ประสบการณ์ในการชมภาพยนตร์สำหรับคอหนังหลายคน นอกจากจะเข้าไปตื่นตาตื่นใจกับแสง สี เสียง สุดบันเทิงและแสนตื่นเต้น เรื่องราวของภาพยนตร์ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้หนังโด่งดังและถูกจดจำ หนังอีกประเภทหนึ่งที่จะถูกทำให้จดจำได้ หากเล่าเรื่องและกำกับออกมาได้ดี ก็คือหนังเนื้อเรื่อง “หักมุม” (Plot Twists) ที่เหล่าคนดูจะจดจำได้ว่าเคยโดนหลอกเข้าอย่างจัง เมื่อสิ่งคนดูเข้าใจหรือจดจำได้ก่อนจะถึงจุดหักมุมนั้น แทบเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่หนังเฉลยในตอนเกือบท้ายเรื่อง
วันนี้ What the Fact ขอนำเสนอ 12 หนังหักมุมเรื่องเยี่ยมที่ถูกจดจำตลอดกาลตามทรรศนะของเว็บไซต์หนัง Screenrant และ Screencrush แน่นอนว่า ยังมีหนังหักมุมอีกมากที่เล่นเอาคนดูอย่างเรา ๆ เสียหลัก แต่ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในลิสต์นี้ที่ถ้ามีโอกาสก็จะเอามานำเสนอต่อไป แต่เอาแค่ว่า ถ้า 12 เรื่องนี้ยังดูไม่ครบ ก็อยากให้ลองไปตามหามาดูกัน แล้วสุดยอดหนังหักมุมในใจคุณอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้
(ในย่อหน้าสุดท้ายของแต่ละเรื่อง จะมีการชวนคุย สปอยล์ถึงจุดหักเหสำคัญของแต่ละเรื่อง ถ้ายังไม่ได้ดูหรือไม่อยากรู้ แนะนำให้ข้ามย่อหน้านั้นไป)
Murder On The Orient Express (2017)
- นักแสดง: Kenneth Branagh, Johnny Depp, Daisy Ridley, Michelle Pfeiffer, Judi Dench, Penélope Cruz, Willem Dafoe, Olivia Colman
- ผู้กำกับ: Kenneth Branagh (Thor, Cinderella, Hamlet)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 55/352 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 61% / 6.5/10
- เรื่องย่อ: เรื่องราวคดีฆาตกรรมบนรถไฟสายด่วนพิเศษเส้นทางจากอิสตันบูลไปยังท่ากาเลส์ของฝรั่งเศส ซึ่งเกิดเหตุฆาตกรรมปริศนาขึ้นในรถไฟขบวนหรูดังกล่าว โดยมียอดนักสืบ Hercule Poirot ที่บังเอิญร่วมเดินทางมาด้วยพอดี และพบว่าการคือฆาตกรรมครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสะเทือนขวัญที่มีเด็กถูกลักพาตัวและฆาตกรรมอำพรางก่อนหน้านี้ พร้อมกันนั้น โจทย์สำคัญคือ Poirot จะต้องพยายามสืบหาตัวคนร้ายที่อยู่ท่ามกลางผู้โดยสารร่วมขบวนทั้ง 13 รายนี้ให้ได้ก่อนที่รถด่วนขบวนนี้จะเดินทางถึงฝรั่งเศส (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: นิยายฆาตกรรมของ Agatha Christie นั้นขึ้นชื่อเรื่องการเฉลยปมปริศนาในคดีต่าง ๆ อย่างหักมุม ชวนช็อกเป็นปกติอยู่แล้ว แต่กับเรื่องนี้ที่เป็นหนึ่งในนิยายที่โด่งดังที่สุดของเธอ ถูกเขียนมาตั้งแต่ 100 ปีก่อน ถูกนำมาสร้างเป็นหนังมาแล้วเวอร์ชันปี 1974 และเป็นซีรีส์อีกหลายครั้ง ไม่ได้เฉลยเพียงแค่ว่า ฆาตกรเป็นใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนบนขบวนรถด่วนต่างเป็นผู้ร่วมฆาตกรรมเหยื่อรายเดียวที่สมควรตายด้วยประการทั้งปวง ถึงขนาดที่ตัวละคร Poirot กล่าวในเรื่องว่า เขาไม่สามารถตัดสินความถูกผิดในคดีนี้ จากเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ได้ เพราะทุกคนต่างได้รับบาดแผลฉกรรจ์จากผู้ตายทั้งสิ้น
Harry Potter And The Deathly Hallows Part Two (2011)
- นักแสดง: Daniel Radcliffe, Emma Watson, Gary Oldman, Ralph Fiennes, Alan Rickman, Helena Bonham Carter, John Hurt, Michael Gambon, Domhnall Gleeson, Helena Bonham Carter
- ผู้กำกับ: David Yates (Haryy Potter 5-7, Fantastic Beasts 1-2, The Legend of Tarzan)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 125/1,361 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 96% / 8.1/10
- เรื่องย่อ: บทสรุปตลอดหนังสือทั้ง 7 เล่มของวรรณกรรมเยาวชนที่โด่งดังที่สุดในศตวรรษที่ 21 อย่างพ่อมดน้อย Harry Potter ที่แบ่งเรื่องราวของหนังสือเล่มที่ 7 The Deadly Hallows ออกเป็น 2 ตอน มาถึงในนี้ Part 2 หลังจาก Harry, Ron และ Hermione ออกตระเวนทำลายฮอร์ครักซ์ทั้งหมด 7 ชิ้นที่จอมมาร Lord Voldemort ถอดบางส่วนของจิตแยกเก็บไว้เพื่อไม่ให้ใครทำลายเขาลงได้ แต่สุดท้าย ฮอร์ครักซ์ชิ้นที่ 7 ก็คือตัว Harry เอง พวกเขาจึงต้องกลับไปรอเผชิญหน้ากับจอมมารและลูกสมุนที่เตรียมบุกโรงเรียนฮอว์กวอร์ตร่วมกับเพื่อนทั้งโรงเรียนและพันธมิตร อันจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของธรรมะและอธรรม
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: จุดหักมุมสุดแสนสะเทือนใจนี่ปรากฏตั้งแต่ในเวอร์ชันหนังสือ เมื่อแท้จริงแล้วตัวละคร Severus Snape ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาและไม่ชอบขี้หน้า Harry Potter มาตั้งแต่ภาคแรก คือคนที่คอยปกป้อง Harry มาตลอดจาก Lord Voldemort ด้วยการทำตัวเป็นสายลับสองหน้า ยอมรับเป็นสายให้กับเจ้าแห่งศาสตร์มืดแล้วก็หักหลัง มาเข้าแผนกับ Dumbledore อีกที
ซึ่งขนาด Dumbledore เองที่คอยปกป้อง Harry และขัดขวางการกลับมามีอำนาจของ Voldemort ในหลาย ๆ ครั้งก็ยังเลือกไม่เสี่ยง และยอมจะสละชีวิต Harry ก่อนถ้าจำเป็น ต่างจาก Snape ที่ยอมสละชีวิตตัวเองเหนือการมหาศึกทั้งหมด เหตุผลก็เป็นเพราะเขาหลงรัก Lily แม่ของ Harry มาตลอดแม่เธอจะตายจากไปแล้ว Harry (และคนดู) มารู้ความจริงจากหยดน้ำตาสุดท้ายในวาระสุดท้ายของ Snape ที่บรรจุความทรงจำของเขาเอาไว้
The Prestige (2006)
- นักแสดง: Hugh Jackman, Christian Bale, Michael Caine, Scarlett Johansson, Rebecca Hall, David Bowie
- ผู้กำกับ: Christopher Nolan (Inception, Interstellar, Insomnia)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40/109 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 76% / 8.5/10
- เรื่องย่อ: สองนักมายากลที่เคยเป็นเพื่อนกันอย่าง Alfred Borden และ Robert Angier เกิดต้องมาแตกหักกัน เมื่ออัลเฟรดทำให้คนรักของ Robert ต้องจบชีวิตอย่างไม่ตั้งใจ Robert จึงหาทางล้างแค้นทำลายการแสดงของ Alfred ก่อเกิดเป็นการจองเวรทำลายการแสดงของอีกฝั่งกันไปกันมา ทั้งด้วยเล่กลมนตร์คาถาชนิดที่เกทับบลัฟแหลก จนกลายเป็นสู้กันด้วยวิธีสกปรกไปในที่สุด
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังของ Christopher Nolan ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ในเรื่องของพล็อตที่ไม่ธรรมดา ทั้งการเปิดโอกาสให้คนดูต้องคาดเดาถาม หรือการหลอกให้เชื่อว่าเป็นแบบหนึ่ง แต่ความจริงเป็นอีกแบบหนึ่ง เช่นเดียวกับ The Prestige ที่เป็นหนังหักมุมซ้อนหักมุมอีกที เมื่อเรื่องในองก์หลังเป็นการแข่งกันของสองนักมายากลที่เล่นกลเกี่ยวกับการปรากฎตัวสองคนในเวลาเดียวกัน
ก่อนที่หนังจะเฉลยว่า Alfred Borden มีพี่น้องฝาแฝดอีกคนถึงทำได้แบบนั้น หนังก็หักมุมไปอีกชั้น (ซึ่งแฟนตาซีหลุดความจริงไปแล้วล่ะนะ) เมื่อ Robert Angier ค้นพบวิธีการโคลนนิงตัวเองได้ (จากความช่วยเหลือจาก Nikola Tesla) ด้วยตู้ไฟฟ้าที่ก็อปปี้ร่างมนุษย์ได้ ความน่าสะพรึงก็คือ เมื่อร่างก็อปปี้เกิดขึ้น ร่างจริงจะต้องถูกกำจัดให้ตายไปเรื่อย ๆ โดยให้หล่นลงไปในตู้กระจกที่เติมน้ำไว้เต็ม
The Others (2001)
- นักแสดง: Nicole Kidman, Fionnula Flanagan, Christopher Eccleston, Alakina Mann, James Bentley
- ผู้กำกับ: Alejandro Amenábar (The Sea Inside, Agora)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 17 / 209 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 83% / 7.6/10
- เรื่องย่อ: ณ เกาะชาเนลที่ตั้งอยู่ระหว่างประเทศอังกฤษกับฝรั่งเศส ในปี 1945 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีคฤหาสน์ทรงวิคตอเรียนเก่าแก่หลังใหญ่อยู่หลังหนึ่ง เจ้าของคฤหาสน์เป็นหญิงสาวชื่อ Grace เธออาศัยอยู่ที่นี่พร้อมกับ Anne ลูกสาว และ Nicolas ลูกชาย ตามลำพัง ขณะที่สามีของเธอไปรบในสงครามและไม่มีข่าวคราวใด ๆ ส่งมา ลูก ๆ ของเธอทั้งสองเป็นโรคแพ้แสงแดดอย่างรุนแรง ดังนั้นแสงสว่างในบ้านจะมีได้ก็จากตะเกียงเท่านั้น ส่วน Grace เองไม่ได้ติดต่อกับโลกภายนอกมานานแล้ว
- ต่อมาไม่นาน ได้เกิดเรื่องประหลาดขึ้นภายในบ้าน เช่น เปียโนบรรเลงโดยไม่มีคนเล่น, ประตูหรือผ้าม่านเปิดปิดได้เอง และมีเสียงคนแปลก ๆ บนชั้นบนของบ้าน เธอเพิ่งนึกได้ว่าที่แท้แล้วเธอไม่ได้ลงประกาศใด ๆ ในหนังสือพิมพ์ แต่หนึ่งในนั้น บอกว่า พวกตนเคยมาทำงานที่นี่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ปริศนาต่าง ๆ นำไปสู่เรื่องราวชวนขนหัวลุก
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: ตั้งแต่อ่านเรื่องย่อ หลายคนอาจจะรู้สึกทะแม่ง ๆ และพอเดาได้ว่าหนังมาในมุกคนเป็นผีสลับกับผีเป็นคน จริง ๆ แล้ว คนที่เห็นในเรื่องทั้งหมดคือผี และอะไรที่ดูจะเป็นผีในเรื่องก็คือ สิ่งที่เกิดจากการกระทำของคนที่อีกด้านของมิติวิญญาณ ซึ่งความหักมุมก็มาปรากฎในฉากสุดท้ายของเรื่องเลย มีคนเอาไปเปรียบเทียบกับ The Sixth Sense (1999) ที่ออกฉายก่อนหน้า 2 ปีที่เล่นมุกนี้เหมือนกันกัน รวมถึงก็ทำให้นึกถึงหนังไทยอย่าง เป็นชู้กับผี (พ.ศ. 2549) ของผู้กำกับวิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง หนังแนวนี้ถ้าเฉลยแล้วก็จะไม่หักมุมอีก แต่ความเป็นตำนานก็เกิดจากบรรยากาศสุดสะพรึงที่หนังทำได้ดีด้วย
(อ่านต่อหน้าถัดไป)
Memento (2000)
- นักแสดง: Guy Pearce, Carrie-Anne Moss, Joe Pantoliano
- ผู้กำกับ: Christopher Nolan (Inception, Interstellar, Insomnia)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 9 / 39 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 93% / 8.4/10
- เรื่องย่อ: Leonard ชายหนุ่มความจำสั้น เขาต้องประสบกับเหตุคนร้ายบุกมาข่มขืนภรรยาตัวเอง และใช้ไม้ทุบหัวทำให้เขาความจำเสื่อม เป็นเหตุให้เขาสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ขึ้นมาไม่ได้ ภาพจำสุดท้ายของเขาก็คือ ฉากที่เห็นภรรยาของตัวเองกำลังโดนโจรทำร้าย Leonard จึงต้องใช้การถ่ายภาพ และรอยสักเป็นตัวเตือนความจำว่าตัวเองคือใคร กำลังทำอะไรอยู่ โดยมีเป้าหมายสำคัญก็คือ สืบหาตัวคนร้ายที่ฆ่าภรรยาเขาให้ได้
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังอลังการตั้งแต่วิธีการเล่าเรื่อง “จากท้ายมาต้น” สุดล้ำที่ทำให้ Christopher Nolan ที่ยังไม่มีชื่อเสียงในเวลานั้นถูกจับตามองในวงการหนังขึ้นมาทันที และด้วยการเล่าเรื่องรูปแบบนี้ ก็ทำให้หนังหลอกคนดูสำเร็จจากส่วนของเนื้อเรื่องที่ยังไม่ได้ถูกบอกไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะปะติดปะต่อข้อมูลได้ว่า คนดูก็โดนหลอกไปถึงไคลแม็กซ์แล้ว คอหนังถูกตบหน้าด้วยความจริงที่ว่า ภรรยาของ Leonard นั้นตายไปนานแล้ว เธอขอให้เขาฉีดอินซูลินให้จนเกินขนาดและ Leonard ก็จำอะไรไม่ได้ พอเมียตายเลยเสียใจจนสร้างความทรงจำปลอมว่าเธอถูกโจรทำร้าย แถมหนังก็ยังตลกร้ายอีกขั้นตรงที่มีตัวละคร Teddy ตำรวจที่รู้ว่า Leonard ป่วยโดยโรคนี้ จึงฉวยโอกาสยืมมือ Leonard ไปฆ่าคนที่ตัวเองอยากให้ตาย
Fight Club (1999)
- นักแสดง: Edward Norton, Brad Pitt, Helena Bonham Carter, Meat Loaf, Richmond Arquette
- ผู้กำกับ: David Fincher (Se7en, Gone Girl, The Game)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 63/103 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 79% / 8.8/10
- เรื่องย่อ: ชายหนุ่มนิรนามพนักงานออฟฟิศชนชั้นกลางที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองแสนน่าเบื่อ ต้องทำงานซ้ำ ๆ ไร้ความท้าทาย ถูกตีกรอบให้ต้องเป็นหรือต้องมีเหมือนคนอื่น ๆ จนวันหนึ่งเกิดเหตุให้ชีวิตของเขาไม่เหลืออะไรสักอย่าง และได้เจอกับ Tyler Durden ชายหนุ่มหล่อเท่ผู้ไม่ยึดติดกับวัตถุใด ๆ สักอย่าง ชวนมาแลกหมัด ได้เห็นเลือดสด ๆ ไหลออกมาจากปาก ได้รับการปลดปล่อย ผ่อนคลายสบายใจ เขาจึงชวนกันก่อตั้ง Fight Club ชมรมมวยใต้ดินที่เปิดโอกาสให้คนแปลกหน้าที่รู้สึกถูกกดขี่และมีชีวิตแสนจำเจได้มาปลดปล่อย จนภายหลังขยายตัวเป็นแก๊งอาชญากรรมที่วางแผนทำลายระบบทุนนิยม สถาบันการเงิน และธนาคารยักษ์ใหญ่ให้พังทลายเพื่อรีเซตให้ทุกคนในสังคมเท่ากันหมด
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังเป็นผลงานของผู้กำกับจอมทำหนังหักมุมและมีสไตล์อีกคนของวงการอย่าง David Fincher หนึ่งในหนังบุคคลสองบุคคลิกที่เริ่มมีให้คอหนังได้ชมกันก็ในยุค 90s นี้เอง ที่ก็ต้องยอมรับว่าในหนังเกือบทุกเรื่องที่เฉลยมาถึงจุดที่ว่า คนหนึ่งคนที่ได้เห็นมาตลอดทั้งเรื่องมีบุคคลิกหนึ่งซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึกภายใน
เรื่องนี้ต่างออกไปหน่อยตรงที่คนสองคนที่ได้เห็น ทั้ง Tylor Durden และชายหนุ่มนิรนามที่เป็นผู้บรรยายของเรื่องนั้นเป็นคนเดียวกัน ตัวเขาในช่วงกลางวันคือคนธรรมดาที่มีชีวิตตามปกติ แต่เมื่อตกกลางคืนเขาคุยกับตัวเองและสร้างภาพ Tylor ในมุมมืดขึ้นมา ทำเรื่องต่างตามที่จิตใต้สำนึกของตนเองคิด ที่ผ่านมาสิ่งต่าง ๆ ที่เขาทำร่วมกับ Tylor คือเขาทำมันเพียงคนเดียว ถ้าใครชอบแนวนี้ ต้องไปดูหนังอย่าง Primal Fear (1996), Identity (2002) หรือหนังแนวนี้เรื่องล่า ๆ อย่าง Split (2016)
The Sixth Sense (1999)
- นักแสดง: Bruce Willis, Haley Joel Osment, Toni Collette, Olivia Williams, Trevor Morgan
- ผู้กำกับ: M. Night Shyamalan (Glass, Sign, The Village)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40/672 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 86% / 8.1/10
- เรื่องย่อ: Malcolm Crowe จิตแพทย์เด็กชื่อดังของเมืองฟิลาเดลเฟีย อาศัยอยู่กับภรรยาเพียงสองคน คืนหนึ่ง มีผู้บุกรุกเข้าบ้านของเขา ปรากฏว่าเป็นอดีตคนไข้ของมัลคอล์มและได้ยิงมัลคอล์มด้วยปืนเข้าหนึ่งนัด หนึ่งปีผ่านไป ในฤดูใบไม้ร่วง Malcolm ก็ได้พบกับ Cole Sear เด็กชายวัย 9 ขวบ ที่เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใครและดูเหมือนว่ามีความลับอะไรเก็บงำอยู่ โดย Cole อยู่กับ Lynn แม่ของเขาเพียงสองคน ตามร่างกายของ Cole มักมีบาดแผลปรากฏเสมอ Mulcolm เชื่อว่าคงเกิดจากการทุบตีของแม่ แต่เมื่อ Cole ได้บอกความจริงให้ฟัง Mulcolm ก็ยังไม่เชื่อจนเมื่อเขาได้เจอกับเหตุการณ์ลี้ลับนี้กับตัวเอง
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: ถ้าให้ลิสต์รายชื่อหนังหักมุมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดตลอดกาล จะไม่มีเรื่องนี้อยู่ไม่ได้เด็ดขาด เพราะการหักมุมคือกุญแจของความสำเร็จทั้งคำวิจารณ์และรายได้ของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ และขณะเดียวกันถ้าใครมาเล่าหรือสปอยล์ให้ฟังว่า Mulcolm จริง ๆ แล้วไม่ใช่คนแต่เป็นผีมาตลอดทั้งเรื่อง ตอนที่ยังไม่ได้ดูและกำลังจะไปดู คงจะโกรธเพื่อนคนนั้นไปอีกนาน ความเด็ดของหนังก็คือ การซ่อนนัยหรือสัญญะต่าง ๆ ให้คนดูเห็นหลายที่ตลอดเรื่องว่าเขาตายไปแล้ว (เมื่อกลับมาย้อนดูก็จะเห็น) แต่คนดูดันไม่เห็นเองนี่สิ The Sixth Sense แจ้งเกิดผู้กำกับเชื้อสายอินเดีย M. Night Shyamalan ให้ได้ทำหนังดัง ๆ ทั้งรุ่งบ้างร่วงบ้างอีกมากมาย
The Usual Suspects (1995)
- นักแสดง: Kevin Spacey, Benicio Del Toro, Kevin Pollak, Gabriel Byrne, Stephen Baldwin
- ผู้กำกับ: Bryan Singer (X-Men, Valkyrie, Bohemian Rhapsody)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 6/23 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 8.5/10
- เรื่องย่อ: เรื่องราวหลังเหตุการณ์ระเบิดบนเรือลำหนึ่งที่ท่าเรือซานเปโตร มีผู้เสียชีวิต 27 คน เหลือรอดอยู่เพียง 2 คน คนหนึ่งคือ Verbal ผู้เป็นคนเล่าเรื่องนี้ อีกคนเป็นคนฮังกาเรียนถูกไฟคลอกเสียจนเกรียมไปทั้งตัว จนพูดหรือทำอะไรไม่ได้ เอาแต่ร้องเสียงหลงว่า Keyser Söze ทำให้ตำรวจอย่างเจ้าหน้าที่พิเศษ Dave Kujan แห่งกรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่ FBI Jack Baer ที่ติดตามคดีนี้ อยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่า Keyser Söze คือใครกันแน่? เพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีตัวตนอยู่จริง ๆ ตามคำบอกเล่าของผู้รอดชีวิต และ Kujan ก็มั่นใจว่า คนร้ายน่าจะเป็น Keaton ตัวละครที่จัดฉากเหตุการณ์ระเบิดทั้งหมดในเรื่อง
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: ฉากชวนช็อกก็มาเปิดเผยตอนที่ Verbal เดินออกจากห้องสอบสวนไป แล้ว Kujan ถึงมารู้ว่า สารพัดชื่อและสถานที่ต่าง ๆ ที่เล่าเป็นฉาก ๆ นั้นมาจากข่าวต่าง ๆ ที่ Kujan แปะไว้ด้านหลังโต๊ะทำงานที่ใช้สอบสวน Verbal นั่นเอง และจากที่บอกว่าตัวเองขาเป๋และมือพิการ มาถึงตอนนี้ก็กลายเป็นคนขาปกติ มือปกติแถมจุดบุหรี่สูบได้อีกต่างหาก คนดูก็เดาไม่ยากแล้วว่า Verbal ก็คือ Keyser Söze ตัวจริง ซึ่งก็มีคอหนังบางส่วนบอกว่า รู้ปมเฉลยนี้ตั้งแต่ 30 นาทีแรกของเรื่องแล้ว
แต่สิ่งที่น่าสนใจและเอาไปคิดต่อกันได้อีกหลายตลบคือ ส่วนไหนในเรื่องที่ Verbal เล่าบ้างที่เป็นจริง? และก็อาจมีบางส่วนที่รู้สึกว่า โดนหลอกมาทั้งเรื่องเพื่อฟังคนบ้านี่พูดอยู่คนเดียวเนี่ยนะ? (รับบทอย่างยอดเยี่ยมโดย Kevin Spacey ที่คว้าออสการ์ไปเลย และอีกรางวัลคือบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมโดย Christopher McQuarrie)
(อ่านต่อหน้าถัดไป)
Star Wars V: The Empire Strikes Back (1980)
- นักแสดง: Mark Hamill, Harrison Ford, Carrie Fisher, Alec Guinness, Billy Dee Williams
- ผู้กำกับ: Irvin Kershner (007: Never Say Never Again, RoboCop 2, Eyes of Laura Mars)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 18 / 547 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 94 / 8.7/10
- เรื่องย่อ: แม้ดาวมรณะจะถูกทำลายลง ทหารของจักรวรรดิก็ได้ต้อนกบฏจากฐานลับและตามล่าพวกเขาไปสุดขอบจักรวาล ในการหลบหลีกกองทัพจักรวรรดิ กลุ่มกบฏนำโดย Luke Skywalker ได้สร้างฐานลับขึ้นใหม่บนดาวน้ำแข็ง Darth Vader ผู้ชั่วร้ายซึ่งมุ่งมั่นที่จะหาตัวสกายวอล์คเกอร์ ได้ส่งหุ่นสอดแนมนับพันไปในห้วงอวกาศ เมื่อหาพบก็ได้ส่งกองกำลังโจมตีจนฝ่ายกบฏต้องหลบหนีไป Luke ก็ได้แยกตัวออกไปตามหาปรมาจารย์เจไดโยดา บนดาวเดโกบาห์ ตามคำบอกของ Obi-Wan ส่วน Han Solo ต้องพาเจ้าหญิง Leia หนีการตามล่าของยาน Star Destroyer ของฝ่ายจักรวรรดิ จนเกิดความเสียหายกับยานมิลเลเนียมฟอลคอน ทำให้ไม่สามารถใช้ Hyper Space (อุปกรณ์เร่งความเร็วสู่ความเร็วแสง) ได้ จึงไปพักซ่อมยานที่ นครเมฆา ที่มีเพื่อนเก่าของฮัน โซโล คือ Lando Calrissian อยู่ โดยหารู้ไม่ว่าที่นี่ได้ถูก Darth Vaderควบคุมไว้เรียบร้อยแล้ว
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: คงไม่ต้องบอกอะไรกันให้มากสำหรับจุดหักมุมในหนังไซไฟสงครามดวงดาวที่คลาสสิกตลอดกาลอย่าง Star Wars ภาคแรกก็ดังมากและมาเสริมความดังไปอีกด้วยภาคนี้ ซึ่งหลายคนยกย่องให้เป็นภาคที่ดีที่สุด George Lucas ผู้อำนวยการสร้างก็อยากทำให้ภาคนี้ออกมามืดหม่นที่สุดด้วย และที่ทำอย่างนั้นได้ จุดหักมุมจากประโยค ๆ เดียวของตัวร้าย Darth Vader ก็ทำให้หนักดาร์กสมใจกับประโยคที่เขาพูดกับ Luke ว่า “I am Your Father” พอผ่านมาจนถึงวันนี้ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่า Luke คือลูกของ Anakin Skywalker ที่กลายเป็น Darth Vader จากเรื่องราวในไตรภาคเรื่องราวแรกที่นำมาสร้างช่วง 1999-2005 แต่ลองนึกย้อนไปว่า คนที่ดู The Empires Strikes Back ครั้งแรกจะช็อกแค่ไหน อารมณ์เหมือนเฉลยว่า Harry Potter เป็นลูก Lord Voldermot ประมาณนั้นเลย
Soylent Green (1973)
- นักแสดง: Charlton Heston, Edward G. Robinson, Leigh Taylor-Young, Chuck Connors, Joseph Cotten
- ผู้กำกับ: Richard Fleischer (20,000 Leagues Under the Sea, Tora! Tora! Tora!, The Vikings)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: (ไม่มีการบันทึกไว้)
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 71% / 7.1/ 10
- เรื่องย่อ: ตามท้องเรื่องบอกว่าเมื่อถึงปี ค.ศ 2022 โลกจะสูญสิ้นทรัพยากรธรรมชาติไปทั้งหมด แผ่นดิน แผ่นน้ำจะเป็นพิษ ไม่สามารถเพาะปลูกพืชพันธุ์และเพาะเลี้ยงสัตว์ อากาศและท้องฟ้าจะเต็มด้วยผงฝุ่นพิษ ทั้งโลกไม่มีป่าไม้ให้เห็น จะมีต้นไม้เหลืออยู่เพียงต้นเดียวหย่อมเดียว ถูกปิดล้อมครอบคลุมไว้ด้วยโดมขนาดใหญ่ ภายในทำเป็นสวนสาธารณะแห่งเดียวในมหานครนิวยอร์ก บรรดามวลมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ต้องต่อสู้ ดิ้นรน ไปกับบรรยากาศอันน่าสยดสยอง จนสุดท้ายต้องหันมาปรับทัศนะคติหรือปรับพฤติกรรมทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการหันมากินเนื้อคนด้วยกันเอง นอกจากนั้นยังเกิดพฤติกรรม Euthanasia หรือพฤติกรรมของการฆ่าตัวตายด้วยความสมัครใจ
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: จากจินตนาการในนิยายวิทยาศาสตร์ เรื่อง “Make Room! Make Room! ของ นักเขียนอเมริกัน Harry Harrison บทเฉลยของหนังในตอนจบเรื่องที่พระเอกตะโกนออกมาจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ตัวเขาถูกจับยัดเข้าไปอยู่ร่วมกับมนุษย์ที่กลายเป็น“เหยื่อ” คนอื่น ๆ คนดูต้องต้องมีเสียววาบเข้าไปในใจกันหลายคน อาหารเม็ดชั้นเลิศของคนในหนังก็คือ Soylent Green นักสืบ Thorn (รับบทโดยนักแสดงดัง Charlton Heston ตามสืบเสาะไขความด้วยความสงสัยว่า Soylent Green ที่โฆษณาว่าทำจากสาหร่ายน้ำลึกในมหาสมุทรบางชนิดนั้น ที่จริงแล้วทำจากวัตถุดิบอะไร ก่อนความจริงจะกระจ่างในฉากสุดท้ายของเรื่องที่เขาบอกว่า “บอกพวกเขาด้วย Soylent Green ทำจากเนื้อมนุษย์!!”
Psycho (1960)
- นักแสดง: Janet Leigh, Anthony Perkins, Vera Miles, John Gavin
- ผู้กำกับ: Alfred Hitchcock (Virtigo, North by Northwest, Rope)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 806,947 เหรียญฯ / 32 ล้านเหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 96% / 8.5/10
- เรื่องย่อ: หนังสยองขวัญในตำนานเกี่ยวกับเลขาสาวที่ขโมยเงินจากบริษัท และหอบเงินหนีไปหาชู้รัก ระหว่างทางเกิดฝนตกหนัก เธอจึงตัดสินใจแวะพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นที่โรงแรงลึกลับสยองขวัญแห่งนี้
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังสยองขวัญที่ยากจะได้เข้าชิงออสการ์ แต่ด้วยฝีมือระดับพระกาฬก็ทำให้หนังได้เข้าชิงถึง 4 รางวัล เช่น ผู้กำกับยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Janet Leigh) และก็เป็นหนังที่ทำให้คนในยุคหลังรู้จัก Alfred Hitchcock มากที่สุดด้วย จุดหักมุมแรกคือ ตัวละครที่คนดูคิดว่า น่าจะเป็นนางเอกของเรื่องถูกฆ่าตายตั้งแต่ตอนต้นของหนัง จากนั้นหนังก็เดินเรื่องต่อด้วย Lila Crane ที่ออกตามหาพี่สาวซึ่งโดนประกาศจับเรื่องขโมยเงินด้วย แต่เมื่อพบว่า Marion Crane อาจเคยพักที่โรงแรมของ Norman Bates เธอจึงร่วมมือกับคนอื่น ๆ ตามหาความจริง แต่แม่ของ Norman ก็ฆ่าคนที่มาสืบคดีไปจำนวนหนึ่ง สุดท้ายเรื่องราวก็เฉลยออกมาว่า แท้จริงแล้วฆาตกรคือ Norman ผู้มีอาการทางจิต ใส่เสื้อผ้าของแม่แล้วออกไล่ฆ่าคนนั่นเอง
Citizen Kane (1941)
- นักแสดง: Joseph Cotten, Dorothy Comingore, Agnes Moorehead, Agnes Moorehead, Ray Collins
- ผู้กำกับ: Orson Welles (Touch of Evil, The Lade from Shanghai, The Trial)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 839,727 เหรียญฯ / 1,594,107 เหรียญฯ
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 100% / 8.3/10
- เรื่องย่อ: หนังเปิดเรื่องมาด้วยฉากที่นาย Charles Foster Kane ผู้ที่ชราภาพมากแล้ว สิ้นใจลงบนเตียงในคฤหาสน์ที่ใหญ่โตของตนเอง โดยทิ้งคำพูดสั้น ๆ สุดท้ายที่เป็นปริศนาว่า “Rosebud” เขาเป็นเจ้าของธุรกิจสื่อยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลมากในสหรัฐยุคนั้น ช่วงบั้นปลายชีวิตเขาสร้างคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (Xanadu) และกว้านซื้อสมบัติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นหรืองานศิลป์หลากหลายเพื่อนำมาเป็นของสะสมส่วนตัว หลังจากการจากไปของ Kane สำนักข่าวแห่งหนึ่งสงสัยว่า คำพูด Rosebud นั้น มีความหมายถึงอะไร หลายคนเดาว่า อาจหมายถึงผู้หญิง เพราะความรักไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน ท้ายที่สุดหาข้อสรุปไม่ได้จึงส่งนักข่าวหนุ่มคนหนึ่งออกสืบเรื่องราวเพื่อหาคำตอบที่แท้จริงของ Rosebud
(สปอยล์) หักมุมอย่างอลังการตรงที่: หนังที่ติดอันดับหนังที่ดีที่สุดในโลกของการจัดอันดับหลาย ๆ เจ้า การดำเนินเรื่องหลักของหนังเรื่องนี้คือการที่นักข่าวหนุ่มไปเยี่ยมเยียนผู้คนต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของ Kane ในหลายช่วงวัย นักข่าว (และผู้ชม) ก็ต่างค่อย ๆ รู้ความเป็นมาของชีวิต Kane ตามลำดับเวลาตั้งแต่เด็ก จุดหักมุมที่ถูกกล่าวขานอยู่ในฉากสุดท้ายของหนัง เมื่อคนกลุ่มหนึ่งกำลังโยนสิ่งสะสมที่ไร้ค่าของ Kane เข้าไปในเตาเผา ในมือของคนงานคนหนึ่ง เป็นเลื่อนหิมะเก่า ๆ บนเลื่อนหิมะนั้นมีตัวอักษรเขียนว่า Rosebud แล้วเขาก็โยนเลื่อนเข้าเตาเผาไป
กลายเป็นว่า Rosebud ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ ชื่อคนที่เขาโหยหาก่อนตาย แต่เป็นของแสนธรรมดาที่เป็นตัวแทนในวัยเด็กของ Kane ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถที่จะซื้อสิ่งของทุกอย่างในโลก แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ และเขาเองก็ไม่ได้ต้องการความรักจากผู้หญิงคนใดด้วย แต่สิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตเขาคือวัยเด็ก และความรักจากพ่อแม่ Kane อาจคิดว่า ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนรวย และใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ในบ้านนอกเหมือนที่ควรจะเป็น สุดท้ายในชีวิตเขาอาจมีความสุขกว่าการได้เป็นคนที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของสหรัฐอเมริกาก็ได้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส