ถือเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการภาพยนตร์โลก เมื่อ Chadwick Boseman นักแสดงผู้รับบทฝ่าบาท T’Challa ในหนัง Black Panther (2018) และเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลมาร์เวล ได้เสียชีวิตลงจากโรคมะเร็งลำไส้ด้วยอายุเพียง 42 ปี เขาได้รับการตรวจพบโรคนี้ตั้งแต่ปี 2016 (ช่วงถ่ายทำหนัง Black Panther) แต่ไม่ได้เปิดเผยให้คนทั่วไปรู้ ก่อนที่ช่วงปีที่แล้วซึ่งเขาเดินทางมาถ่ายทำหนัง Da 5 Bloods (2020) ของ Netflix ที่ประเทศไทย เริ่มปรากฏภาพร่างกายที่ซูบผอมลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่นั้น ทำให้หลายคนสงสัยว่า เขาป่วยหรือเพียงแค่ลดน้ำหนักเพื่อเตรียมรับบทในหนังเรื่องใหม่
What the Fact ขอร่วมแสดงความเสียใจต่อครอบครัว และแฟนหนังของ Boseman ทั่วโลก ด้วยการรำลึกถึง 10 บทบาทจากหนัง 10 เรื่องที่น่าจดจำตลอดชีวิตการแสดงของเขา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่บทบาท Black Panther หนังซูเปอร์ฮีโรผิวดำคนแรกที่มีหนังเดี่ยวเป็นของตัวเอง และทำรายได้ในฐานะภาคแยกเดี่ยวสูงที่สุดในสหรัฐฯ เหนือซูเปอร์ฮีโรคนอื่น ๆ และเหนือ Avengers: Infinity War (2018) โดยในตอนนี้เขายังเหลือผลงานการแสดง Ma Rainey’s Black Bottom ที่ร่วมแสดงกับ Viola Davis ถ่ายทำเสร็จแล้ว อยู่ 1 เรื่อง และมีคิวจะพากย์เสียงแอนิเมชันสำหรับฉายทาง Disney+ เรื่อง What If…? ที่เป็นจักรวาลคู่ขนานของ MCU
DA 5 BLOODS (2020)
ผลงานเรื่องสุดท้ายก่อนเสียชีวิตของ Boseman ซึ่งก็น่าภูมิใจสำหรับตัวเขาที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับระดับตำนานอีกคนของวงการอย่าง Spike Lee ในหนังที่สตรีมให้ชมกันทาง Netflix เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเรื่องนี้ได้เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยด้วย ที่จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, นนทบุรี, สมุทรสงคราม, ราชบุรี และกาญจนบุรี แต่ก็น่าเสียดายที่ในตัวอย่างหนังนั้นบอกว่าเหตุการณ์เกิดที่เวียดนาม (แฟน ๆ ชาวไทยก็มีโอกาสได้ถ่ายรูปลงโซเชียลกับ Boseman ช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปี 2019 ซึ่งก็จะเห็นว่าเขาซูบผอมลงกว่าที่เป็นมา)
หนังเล่าเรื่องของทหารผ่านศึกสัญชาติแอฟริกัน-อเมริกัน 4 คนที่กลับไปยังประเทศเวียดนาม เพื่อตามหาศพของผู้บัญชาการหน่วยรบของพวกเขา (Boseman เล่นเป็นตัวละครทหารในอดีต) และสมบัติที่ถูกฝังเอาไว้ สถานการณ์ของหนังครึ่งแรกเลยจะตัดสลับระหว่างเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เหล่าสหาย Bloods 4 คนที่เหลือเดินทางกลับมาที่เวียดนามในเวลาเกือบครึ่งศตวรรษเพื่อจะพบว่าความขัดแย้งและผลพวงของสงครามยังคงอยู่ กับภาพย้อนอดีตที่ซ้อนทับกับเหตุการณ์ปัจจุบันเพื่อปูให้เห็นจุดมุ่งหมายของตัวละครที่ต้องการกลับมาหาทองที่พวกเขาฝังไว้พร้อมศพของทหารร่วมรบ และการเข้าไปเกี่ยวพันกับธุรกิจมืดเพื่อให้พวกเขาสามารถขนทองออกจากเวียดนามได้ (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง (คนอื่น ๆ): Jean Reno, Delroy Lindo, Clarke Peters, Isiah Whitlock Jr., Paul Walter Hauser
- ผู้กำกับ: Spike Lee (BlacKkKlansman, Inside Man, Malcolm X)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน: ไม่มีการเปิดเผยจาก Netflix
21 BRIDGES (2019)
หนังที่เป็นผลงานการอำนวยการสร้างของสองพี่น้องผู้กำกับ Russo จาก Avengers 2 ภาคหลัง อาจไม่ได้ฮิตเปรี้ยงเหมือน Extraction (2020) ที่พวกเขาอำนวยการสร้างและนำแสดงโดย Chris Hemsworth จาก Avengers เหมือนกัน ก็เป็นไปได้ว่า การสร้างและตัวผู้กำกับอาจยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไรนัก แต่ก็พอจะเรียกได้ว่าเป็นงานเปลี่ยนบรรยากาศของ Boseman มารับบทแอ็กชันแบบอื่นบ้าง (แฟน ๆ จะเห็นความซูบผอมต่างจากที่รับบทใน Black Panther ตั้งแต่เรื่องนี้ไป)
หนังเป็นเรื่องราวของ อังเดร เดวิส ตำรวจสายสืบที่อยู่ในช่วงโดนสอบสวนจากฝ่ายกิจการภายใน ข้อหา “นิ้วรั่ว” เพราะเขาวิสามัญคนร้ายไปเยอะมากในช่วงไม่กี่ปี แล้วในคืนนั้นเองเขาก็ต้องเจอกับคดีสะเทือนขวัญ ตำรวจนิวยอร์ก 8 นาย โดนฆ่าตายในร้านอาหารจากสองมือปืนระดับพระกาฬที่หนีหายไปพร้อมกับโคเคนบริสุทธิ์ 50 กก. สร้างความโกรธแค้นให้กับตำรวจนิวยอร์กทั้งหมดที่ต้องการลงโทษด้วยการจับตาย ไม่อยากให้รอดไปถึงกระบวนการยุติธรรม (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง (คนอื่น ๆ ): J.K. Simmons, Taylor Kitsch, Sienna Miller, Stephan James, Keith David
- ผู้กำกับ: Brian Kirk (Series-Game of Thrones, Boardwalk Empire Luther, Dexter)
- ทุนสร้าง/รายร้บรวมทั่วโลก: 33 / 49 ล้านเหรียญฯ
BLACK PANTHER & MCU MOVIES (2016-2019)
บทบาทที่โด่งดังที่สุดของ Boseman ด้วยความเป็นหนึ่งในตัวละครฮีโรผิวดำที่ไม่เคยมีมาก่อนในจักรวาลหนังมาร์เวล ก็ทำให้กลุ่มคนดูแอฟริกัน-อเมริกันออกมาให้การสนับสนุนหนัง Black Panther อย่างเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแสดงพลังของกลุ่มคนผิวดำผ่านการสนับสนุนหนังเรื่องนี้ ชื่อของ Boseman ถูกประกาศว่าจะมารับบท Black Panther ในปี 2014 (ผู้ประกาศข่าวนี้คือ Chris Evans และ Robert Downey Jr.) โดยบทที่ทำให้เขาถูกหมายตาจาก Marvel Studios ก็คือบทจากหนังแจ้งเกิด 42 (2013)
Boseman ปรากฏตัวครั้งแรกในบทฝ่าบาท T’Challa แห่งวากานดาในหนัง Captain America: Civil War (2016) ก่อนจะมีหนังภาคแยกของตัวเองปี 2018 หนังได้เข้าชิงถึง 7 สาขารางวัลออสการ์รวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี (คว้ากลับไปได้ 3 รางวัล) ต่อมาร่วมแสดงในหนัง Avengers: Infinity War (2018) และ Endgame (2019) และกลายเป็นผลงานหนัง MCU เรื่องสุดท้ายของเขาด้วย ต้องมาติดตามกันต่อว่า ใครจะมารับบทเป็น Black Panther คนต่อไปในภาค 2 ซึ่งมีกำหนดฉาย 6 พฤษภาคม 2022
- นักแสดง (คนอื่น ๆ ): Michael B. Jordan, Lupita Nyong’o, Forest Whitaker, Danai Gurira, Andy Serkis, Martin Freeman, Angela Bassett, Daniel Kaluuya
- ผู้กำกับ: Ryan Coogler (Creed, Fruitvale Station)
- ทุนสร้าง/รายร้บรวมทั่วโลก: 200 / 1,347 ล้านเหรียญฯ
MARSHALL (2017)
อีกครั้งที่ Boseman ได้รับบทบทของบุคคลที่มีตัวตนจริง ซึ่งก็น่าเสียดายที่หากเขามีชีวิตต่อไปจากนี้ เส้นทางการแสดงในสายหนังดราม่าหวังรางวัลก็อาจส่งเขาไปสู่เวทีรางวัลในอนาคต หลังจากเล่นเป็นนักร้องในตำนาน นักกีฬามาแล้ว 2 เรื่อง เรื่องนี้เขามารับบทเป็นนักกฎหมายที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของคนผิวดำ ซึ่งเป็นเจ้าของชื่อเรื่อง หนังได้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกอย่างมาก ได้คะแนน Rotten Tomatoes Score 80%
และยังเข้าชิง 1 สาขารางวัลออสการ์ จากสาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยม “Stand Up for Something” โดย Common และ Diane Warren นอกจากนี้ผู้กำกับ Reginald Hudlin ก็เคยถูกเสนอให้มากำกับ Black Panther ด้วย
เรื่องราวชีวประวัติของนักกฎหมายหนุ่มแอฟริกัน-อเมริกันคนดัง Thurgood Marshall ที่ในเวลาต่อมาเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้พิพากษาผิวดำในศาลสูงสุดในสหรัฐฯ หนังเปิดเผยเรื่องราวชีวิต Marshall ในยุคสมัยที่สหรัฐฯ ยังคงแบ่งแยกผิวสีอย่างชัดเจน เขาต้องร่วมมือกับ Sam Friedman (Josh Gad) นักกฎหมายหนุ่มผิวขาวไร้ประสบการณ์ในการสู้คดีอาชญากรรมของคนผิวดำที่เป็นลูกจ้างคนขับรถที่ทำหน้าที่ขับรถให้กับนายจ้างสาวผิวขาว Eleanor Strubing (Kate Hudson) ที่เธอกล่าวหาเขาว่า ลูกจ้างผิวดำได้ก่อคดีฆ่าข่มขืนนายจ้างของตัวเอง (ชวนอ่าน “รวมหนังตีแผ่การเหยียดสีผิว #BlackLivesMatter ที่ดูแล้วจะเข้าใจและเสียน้ำตาให้ “คนผิวดำ”“)
- นักแสดง (คนอื่น ๆ ): Josh Gad, Kate Hudson, Dan Stevens, James Cromwell
- ผู้กำกับ: Reginald Hudlin (The Ladies Man, The Great White Hype)
- ทุนสร้าง/รายร้บรวมทั่วโลก: 12 / 10 ล้านเหรียญฯ
MESSAGE FROM THE KING (2016)
ในปีเดียวกันกับ Gods of Egypt (2016) และเปิดตัวบท Black Panther ไปใน Captain America: Civil War (2016) แล้ว Boseman ก็ได้มาร่วมงานกับ Netflix ในช่วงยุคตั้งไข่ที่หนังที่เป็นออริจินัลยังไม่ได้ฮิตเปรี้ยงปร้าง นั่นคือหนัง Message from the King เขารับบทเป็น Jacob King ชายหนุ่มชาวแอฟริกาใต้ที่เดินทางมาหาน้องสาวในแอลเอ สหรัฐฯ และพบว่าน้องสาวถูกฆ่าเสียชีวิต เขาจึงออกทวงความยุติธรรมแบบถึงลูกถึงคนให้กับเธอ หนังเป็นผลงานของผู้กำกับชาวเบลเยี่ยม Fabrice du Welz เข้าฉายครั้งแรกในเทศกาลหนังโตรอนโตเมื่อปลายปี 2015 และได้รับคำชื่นชมว่าเป็นหนังเรต R ที่มีความโหดระดับจัดเต็ม
- นักแสดง (คนอื่น ๆ): Luke Evans, Alfred Molina, Teresa Palmer, Tom Felton, Natalie Martinez
- ผู้กำกับ: Fabrice du Welz (Alleluia, Calvaire, Adoration, Colt 45)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 10 ล้านเหรียญฯ / 315,000 เหรียญฯ
GODS OF EGYPT (2016)
ขยับมาเล่นหนังสายเมนสตรีมบ้างกับหนังแฟนตาซีเทพเจ้าในตำนานปรัมปราของอียิปต์ ซึ่งบทของ Boseman นั้นเรียกว่าเป็นตัวประกอบก็ว่าได้ ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเรื่องได้พอสมควร Gods of Egypt เป็นผลงานของ Alex Proyas จาก Knowing (2009), I, Robot (2004), The Crow (1994) ซึ่งเชี่ยวชาญกับหนังแฟนตาซีมาตลอด
หนังเป็นเรื่องราวของศึกเทพเจ้าที่มี Bek (Brenton Thwaites) มนุษย์เพียงคนเดียวที่เข้าไปอยู่ท่ามกลางศึกครั้งนี้ เมื่อเขาหาทางช่วยโลกและช่วยคนรักให้พ้นจากอำนาจชั่วร้ายของ Set (Gerard Butler) เทพเจ้าแห่งความมืด Bek ต้องเดินทางไปขอความช่วยเหลือจาก Horus (Nikolaj Coster-Waldau) เทพแห่งท้องฟ้าเพื่อช่วยในการต่อกรกับ Set นำพามาซึ่งสงครามระหว่างเทพเจ้าที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน Boseman รับบทเป็น Thoth เทพแห่งความรอบรู้และเวทย์มนตร์ของอียิปต์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งนักปราชญ์
- นักแสดง (คนอื่น ๆ): Gerard Butler, Nikolaj Coster-Waldau, Brenton Thwaites, Rufus Sewell, Geoffrey Rush, Abbey Lee
- ผู้กำกับ: Alex Proyas (Knowing, I, Robot, The Crow, Dark City)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 140 / 150 ล้านเหรียญฯ
GET ON UP (2014)
และในปีเดียวกันกับที่เขาจะต้องเล่นเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล Boseman ก็ได้พลิกบทบาทมาเล่นเป็นนักร้องด้วยในหนัง Get On Up ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เขาได้มาสวมบทเป็นคนที่มีตัวตนอยู่จริง นั่นคือนักร้องระดับตำนานอย่าง James Brown ที่ต้องผจญกับปัญหาเรื่องสีผิวและการใช้ชีวิตอยู่ในช่วงสงคราม หนังยังเป็นงานกำกับของผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Tate Taylor จาก The Help (2011) และ The Girl on the Train (2016) ซึ่ง Boseman ก็มีโอกาสได้ฝึกฝีมือทางการแสดงมากขึ้นด้วย
Brown นั้นมีชีวิตอยู่ระหว่างปี 1933-2006 เป็นนักร้อง นักแสดง เอนเตอร์เทนเนอร์ชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการเพลงฟังก์กี้ ด้วยเอกลักษณ์ด้านน้ำเสียงและท่าเต้น และเป็นอิทธิพลให้กับศิลปินหลายคน โดย Brown เริ่มในวงการเพลงในปี 1953 ก่อนจะเผชิญปัญหาส่วนตัวแล้วพักงานไป แต่เขาก็ยังมีผลงานเพลงฮิตในทุกทศวรรษจนถึงยุค 80s
- นักแสดง (คนอื่น ๆ): Dan Aykroyd, Nelsan Ellis, Viola Davis, Octavia Spencer
- ผู้กำกับ: Tate Taylor (The Help, The Girl on the Train, Ma, Ava)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30 / 33 ล้านเหรียญฯ
DRAFT DAY (2014)
หลังจากแจ้งเกิดและเป็นที่จับตามองในฐานะนักแสดงนำแล้ว Chadwick Boseman ก็ได้กลับมาเล่นหนังนักกีฬาอีกครั้งกับบทนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ส่วนนักแสดงรุ่นใหญ่ที่จะมาร่วมจอกับเขาก็คือ Kevin Costner และยังได้นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลตัวจริงเสียงจริงมาเล่นเป็นตัวเองกันหลายคน พล็อตของหนังมาจากการคัดเลือกนักกีฬา (เรียกว่า ดราฟต์ (Draft)) อเมริกันฟุตบอลเข้าทีมในระดับอาชีพคือทีม NFL ซึ่งเปรียบเสมือนวันชี้ชะตาของบรรดาเหล่านักกีฬาอเมริกันฟุตบอลว่าจุดเริ่มต้นในอาชีพจะเป็นอย่างไร จะได้ไปอยู่ทีมใดได้ค่าจ้างระดับไหน
เรื่องราวหนังในพูดถึงช่วงเวลา 12 ชั่วโมงก่อนวันดราฟต์ จนกระทั่งจบวันดราฟต์ในวันแรก โฟกัสไปที่ทีมคลีฟแลนด์ บราวนส์ ซึ่งเป็นทีมที่เคยเก่งในอดีต ในเรื่อง Sonny Weaver Jr. (Kevin Costner) จะต้องใช้ฝีมือในการตัดสินใจอย่างมาก ทั้งการปรึกษากับแมวมองหรือนักวิเคราะห์ผู้เล่นว่าคนไหนเก่ง คนไหนเหมาะกับทีม ใช้ไหวพริบในการโน้มน้าวใจโค้ชให้ยอมรับนักกีฬาที่ตนเองจะเลือกให้ รวมทั้งพูดคุยกับนักกีฬาตัวสำคัญของทีมที่อาจจะได้ผลกระทบจากการดราฟต์คนที่เล่นในตำแหน่งเดียวกันเพื่อมาแทนตนเอง Boseman รับบทเป็น Vontae Mack นักกีฬาที่จะเข้าดราฟต์ในเรื่อง
- นักแสดง (คนอื่น ๆ): Kevin Costner, Jennifer Garner, Patrick St. Esprit, Chi McBride
- ผู้กำกับ: Ivan Reitman (No Strings Attached, Junior, Twins, Ghostbusters)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 25 / 29 ล้านเหรียญฯ
42 (2013)
แม้ว่าจะเคยเล่นซีรีส์ทางโทรทัศน์มาแล้วหลายเรื่อง (เล่นเป็นตัวประกอบบางตอนใน Fringe, ER และ CSI: NY) แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาโด่งดังสำหรับเขา รวมถึงก่อนหน้าจะเล่นเรื่องนี้ ก็มีหนังเกรดบีอย่าง The Kill Hole (2012) เข้าฉาย แต่หนังเรื่องที่แจ้งเกิดให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็คือ หนังพีเรียดเกี่ยวกับวงการเบสบอลที่หนังประสบความสำเร็จ ขึ้นอันดับ 1 ตารางหนังทำเงินสุดสัปดาห์ที่ออกฉายอย่างชนิดที่ไม่นึกว่าหนังที่มีแค่ Harrison Ford เป็นชื่อขายคนเดียวและไม่ใช่ยุคทองของ Ford แล้วด้วย จะทำได้
ในปี 1947 เมื่อ Jackie Robinson (Chadwick Boseman) ทำลายกำแพงของการเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพ ด้วยการเป็นผู้เล่นเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกของการแข่งขันระดับเมเจอร์ลีก ผู้ทำลายกฏ The Color line ในวงการเบสบอลอเมริกา ที่ห้ามผู้เล่นผิวสีลงเล่นในทีมเดียวกันกับผู้เล่นผิวขาว ซึ่งเป็นกฎที่ตั้งไว้ในวงการเบสบอลยาวนานกว่า 50 ปี (สมัยนั้นหากคนดำจะเล่นเบสบอล ก็มี Negro Leages ไว้รองรับอยู่แล้ว)
Jackie ได้เซ็นสัญญากับ Brooklym Dodgers ในฤดูกาลแข่งปี 1946 ทีมระดับเมเจอร์ลีกส์ ภายใต้คำชี้แนะและดูแลโดยผู้บริหารของทีม Branch Rickey (Harrison Ford) ส่วน 42 คือเบอร์เสื้อของ Jackie Robinson ที่ต่อมากลายเป็นประเพณี “วัน Jackie Robinson” โดยผู้เล่นทุกคนทุกทีมต้องออกมาใส่เสื้อ เบอร์ 42 ในวันที่ 15 พ.ค. ของทุกปีอีกด้วย
- นักแสดง (คนอื่น ๆ): Harrison Ford, Lucas Black, Alan Tudyk, Kelley Jakle, Christopher Meloni
- ผู้กำกับ: Brian Helgeland (Legend, A Knight’s Tale, Payback)
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40 / 97 ล้านเหรียญฯ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส