเดิมผลงานการแสดงครั้งแรกของพลอยไพลิน ตั้งประภาพร เจ้าของเพจชื่อดัง “พลอยเรียนจบแล้วไปทำอะไรต่อ?” ซึ่งทีมงานใช้เวลาแคสติงนักแสดงมารับบทนี้ถึง 2 ปีเลยทีเดียว หนังทำรายได้ก่อนปิดช่วงโควิดไปเยอะพอสมควรเทียบกับหนังรักของไทยที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักช่วงหลัง ๆ ที่ 38 ล้านบาท (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: มาริโอ เมาเร่อ, พลอยไพลิน ตั้งประภาพร, กิดาการ ฉัตรแก้วมณี, อัครินทร์ อัครนิธิเมธ, ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์, ศกลรัตน์ วรอุไร, ณฉัตร จันทพันธ์, นาคร ศิลาชัย, ศุภกร กิจสุวรรณ
- ผู้กำกับ: นฤบดี เวชกรรม (สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี)
- รายรับรวม: 40.85 ล้านบาท
SERIES JU-ON: ORIGINS (2020) – ORIGINAL CONTENT
Netflix ส่งออริจินัลซีรีส์ฝั่งเอเชียที่ฝรั่งก็รู้จักดีอย่าง JU-ON หรือ The Grudge ที่เคยเป็นภาพยนตร์ทั้งญี่ปุ่นและรีเมกโดยฮอลลีวูดมาแล้ว ด้วยจำนวนตอนเพียง 6 ตอน และความยาวแต่ละตอนก็เพียง 20-30 นาที ก็เรียกได้ว่าไม่ฝืนความอดทนคนดูที่ไม่ชอบอะไรยืดเยื้อเกินไป แถมด้วยความยาวที่ลงตัวนี้ก็ทำให้งานโพรดักชันละเมียดสวยจับตาด้วยแสง-ความมืด และการออกแบบสีในฉากที่ทำให้หนังผีเรื่องนี้ดูคลาสสูงขึ้นทันที
เนื้อเรื่องอ้างอิงว่านี่เป็นฉบับ Origins หรือจุดกำเนิด โดยมีตัวละครหลัก ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องก็ได้แก่ ดาราสาวหน้าใหม่ที่แฟนหนุ่มถูกผีร้ายติดตามหลังเขาไปดูบ้านหลังนี้เพื่อทำเรือนหอ, นักเขียนเรื่องเล่าสยองขวัญที่พยายามเสาะหาบ้านหลังนี้ด้วยแรงขับบางอย่างที่เขาก็นึกไม่ออก, เด็กสาววัยรุ่นที่ถูกข่มขืนในบ้านหลังนี้จนตั้งท้องและชีวิตพังทลาย, เหล่าผู้อยู่อาศัยบ้านหลังนี้ในปัจจุบันที่บ้างก็รู้ประวัติแต่ไม่สนใจ และบ้างก็ไม่รู้อะไรเลย โดยที่ว่ามาทั้งหมดก็ล้วนถูกครอบงำด้วยวิญญาณหญิงสาวที่อุ้มทารก และพยายามสื่อสารบางอย่างกับคนที่เข้ามาในบ้าน (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Yoshiyoshi Arakawa, Yuina Kuroshima
- ผู้สร้าง: Shô Miyake
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 82% / 6.4/10
SERIES THE MAID (2020) – ORIGINAL CONTENT ดูได้ 9 ก.ค.
“จอย” สาวใช้คนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในคฤหาสน์หรูได้ไม่นาน แต่ต้องพบกับหญิงสาวปริศนาที่คอยตามหลอกหลอนเธอ และคนในคฤหาสน์สั่งห้ามถามถึงการมีอยู่ของสาวปริศนาคนนี้โดยเด็ดขาด ผู้มารับบทจอยคือ พลอย ศรนรินทร์ หนึ่งในนักแสดงหญิงที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์แนวสยองขวัญอย่าง อาปัติ (2558), สยามสแควร์ (2560), ผีโทรศัพท์ (2561) และ สิงสู่ (2561) สมทบด้วย ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล และพิงค์กี้-สาวิกา ไชยเดช ซีรีส์เรื่องนี้ที่มีชื่อไทยว่า “สาวลับใช้” เป็นผลงานกำกับของ ผลงานกำกับโดย ลี ทองคำ เจ้าของผลงานภาพยนตร์สัตว์ประหลาดอย่าง The Lake บึงกาฬ (2019) (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: พลอย ศรนรินทร์, ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล, พิงค์กี้-สาวิกา ไชยเดช
- ผู้กำกับ: ลี ทองคำ (The Lake บึงกาฬ)
LITTLE WOMEN (2019) – ดูได้ 9 ก.ค.
หนังจากผู้กำกับหญิงที่มาแรงที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้อย่าง Greta Gerwig ที่ปีก่อนส่งหนัง Lady Bird เข้าชิงหลายรางวัล หนังดัดแปลงจากนิยายที่ใช้ชื่อไทยว่า “สี่ดรุณี” เคยดัดแปลงเป็นหนังมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งที่ดังและมีคนจดจำได้มากที่สุดคือ ฉบับปี 1994 ซึ่งนำแสดงโดยนักแสดงวัยรุ่น (ในเวลานั้น) ชื่อดัง ทั้ง Winona Ryder, Kirsten Dunst, Claire Danes และ Christian Bale
ส่วนในฉบับนี้ก็ยังได้นักแสดงชื่อดังของยุคมานำแสดงทั้ง Emma Watson, Saoirse Ronan, Timothée Chalamet สมทบด้วยนักแสดงระดับเทพผู้เคยทั้งได้รับรางวัลและเข้าชิงออสการ์ทั้ง Meryl Streep, Laura Dern และ Chris Cooper เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องกับการตัดสินใจครั้งที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต ที่จะออกจากบ้านเพื่อจะมาใช้ชีวิตตามความฝันของแต่ละคนกันเองในช่วงที่สหรัฐฯ เพิ่งผ่านพ้นจากสงครามกลางเมืองมาไม่นาน โดยหนังจะเป็นตัวแทนของความ “เฟมินิสต์” และความหัวขบถของหญิงวัยรุ่น ที่แหกกรอบความเชื่อและคตินิยมของคนในยุคสมัยนั้น (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Emma Watson, Saoirse Ronan, Florence PughTimothée Chalamet, Meryl Streep, Laura Dern, Chris Cooper
- ผู้กำกับ: Greta Gerwig (Lady Bird)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40 / 209 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 7.9/10
- รางวัลบนเวทีออสการ์: ชนะ 1 สาขารางวัลออสการ์ (ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม) และเข้าชิงอีก 5 สาขารางวัลออสการ์ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Saoirse Rona), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Florence Pugh), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม)
THE OLD GUARD (2020) – ORIGINAL CONTENT ดูได้ 10 ก.ค.
ขึ้นแท่นราชินีนักบู๊อีกคนของวงการฮอลลีวูดไปแล้วสำหรับ Charlize Theron ที่ขอมาตอกย้ำอีกสักเรื่องกับ Old Guard หนึ่งในหลายโพรเจกต์ที่เธอจะอำนวยการสร้างกับ Netflix หนังว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มมนุษย์ที่มีชีวิตเป็นอมตะกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง นำโดยนักรบหญิง Andy ทุกคนต่อสู้เพื่อปกป้องโลกมนุษย์มาเป็นเวลาหลายร้อยปี แล้ววันหนึ่งเธอต้องนำทีมไปทำภารกิจฉุกเฉิน หลังจากมีมนุษย์อมตะคนใหม่เกิดขึ้นมาและอาจทำให้ความลับของพวกเขาถูกเปิดเผย Andy กับ Nile ซึ่งเป็นนักรบคนล่าสุดต้องช่วยคนในกลุ่มกำจัดต้องหาทางยับยั้งแผนการร้ายของคนที่ต้องการสร้างให้ตัวเองมีชีวิตแบบเดียวกับพวกเขา แต่นำพลังที่มีไปใช้ในทางที่ผิด (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Charlize Theron, KiKi Layne, Chiwetel Ejiofor, Matthias Schoenaerts, Chiwetel Ejiofor
- ผู้กำกับ: Gina Prince-Bythewood (The Secret Life of Bees, Beyond the Lights)
จอมขมังเวทย์ 2020 (2019) – ดูได้ 16 ก.ค.
หนังไทยภาคต่อที่ทิ้งห่างจากภาคแรกในปี 2548 ถึง 14 ปี ซึ่งในเวลานั้นหนังยังอยู่กับค่ายอาวองท์ ของอาร์เอสฟิล์ม นำแสดงโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช และกอล์ฟ-อัครา อมาตยกุล ประสบความสำเร็จพอประมาณกับการบอกเล่าเกี่ยวกับไสยศาสตร์อาคมและการเล่นของ ซึ่งในเวลานั้นเป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ ที่ในภาค 2020 นี้เขาก็ได้กลับมากำกับด้วย รวมถึงยังได้นักแสดงนำอย่าง ฉัตรชัย เปล่งพานิช กลับมารับบทตัวละครเดิมที่ยังไม่ตายเสียอย่างนั้น สมทบด้วยนักแสดงชื่อดังจากโทรทัศน์อย่าง หมาก-ปริญ สุภารัตน์, ก็อต-จิรายุ ตันตระกูล และสินจัย เปล่งพานิช
หลังพ่อถูกฆ่าตาย “วิน” ไอ้หนุ่มนักมวยสุมไฟแค้นออกตามล่าตัวฆาตกร จนได้พบกับองค์กรพลังจักรวาลที่นำโดย “ครูเมย์” ไลฟ์โค้ชสาวใหญ่ผู้มีเบื้องหลังเป็นผู้ค้าวัตถุไสยเวทย์ และ “ก็อต” มือขวาครูเมย์ที่ช่วยตามล่าสินค้า โดยทั้งคู่ได้ตกเป็นเป้าหมายสำคัญของวิน ที่หวังออกตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อเขาเพียงเพื่อชิงเหล็กไหลวัตถุมงคลมากพุทธคุณ และสงครามอาคมครั้งนี้ได้นำ “หมวดการ์ตูน” มือปราบสาวไฟแรงที่ต้องมาต่อกรกับสงครามมนตร์ดำครั้งนี้ แต่เมื่อศึกเริ่มสะเด็ดน้ำ “อิทธิ” อดีตผู้กองจอมขมังเวทย์ในตำนานก็ปรากฎตัว แต่สงครามไสยศาสตร์คราวนี้จะจบลงเช่นไรต้องติดตาม (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: ฉัตรชัย เปล่งพานิช, หมาก-ปริญ สุภารัตน์, ก็อต-จิรายุ ตันตระกูล, สินจัย เปล่งพานิช
- ผู้กำกับ: ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ (ฮาชิมะโปรเจกต์, ผีไม้จิ้มฟัน, แฟนเก่า, แฟนใหม่)
- รายรับรวม: 23.24 ล้านบาท
THE USUAL SUSPECTS (1995) – ดูได้ 16 ก.ค.
หนังที่แจ้งเกิดผู้กำกับ Bryan Singer ให้โลดแล่นในวงการภาพยนตร์จนได้กำกับหนังดัง ๆ อย่าง X-Men (2000), Valkyrie (2008) และ Bohemian Raphsody (2018) และยังเป็นหนังอาชญากรรมที่มีตอนจบหักมุมที่สุดเรื่องหนึ่งของวงการภาพยนตร์ (ต้องให้เครดิต Christopher McQuarrie ผู้กำกับ Mission Impossible ภาค 5-8) รวมถึงเป็นหนังที่เสริมบารมีนักแสดง Kevin Spacey และ Benicio Del Toro อีกด้วย
เรื่องราวหลังเหตุการณ์ระเบิดบนเรือลำหนึ่งที่ท่าเรือซานเปโตร มีผู้เสียชีวิต 27 คน เหลือรอดอยู่เพียง 2 คน คนหนึ่งเป็นคนฮังกาเรียนถูกไฟครอกเสียจนเกรียมไปทั้งตัว จนพูดหรือทำอะไรไม่ได้ เอาแต่ร้องเสียงหลงว่า Keyser Söze ทำให้ตำรวจอย่างเจ้าหน้าที่พิเศษ Dave Kujan แห่งกรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่ FBI Jack Baer ที่ติดตามคดีนี้ อยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่า Keyser Söze คือใครกันแน่?
- นักแสดง: Kevin Spacey, Benicio Del Toro, Kevin Pollak, Gabriel Byrne, Stephen Baldwin
- ผู้กำกับ: Bryan Singer (X-Men, Valkyrie, Bohemian Rhapsody)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 6/23 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 8.5/10
- รางวัลบนเวทีออสการ์: ชนะ 2 สาขารางวัลออสการ์ (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Kevin Spacey) และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม)
SERIES CURSED (2020) – ดูได้ 17 ก.ค.
ถ้ายังไม่เบื่อเรื่องราวตำนานของ King Arthur และอัศวินโต๊ะกลมที่ถูกตีความแล้วตีความอีกมาหลายรอบ และเชื่อมั่นในผลงานการสร้างของทีม Netflix หนังเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นความหวังใหม่ของตำนานเรื่องนี้ Katherine Langford ที่โด่งดังจากซีรีส์ Netflix 13 Reason Why และได้เล่นเป็นลูกของ Tony Stark ตอนโตในฉากที่ถูกตัดออกไปของ Avengers: Endgame (2019) มารับบทเป็นยอดหญิงนักรบในซีรีส์ Cursed
สร้างจากนิยายภาพในชื่อเดียวกันของ Frank Miller จาก 300 (2006) และ Sin City (2005) ที่สร้างสรรค์ร่วมกันกับทอม Tom Wheeler ผู้เขียนบท Puss in Boots (2011) หยิบเอาตำนานอัศวินโต๊ะกลมมาตีความใหม่ โดยให้ Langford รับบทเป็นแม่มดสายนิมูผู้มีพลังพิเศษลึกลับ และอาจได้เป็นผู้ครอบครองดาบกายสิทธิ์เอ็กซ์คาลิเบอร์ (หวังว่าซีรีส์จะประสบความสำเร็จตามรอย The Witcher) (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Katherine Langford, Devon Terrell, Gustaf Skarsgård, Zak Holland, Sebastian Armesto, Shalom Brune-Franklin
- ผู้สร้าง: Frank Miller & Tom Wheeler
BAD BOY FOR LIFE (2020) – ดูได้ 23 ก.ค.
กลายเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดของปี 2020 จนถึงตอนนี้ เพราะเข้าฉายแบบทำเงินถล่มทลายก่อนโควิด-19 ลุกโลก สำหรับการกลับมาในรอบ 17 ปีกับตำรวจคู่หูคู่ฮา Mike และ Marcus ในภารกิจบู๊สนั่นที่อาจจะกลายเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเขา Marcus นั้นพร้อมเกษียณตัวเองจากวงการตำรวจ แต่ต้องกลับมาลุยอีกครั้งเมื่อ Mike ตกเป็นเป้าสังหารของแก๊งพ่อค้ายาเสพติดที่โหดร้าย ทำให้เขาต้องกลับมาเพื่อช่วยเหลือเพื่อนรัก (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
ภาค 1 และภาค 2 เป็นหนังฮิตระเบิดในปี 1995 และ 2003 เป็นหนังที่แจ้งเกิดให้กับผู้กำกับอย่าง Michael Bay ซึ่งน่าเสียดายที่เขาไม่ได้กลับมากำกับในภาคนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Adil El Arbi และ Bilall Fallah สองผู้กำกับหน้าใหม่ชาวโมร็อกโก ดีกรีรางวัลดิสคัฟเวอรี อวอร์ด จากเทศกาลหนังโตรอนโตปี 2015 แต่ยังคงอำนวยการสร้างโดย Jerry Bruckheimer เหมือนเดิม
- นักแสดง: Will Smith, Martin Lawrence, Alexander Ludwig, Vanessa Hudgens
- ผู้กำกับ: Adil El Arbi, Bilall Fallah
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 90/419 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 77% / 6.7/10
PARASITE (2019) – ดูได้ 25 ก.ค.
พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของภาพยนตร์ออสการ์และชนะเลิศรางวัลสูงสุดของเทศกาลหนังเมืองคานส์เรื่องล่าสุดและหนังเกาหลีใต้เรื่องเดียวที่ทำได้ตลอดมากันได้เลย เรื่องราวชีวิตเส็งเคร็งของคิมกีวู (ชเว วู-ชิก) เหมือนส้มหล่นเมื่อเขาได้เข้าไปสวมบทติวเตอร์ให้บ้านมหาเศรษฐีตระกูลปาร์คแทนเพื่อนที่ไปเรียนเมืองนอก ด้วยเห็นช่องทางทำมาหากิน เขาจึงเริ่มแผนการพาสมาชิกในบ้ายของตัวเอง เข้ามาอาศัยครอบครัวมีอันจะกินหลังนี้ เป็นแหล่งทำเงินเพื่อหวังหลุดจากชีวิตอันแสนแร้นแค้น เริ่มจากให้ คิมคิ-จอง (พัคโซดัม) น้องสาวเข้ามาสวมบทครูศิลปะให้ลูกชายคนเล็ก ให้ คิมกีแท็ก (ซงคังโฮ) พ่อของเขามาเป็นโชเฟอร์ให้คุณผู้ชาย และคิมชุงซุค (จัง ฮเยจิน) คนแม่เข้ามาเป็นแม่บ้าน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือความลับบางอย่างที่ มุนกวัง (อี จอง-อึน) แม่บ้านคนเก่าแอบซ่อนไว้ที่กลายเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่อาจพลิกชะตาครอบครัวกำมะลอไปตลอดกาล (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: ชเว วู-ชิก, พัคโซดัม, ซงคังโฮ, จัง ฮเยจิน, อี จอง-อึน
- ผู้กำกับ: บงจุนโฮ (Snowpiercer, Okja, The Host)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 11.4/257 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 99% / 8.6/10
- รางวัลบนเวทีออสการ์: ชนะ 4 สาขารางวัลออสการ์ (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม) และเข้าชิงอีก 2 สาขารางวัล (องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม และตัดต่อยอดเยี่ยม)
RAMPANT (2018) – ดูได้ 31 ก.ค.
หนัง “นครนรกซอมบี้คลั่ง” ที่เข้าฉายก่อนซีรีส์ Netflix อย่าง Kingdom และก็มีเนื้อเรื่องที่คล้ายกันมาก ส่วนความสนุกนั้นก็ไม่ยิ่งหยอ่นไปกว่ากัน เรื่องราวในยุคสมัยโชซอนภายใต้การดูแลของราชวงศ์ชิง ซึ่งองค์ชาย “กังลิม” (ฮยอนบิน) โอรสคนเล็กเจ้าสำราญของกษัตริย์ ถูกพี่ชายเรียกตัวกลับมาที่โชซอนเพื่อช่วยกอบกู้สถานการณ์หลังจากมีความขัดแย้งภายในวัง นำโดยเสนาบดีคนสนิทของจักรพรรดิ์อย่าง คิม จาจุน” (จางดงกอน) ที่คิดก่อกบฏและเบื้องลึกปรารถนาที่จะขึ้นครอบครองบัลลังก์เป็นพระราชาแห่งโซชอนคนใหม่ แต่ขณะที่กังลิมกลับมายังบ้านเกิด หารู้ไม่ว่า ที่เมืองแห่งนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ทำให้ชาวบ้านกลายเป็นซอมบี้ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: ฮยอนบิน, คิมแทอู, จางดงกอน, อีซอนบิน, คิมอึยซอง, โจอูจิน
- ผู้กำกับ: คิมซองฮุน
- รายรับรวมทั่วโลก: 12 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 62% / 6.3/10
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส