Jamie Foxx เป็นอีกหนึ่งนักแสดงผิวดำที่เล่นได้ทั้งหนังเมนสตรีม (ส่วนใหญ่จะแอ็กชัน) และหนังขายการแสดง ระดับเคยคว้าออสการ์มาแล้วจาก Ray (2004) ซึ่งเรื่องนั้นเขาก็รับบทเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงอย่างนักร้องตาบอดอัจฉริยะ Ray Charles แต่ช่วงหลังเขาไม่ได้หวนกลับไปเล่นหนังที่มีบทบาทบนเวทีล่ารางวัลเท่าไร นี่อาจจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะโชว์ฝีมืออีกครั้ง ในหนังอัตชีวประวัติของนักมวยจอมกัดหูผู้อื้อฉาวอย่าง Mike Tyson ชื่อเรื่องว่า Finding Mike
แม้ว่าจะผิวดำเหมือนกันแต่ก็อาจจะมีคนตั้งข้อสงสัยว่า Jamie Foxx ดูไม่เหมือน Mike Tyson เสียทีเดียว (Foxx ต้องเข้ากระบวนการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเพื่อให้สูงใหญ่ใกล้เคียงตัวจริง ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนที่ไม่ง่ายอย่างแน่นอน) เทียบกันกับตอนที่ Will Smith มารับบทเป็น Muhammad Ali ในหนัง Ali (2001) ก็ยังจะเหมือนจริงกว่า (เรื่องนั้น Jamie Foxx ก็เล่นอยู่ด้วยในบทพี่เลี้ยงนักมวย Drew ‘Bundini’ Brown) ถ้าอย่างนั้น อะไรคือเหตุผลที่เขาคนนี้เหมาะจะมารับบทเป็น Tyson?
เหตุผลก็เพราะ Jamie Foxx นั้นเป็นนักแสดงชั้นยอดที่สามารถฝึกฝนและเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างหนักเพื่อจะได้เข้าถึงบทบาทเสมอ ตอนที่รับเล่นหนังเรื่อง Ray นั้น เขาก็ยังเป็นเพียงนักแสดงตัวประกอบที่มักได้รับบทตลกอยู่เสมอ ซึ่งพอสามารถเล่นเป็น Ray Charles ได้อย่างยอดเยี่ยมและลบภาพของความเป็น Jamie Foxx ไปได้จนหมด รางวัลออสการ์จึงตกเป็นของเขา นอกจากนั้นแล้ว ในหนังที่เขาทำได้ดีในการพลิกบทมาแสดงก็อย่างเช่น Any Given Sunday (1999), Collateral (2004) และ Miami Vice (2006)
Finding Mike ยังไม่มีผู้เขียนบทและผู้กำกับในตอนนี้ แม้ว่าจะมีการประกาศสร้างมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีชื่อผู้กำกับอย่าง Martin Scorsese เข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนจะถอนตัวไปกำกับ Killers of The Flower Moon ให้ Netflix แต่ Foxx ได้เจรจาเพื่อแสดงเป็น Tyson มาตั้งแต่แรกและยังไม่หนีไปไหน เพราะนักแสดงวัย 52 ก็เป็นเพื่อนกับนักมวยระดับโลกวัย 53 มาตั้งแต่ยุค 80s ช่วงที่ Tyson กำลังโด่งดังถึงขีดสุด Foxx จึงแทบจะไม่ต้องค้นคว้าหาข้อมูลหรือต้องไปคุยกับนักมวยต้นเรื่องเจ้าของชีวประวัติของหนัง เพราะเขาอยู่ร่วมชีวิตกับเพื่อนตั้งแต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดจนถึงจุดต่ำสุดตลอด 30 ปีที่ผ่านมาอยู่แล้ว
หนังจะเล่าเรื่องราวของ Mike Tyson ตั้งแต่การเป็นแชมป์โลกในวัยเพียง 20 ปี ผ่านจุดที่มีชื่อเสียงที่สุดขนาดที่ Nintendo เกมกดแห่งยุค 90s นำเขาไปเป็นตัวละครในเกม Mike Tyson’s Punch Out ก่อนจะเสียแชมป์อย่างช็อกความรู้สึกแฟน ๆ ในช่วงต้นทศวรรษ 90s และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำในความผิดฐานข่มขืน หลังออกจากคุกในปี 1997 เขาก็ทำลายชื่อเสียงตัวเองอีกรอบด้วยการกัดเข้าที่หูของคู่ต่อสู้ Evander Holyfield ชีวิตของ Tyson จึงเป็นวัตถุดิบชั้นดีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายที่จะนำมาทำเป็นหนังดราม่านั่นเอง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส