วงการฮอลลีวูดว่างเว้นจากข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของนักแสดงมาสักระยะใหญ่ ความกะทันหันในที่นี้หมายถึง กรณีที่นักแสดงชื่อดังเหล่านั้นยังอยู่ระหว่างถ่ายทำหนังที่ยังไม่เสร็จสิ้น หรือจะต้องกลับมาแสดงในภาคต่อของแฟรนไชส์ฮิต ข่าวการเสียชีวิตช็อกโลกของ Chadwick Boseman ผู้โด่งดังจากหนังซูเปอร์ฮีโรจักรวาลมาร์เวล Black Panther (2018) สร้างความสะเทือนใจและก่อให้เกิดคำถามว่า อนาคตของ Black Panther 2 จะเป็นอย่างไรต่อไป ใครจะมารับบทแทน Boseman?
คำถามนี้เคยเกิดขึ้นกับหนังหลายเรื่องเหล่านี้ที่เคยสูญเสียนักแสดงไประหว่างทาง ส่วนมากจะเลือกใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกสำหรับฉากของนักแสดงผู้ล่วงลับหรือตัดบทออกไปในภาคต่อไป มากกว่าจะใช้นักแสดงมาสวมบทแทน (เว้นเฉพาะบางเรื่องที่ยังเหลืออีกหลายภาค) What the Fact ขอเชิญหวนรำลึกถึง 10 นักแสดงดังในหนังดังหลายเรื่องที่เคยเสียชีวิตช็อกแฟน ๆ ทั่วโลกมาแล้ว
CARRIE FISHER (1956-2016)
แฟรนไชส์สงครามแห่งดวงดาวได้พบกับสูญเสียครั้งใหญ่เมื่อปี 2016 กับการเสียชีวิตของนักแสดงนำที่มีบทบาทมาตั้งแต่ภาคแรกอย่าง Carrie Fisher เจ้าของบทเจ้าหญิง Leia หรือ Leia Skywalker แม้ว่าความจริงแล้ว ด้วยความที่แฟรนไชส์นี้มีอายุยาวนานมาตั้งแต่ภาคแรกปี 1977 ก็อาจไม่แปลกนักที่ช่วงหลังมานี้ จะเริ่มมีนักแสดงสูงอายุเสียชีวิตไปตามวาระเช่น Christopher Lee (เล่นบท Count Dooku), Kenny Baker (เล่นบท R2-D2) และ Peter Mayhew (เล่นบท Chewbacca) แต่บทเหล่านี้อาจจะหานักแสดงรุ่นลูกมาเล่นแทนได้ ต่างกับบทเจ้าหญิง Leia ที่ทีมสร้างไตรภาคล่าสุดวางแผนว่าจะให้เธอมีบทเด่นสำคัญในภาคสุดท้าย (เป็นการปิดจบตัวละครหลักจากไตรภาคแรกไปภาคละตัว ตามหลัง Han Solo และ Luke Skywalker)
Fisher หัวใจวายรุนแรงขณะโดยสารเครื่องบินจากลอนดอนมาที่ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส ช่วง 15 นาทีขณะที่เครื่องบินกำลังจะลงจอดในแอลเอ พนักงานต้อนรับบทเครื่องบินได้ประกาศตามหาว่ามีเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์อยู่บนเครื่องบินหรือไม่ จากนั้นก็มีพนักงานปฏิบัติหน้าที่ฉุกเฉินทางการแพทย์ หรือ EMT ที่โดยสารมาในเครื่องบินดังกล่าว ได้เดินไปที่ส่วนผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสเพื่อทำการช่วยเหลือกู้ชีพเบื้องต้น เมื่อเครื่องบินลงจอดก็มีการนำ Fisher นำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่เธอก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
สุดท้าย J.J. Abrams ผู้กำกับภาค 9 ที่เริ่มเตรียมงานสร้าง 6 เดือนให้หลังการเสียชีวิตของเธอ จึงต้องเขียนบทของหนังให้สอดคล้องกับภาพฟุตเทจที่ยังเหลืออยู่ และยังไม่เคยถูกใช้ของ Fisher จากภาค The Force Awakens และ The Last Jedi ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้ว เขาได้เลือกใช้ฟุตเทจ 8 นาทีจาก The Force Awakens และอีกไม่มากจาก The Last Jedi โดยเลือกใช้วิธี “ย้อนกลับการถ่ายทำ” ด้วยการใช้ฟุตเทจเดิม เพื่อให้เกียรติกับ Fisher โดยให้กระทบกับเส้นเรื่องที่จะเล่าน้อยที่สุด ทีมสเปเชียลเอฟเฟกต์ เพียงแต่ตกแต่งทรงผม เสื้อผ้า และฉากหลังของ Fisher ให้เหมาะกับฉากต่าง ๆ ในเรื่อง The Rise of Skywalker เท่านั้น (ชวนอ่าน “ดูออกมั้ย? “เจ้าหญิงเลอา” ใน Star Wars 9…ฉากไหนตัวจริง-ฉากไหน CG? หลังเสียชีวิต“)
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 60 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: หัวใจวายขณะโดยสารเครื่องบิน
- หนังที่เล่นค้างไว้: Star Wars IV: The Rise of Skywalker (2019)
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: Wonderwell (2020)
- หนังที่ดังที่สุด: แฟรนไชส์ Star Wars (1977-2019)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: Hannah and Her Sisters (1986), When Harry Met Sally … (1989), Soapdish (1991)
ANTON YELCHIN (1989-2016)
อีกหนึ่งแฟรนไชส์ดังการผจญภัยในห้วงอวกาศ ที่นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมาหนังก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ไปต่อกับภาค 4 เพราะเปลี่ยนมือผู้กำกับไปแล้วหลายคน และ Paramount ก็ดูลังเลไม่กล้าทุ่มทุนสร้าง เพราะภาคที่ 3 Star Trek Beyond (2016) ทำรายได้ไม่ตามเป้า แต่ก่อนที่ภาคสุดท้ายจะฉายได้เพียงแค่เดือนเดียว Anton Yelchin หนึ่งในนักแสดงเจ้าของบทต้นหนเรือ Chekov ก็เกิดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน โดยเพื่อนของเขาเป็นผู้พบศพ หลังจากที่เขาขาดการติดต่อและไม่มาตามการนัดหมายเรื่องการซ้อมการแสดง เพื่อนจึงเดินทางไปหาเขาที่บ้านที่ซานเฟอร์นันโด วัลเลย์ ตอนตี 1 ตามเวลาท้องถิ่น และพบศพของ Yelchin ถูกรถโฟร์วีลของเขาเองอัดติดกับบริเวณเสาอิฐหน้าบ้าน
เขาเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว เกิดในรัสเซีย (ใน Star Trek เขาเล่นเป็นตัวละครที่ใช้สำเนียงรัสเซียในการพูด) พ่อแม่เป็นนักสเก็ตน้ำแข็งลีลาอาชีพที่ย้ายครอบครัวมาอยู่สหรัฐฯ ตั้งแต่ Yelchin ยังแบเบาะ ผลงานที่เขาถ่ายทำเสร็จไปแล้วก่อนจะเสียชีวิตมีหลายเรื่องทั้ง Porto (2016), We Don’t Belong Here (2017) และ Dark (2017) ที่เป็นผลงานเรื่องสุดท้ายแต่ทุกเรื่องก็ไม่มีเรื่องไหนดังเท่า Star Trek อีกแล้ว งานที่ค้างอยู่ยังมีการพากย์เสียงในซีรีส์ Trollhunters: Tales of Arcadia ซึ่งได้นักแสดง Emile Hirsch มาทำหน้าที่พากย์เสียงแทน
ส่วนใน Star Trek นั้นจนขณะนี้ก็ยังไม่มีรายชื่อนักแสดงคนไหนมาแทนเขา เดิมที J.J. Abrams ผู้อำนวยการสร้างบอกเอาไว้ตอนหนังภาค 3 เข้าฉายว่า บทนี้จะไม่มีนักแสดงคนไหนมาแทน Yelchin
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 27 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: รถไหลมาอัดทับกับเสาอิฐหน้าบ้าน
- หนังที่เล่นค้างไว้: ซีรีส์ Trollhunters: Tales of Arcadia
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: Dark (2017)
- หนังที่ดังที่สุด: แฟรนไชส์ Star Trek (2009-2016)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: Alpha Dog (2006), Terminator Salvation (2009), Green Room (2015)
PHILLIP SEYMOUR HOFFMAN (1967-2014)
นักแสดงมากฝีมือระดับที่เคยคว้าออสการ์นักแสดงนำชายมาแล้วจาก Capote (2005) และยังเข้าชิงสาขาสมทบชายอีก 3 ครั้งจาก Charlie Wilson’s War (2007), Doubt (2008) และ The Master (2012) ก็การันตีได้เลยว่า ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ต่อนานกว่านี้ จะต้องเป็นนักแสดงคุณภาพมากขนาดไหน ดังนั้นในปี 2014 ที่มีการประกาศการเสียชีวิตของ Philip Seymour Hoffman จึงสร้างความตกใจและสะเทือนใจให้กับแฟนหนังทั่วโลกอย่างมาก ร่างไร้วิญญาณของเขาถูกพบในอพาร์ตเมนต์ของเขาที่แมนฮัตตัน นิวยอร์กพร้อมกับเข็มฉีดยา ต่อมามีการยืนยันเหตุของการเสียชีวิตว่ามาจากเการเสพยาเกินขนาด จากและพบว่ามีเฮโรอีนจำนวนมากในห้องของ Hoffman ก่อนหน้านี้เขาเคยเลิกยาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง
ตอนที่เสียชีวิตนั้น Hoffman ยังถ่ายทำหนังภาคสุดท้าย The Hunger Games: Mockingjay – Part 2 (2015) โดยยังเหลืออีก 2 ฉาก ฉากแรกเป็นฉากที่เขาต้องแสดงบทพูด ใน Part 2 ส่วนอีกฉากเป็นแค่การร่วมแสดงแต่ไม่ต้องพูดใน Part 1 ท้ายที่สุดผู้กำกับ Francis Lawrence ปฏิเสธที่จะใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกสร้างตัวละคร Plutarch Heavensbee ของ Hoffman ขึ้นมาใหม่ รวมถึงปฏิเสธที่จะใช้นักแสดงแทนมาเข้าฉาก และแก้ปัญหาโดยตัดสินใจเขียนฉากของเขาขึ้นมาใหม่ และให้บทพูดของเขาแก่นักแสดงคนอื่นแทน
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 46 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: ใช้สารเสพติดเกินขนาด
- หนังที่เล่นค้างไว้: The Hunger Games: Mockingjay – Part 2 (2015)
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: The Hunger Games: Mockingjay – Part 2 (2015)
- หนังที่ดังที่สุด: แฟรนไชส์ The Hunger Games (2013-2015)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: Mission: Impossible III (2006), Moneyball (2011), The Ides of March (2011)
PAUL WALKER (1973-2013)
อีกหนึ่งความสูญเสียที่เกิดกับนักแสดงอันเป็นที่รักของแฟรนไชส์รถแข่งที่ดังที่สุดในโลก เมื่อระหว่างการถ่ายทำภาค 7 ไปได้ครึ่งทางระหว่างที่นักแสดงแยกย้ายกลับไปอยู่กับครอบครัวช่วงวันหยุด ทุกคนต้องสูญเสียนักแสดงนำอย่าง Paul Walker ไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2013 โดยในวันนั้น Walker เดินทางไปร่วมงานแสดงรถยนต์ที่จะจัดขึ้นเพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยใต้ฝุ่นไห่เหยี่ยนในประเทศฟิลิปปินส์ และก่อนที่งานอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้น เขาได้ไปทดลองรถคันใหม่ยี่ห้อ Porsche GT ซึ่งรายงานบอกว่า Walker เป็นผู้โดยสาร และเกิดอุบัติเหตุรถพุ่งชนขอบถนนของไรย์ แคนยอน ลูป และมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุสองคน
ทำให้หนังต้องเลื่อนฉายจากกำหนดเดิมในปี 2014 ไปอีก 1 ปี เพื่อให้น้องชายแท้ ๆ ทั้งสองคนของ Walker อย่าง Cody และ Caleb มาแสดงแทนและทีมงานใช้ CG สวมหน้าของ Paul ทับเข้าไป รวมกับฉากเก่า ๆ จากภาคก่อนที่ใช้เทคนิคตัดต่อเข้าช่วย (ชวนอ่าน “ตอนจบอีกแบบของ Fast & Furious 7 ก่อนการตายของ Paul Walker“)
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 40 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: อุบัติเหตุทางรถยนต์
- หนังที่เล่นค้างไว้: Furious 7 (2015)
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: Furious 7 (2015)
- หนังที่ดังที่สุด: แฟรนไชส์ Fast & Furious (2001-2015)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: Timeline (2003), Eight Below (2006), Takers (2010)
HEATH LEDGER (1979-2008)
น่าเสียดายสำหรับแฟนหนังทั่วโลกที่จะได้ชมผลงานการแสดงดี ๆ จากนักแสดงชื่อ Heath Ledger ที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง รวมถึงเป็นที่น่าเสียดายแทนเจ้าตัวที่ยังไม่ทันได้ชมหนังที่เขาทุ่มเทเกินจิตวิญญาณรับบทวายร้ายโจ๊กเกอร์ไว้อย่างน่าประทับใจใน The Dark Knight (2008) เพราะเขาเสียชีวิตก่อนหนังเข้าฉาย 6 เดือน ผลการชันสูตรศพบอกว่า เขาเสียชีวิตจากอาการมึนเมายาอย่างฉับพลัน หลังจากที่เขากินยาแก้ปวด ยานอนหลับ และยาแก้เครียดที่เป็นผลรวมของยาประเภทต่าง ๆ ถึง 6 ชนิดในคราวเดียว
ราวบ่าย 3 โมงของวันที่ 22 มกราคม ปี 2008 แม่บ้านและนักบำบัดที่เข้าไปหาเขา พบว่า Ledger นอนหมดสติอยู่บนเตียงในอพาร์ตเมนต์ย่านโซโฮ บนเกาะแมนฮัตตัน นิวยอร์ก ทั้งคู่เรียกตำรวจและรถพยาบาล แต่ Ledger เสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว จากการชันสูตรพบว่า เขาเสียชีวิตช่วง ตี 3 ครึ่ง อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์ประกอบกับสิ่งที่เขาเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ก็เชื่อได้ว่า เขาไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าตัวตายด้วยการใช้ยา แต่เป็นเพราะใช้ยามากเกินไปมากกว่า
Ledger เคยให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทมส์ว่า หลังเล่นหนังง I’m Not There (2007) และหนังฟอร์มยักษ์ The Dark Knight ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้เขาเริ่มรู้สึกมีปัญหากับตัวเองในแง่ที่ไม่สามารถหลุดออกจากบทบาทหรือตัวละครที่เขาเล่นอยู่จนเขาไม่สามารถนอนหลับได้ ทำให้เขานอนหลับเฉลี่ยแค่คืนละ 2ชั่วโมงเท่านั้น แม้กินยานอนหลับขนานแรง แต่มันก็ทำให้ Ledger อยู่ในภาวะคล้ายสลบ ซึ่งไม่ใช่การนอนหลับสนิท แต่เป็นการหมดสติเพราะยา พอฤทธิ์ยาหมด ร่างกายก็จะถูกปลุกและกลับไปหลับไม่ได้อีก
หลังจากเสียชีวิต Ledger ได้รับรางวัลใหญ่ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมแทบทั้งหมดของวงการในปีนั้นจากบทของ Joker ทั้งรางวัลออสการ์ที่ครอบครัวต้องขึ้นไปรับรางวัลแทน (เป็นแค่หนึ่งในสองคนที่ได้รับรางวัลออสการ์หลังเสียชีวิต) รวมไปถึงรางวัลลูกโลกทองคำ ที่ผู้กำกับ Christopher Nolan ขึ้นไปรับรางวัลแทนเขา ส่วนภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่เขาแสดงค้างไว้คือ The Imaginarium of Doctor Parnassus (2009) ของผู้กำกับชั้นครู Terry Gilliam โดยหนังก็ได้เพื่อนสนิทในวงการของ Ledger มาแบ่งกันรับบทในเรื่องแทนทั้ง Johnny Depp, Jude Law และ Colin Farrell
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 28 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: ใช้ยาแก้หลายชนิดเกินขนาด
- หนังที่เล่นค้างไว้: The Imaginarium of Doctor Parnassus (2009)
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: The Imaginarium of Doctor Parnassus (2009)
- หนังที่ดังที่สุด: The Dark Knight (2008)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: 10 Things I Hate About You (1999), Brokeback Mountain (2005), I’m Not There (2007)
RICHARD HARRIS (1930-2002)
นักแสดงอังกฤษที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้ว 2 ครั้งจาก This Sporting Life (1963) และ The Field (1990) รวมถึงชนะรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายจากหนังเพลงและตลก จาก Camelot (1967) แต่หลายคนอาจจะรู้จักคุณปู่ Richard Harris จากหนังในยุคใหม่ขึ้นมาหน่อยอย่าง Unforgiven (1992), Gladiator (2000) และพบที่คนรุ่นใหม่จะรู้จักเขามากที่สุดก็จากการรับบทเป็นศาสตราจารย์ Dumbledore ในหนังพ่อมดน้อย Harry Potter 2 ภาคแรก Harry Potter and the Sorcerer’s Stone (2001) และ Harry Potter and the Chamber of Secrets (2002)
แน่นอนว่าบทนี้มีความสำคัญต่อหนังไปอีกหลายภาค ซึ่งทั้งตัว Harris และทีมงานของไม่คิดว่า เขาจะป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเสียชีวิต ตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมาบทนี้จึงกลายเป็นของ Michael Gambon แทน ซึ่งกลายมาเป็น Dumbledore เจ้าเล่ห์และมีลีลาแตกต่างจากที่ Harris รับบทไว้ในมาดสุขุมนุ่มลึกและดูอบอุ่นใจดี
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 72 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- หนังที่เล่นค้างไว้: แฟรนไชส์ Harry Potter
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: Kaena: The Prophecy (2003)
- หนังที่ดังที่สุด: Harry Potter 1-2 (2001-2002)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: Patriot Games (1992), Gladiator (2000), The Count of Monte Cristo (2002)
AALIYAH (1979-2001)
Aaliyah Dana Haughton ศิลปินนักร้องชาวอเมริกัน นักแสดง นางแบบ เมื่ออายุได้ 12 ปี เธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงดัง และได้ออกอัลบั้มชุดแรก Age Ain’t Nothing But a Number มียอดขายมากกว่า 2 ล้านชุดในสหรัฐฯ และยังได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวสองแผ่น เธอได้แต่งงานกับ R. Kelly ตอนอายุได้ 15 ปี แต่ก็ถือว่าเป็นการสมรสที่ไม่ถูกกฎหมายเพราะอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ตามกฎหมายของสหรัฐฯ
เธอออกผลงานมาอีก 2 ชุดคือ One in a Million และ Aaliyah เธอยังประสบความสำเร็จทั้งงานนางแบบและงานแสดง ช่วงปลายยุค 90s เธอแสดงภาพยนตร์เรื่องคือ Romeo Must Die (2000) ประกบกับ Jet Li ก่อนที่เธอและผู้โดยสารอีก 8 คนจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในบาฮามัส เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปี 2001 หลังจากถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง “Rock the Boat” เสร็จ หลังจากเสียชีวิตไปแล้ว เธอก็ยังมีผลงานซิงเกิลเพลงดังตามออกมาอีก อย่าง “Miss You” และ “I Care 4 U” หนังที่เธอถ่ายทำไว้เสร็จแล้วและเข้าฉายหลังเสียชีวิตคือเรื่อง Queen of the Damned (2002)
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 22 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: เครื่องบินตก
- หนังที่เล่นค้างไว้: ไม่มี
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: Queen of the Damned (2002)
- หนังที่ดังที่สุด: Queen of the Damned (2002)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: Romeo Must Die (2000)
OLIVER REED (1938-1999)
ระหว่างพักจากกองถ่ายหนังออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของปี 2000 อย่าง Gladiator (2000) นักแสดงอาวุโส Oliver Reed เกิดอาการหัวใจวายขณะพักผ่อนอยู่ที่ประเทศมอลตา และเสียชีวิตระหว่างถูกนำส่งโรงพยาบาล เขาขึ้นชื่อว่าเป็นนักดื่มที่ดื่มแอลกอฮอล์หนักมาตั้งแต่ยังวัยหนุ่ม Reed เป็นนักแสดงที่คร่ำหวอดในวงการมาตั้งแต่ยุค 60s ส่วนใน Gladiator หนังของผู้กำกับ Ridley Scott นัั้น ช่วงที่ Reed เสียชีวิต หนังยังถ่ายทำฉากของเขาไม่หมด จึงต้องใช้วิธีให้นักแสดงแทนมาเล่นและใส่คอมพิวเตอร์กราฟิกใบหน้าของ Reed เข้าไปแทนที่
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 61 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: หัวใจวาย
- หนังที่เล่นค้างไว้: Gladiator (2000)
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: Gladiator (2000)
- หนังที่ดังที่สุด: The Adventures of Baron Munchausen (1988)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: Oliver! (1968), The Three Musketeers (1973), Revolver (1973)
BRANDON LEE (1965-1993)
เสียชีวิตในวัยใกล้เคียงกับพ่อ สำหรับนักแสดง Brandon Lee ลูกชายแท้ ๆ คนเดียวของนักแสดงกังฟูเชื้อสายจีนแห่งยุค 70s อย่าง Bruce Lee และที่น่าตกใจก็เพราะว่าเป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในกองถ่าย เมื่อเขาแสดงหนังในเรื่อง The Crow (1994) ซึ่งถ่ายทำกันในวันที่ 31 มีนาคม 1993 ที่สตูดิโอในนอร์ธคาโรไลนา นักแสดงประกอบ Michael Massee ซึ่งรับบทเป็นหนึ่งในแก๊งฆ่าข่มขืนของเรื่อง เขาเข้าฉากที่ Funboy ตัวละครของเขาต้องใช้ปืนยิงตัวละครของ Brandon Lee ซึ่งในฉากนี้เอง ทีมงานของหนังลืมเก็บกระสุนจริงออกมาจากลูกโม่ที่ใช้สำหรับถ่ายทำฉากก่อนหน้าจนเป็นเหตุให้ Massee ลั่นไกปล่อยกระสุนจริงเข้าตรงบริเวณช่วงท้องของ Lee เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อเข้ารับการผ่าตัดอยู่นานหลายชั่วโมง ก่อนที่ลีจะเสียชีวิตลงในวันเดียวกันนั้น
หลังจากเกิดเหตุการณ์เศร้าครั้งนั้น ไม่มีสตูดิโอไหนยอมรับจัดจำหน่ายหนังเรื่องนี้ เพราะพิจารณาแล้วว่ายากเกินไปที่จะประสบความสำเร็จ มีก็แค่เพียง Miramax เป็นเพียงค่ายเดียวที่ยอมซื้อสิทธิ์หนังไปฉาย และเมื่อภาพยนตร์ได้ออกฉาย ฉากที่ว่านี้ไม่ได้ถูกใส่อยู่ในภาพยนตร์ บางความเห็นบอกว่าฉากนี้ถูกทำลายไปแล้วโดยคำสั่งของสตูดิโอที่ไม่อยากให้เก็บเอาไว้ ส่วนความเห็นอื่นก็บอกว่า ตำรวจได้ยึดเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อการสืบสวนสาเหตุการตายของเขา ในฉบับฉายโรงฉากนั้นฉากนี้ได้ใช้นักแสดงแทน และเติมใบหน้าของ Lee ด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิก
หนังทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปราว 50 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้าง 23 ล้านเหรียญฯ) ส่วน Michael Massee ก็ยังคเสียใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจนไม่สามารถทนดูหนัง The Crow ได้อีก เขาตัดสินใจพักการแสดงไปเป็นปี ซึ่งเขาก็เคยให้สัมภาษณ์กับ Telegraph เอาไว้เมื่อปี 2005 ว่า มันยังคงเป็นฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนเขามาตลอด Massee แสดงหนังและซีรีส์เรื่อยมา โดยมีผลงานอย่าง The Game (1997), ซีรีส์ 24 ซีซันแรก (2001-2002), The Blacklist (2015) รวมถึง The Amazing Spider-Man (2012) และ The Amazing Spider-Man 2 (2014)
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 28 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: อุบัติเหตุ ถูกยิงเสียชีวิตขณะถ่ายทำภาพยนตร์
- หนังที่เล่นค้างไว้: The Crow (1994)
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: The Crow (1994)
- หนังที่ดังที่สุด: The Crow (1994)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: Laser Mission (1989), Showdown in Little Tokyo (1991), Rapid Fire (1992)
BRUCE LEE (1940-1973)
Bruce Lee นักแสดงเชื้อสายจีนแต่เกิดที่ซานฟรานซิสโกในสหรัฐฯ เป็นดาราจีนที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักในฮอลลีวูดเป็นคนแรก ๆ ด้วยความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้แบบจีน พูดอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และยังเป็นแชมเปียนเต้นชะชะช่า ความโด่งดังของเขานั้นนิตยสารเอ็มไพร์ จัดให้เขาเป็นหนึ่งใน 100 ดารานำตลอดกาลเมื่อปี 1967 Lee แสดงหนังฮ่องกงมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเดินทางออกจากฮ่องกงไปอเมริกาเมื่อปี 1958 อย่างไม่มีเงินเลย แต่ใช้การสอนเต้นรำแลกทุนการเดินทาง เขาไปเรียนรู้กังฟูกับอาจารย์จีนหลายคน จนกลายเป็นหนุ่มยอดกังฟู (หนึ่งในนั้นคือ Ip Man)
ภาพยนตร์เรื่องแรกของ Bruce Lee ที่ได้ฉายโรงในสหรัฐฯ คือ My Son, Ah Chung (1950) ตอนที่เขายังอายุสิบขวบ จากนั้นเขาก็ได้เข้าร่วมเป็นดารารับเชิญในทีวีมาตั้งแต่ปี 1966 รวมถึงเรื่อง The Green Hornet หรือ “เพชฌฆาตหน้ากากแตน” ที่มาออกอากาศในประเทศไทยด้วย แต่ภาพยนตร์ที่โด่งดังในอเมริกาคือ The Big Boss ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง (หนังปี 1971 ฉายในสหรัฐฯ ปี 1972) Lee ยังมีอาชีพสอนกังฟู ค่าตัวแพงถึงชั่่วโมงละ 275 เหรียญฯ และเขียนหนังสือเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้จีนหลายเล่ม ในปี 1964 เขากับคู่หูเปิดรับสอนนักเรียนที่ไม่ใช่เอเชียอย่างเป็นทางการในเมืองโอ๊กแลนด์ และ มีสตูดิโอสอนกังฟูไม่จำกัดสีผิวเป็นแห่งแรกในโลกที่ไชน่าทาวน์ ในเมืองลอสแอนเจลิส
เดือนสิงหาคม ปี 1973 Bruce Lee เสียชีวิตก่อนหน้าที่หนัง Enter the Dragon (1973) ผลงานที่ยิ่งจะทำให้เขาโด่งดังในฐานะนักแสดงฮอลลีวูดเข้าฉาย เพียง 1 เดือน มีผู้พบร่างที่ไร้ลมหายใจของ Bruce นอนอยู่บนเตียงในอพาร์ตเมนต์ของดาราสาวชาวฮ่องกง “ติงเพ่ยเจีย” ซึ่งในวันนั้น Bruce Lee มีนัดกับดินเนอร์กับเจ้าของค่ายหนังโกลเด้น ฮาวเวสต์ ติงเพ่ยเจียให้การว่า ระหว่างที่ Bruce Lee รอให้ถึงเวลานัดเขาได้ไปหาเธอที่ห้อง และบ่นว่าปวดหัว เธอจึงให้ยาแอสไพรินชนิดแรงที่เธอใช้เป็นประจำให้เขากิน หลังจากนั้นก็หลับไป เมื่อถึงเวลานัด ติงเพ่ยเจียจึงทำการปลุก แต่เขาไม่รู้สึกตัวและไม่ตื่น จากการชันสูตรพบว่า Bruce Lee เสียชีวิตจากการแพ้ยาแก้ปวด
หนังเรื่อง Enter the Dragon ได้รับความนิยมอย่างสูงสร้างรายได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญฯ และ Bruce Lee กลายเป็นไอคอนนักแสดงจีนกับท่าทางกังฟูของเขาก็โด่งดังไปทั่วโลก ร่างของเขาฝังอยู่เคียงข้างหลุมของ Brandon Lee ลูกชายในสุสานเลกวิว เมืองซีแอตเทิล หลังจากเขาเสียชีวิตได้มีการนำหนัง Game of Death (กับภาพจำในชุดสีเหลือง) มาตัดต่อจากฉบับหนังจีนและฉายใหม่ในสหรัฐฯ ปี 1978
- เสียชีวิตเมื่ออายุ: 32 ปี
- สาเหตุการเสียชีวิต: โรคลมชัก
- หนังที่เล่นค้างไว้: ไม่มี
- ผลงานเรื่องสุดท้าย: Enter the Dragon (1973) (ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง มังกรประจัญบาน)
- หนังที่ดังที่สุด: The Big Boss (1971) (ไอ้หนุ่มซินตึ๊ง)
- ผลงานหนังดังเรื่องอื่น ๆ: The Chinese Connection (1972), Return of the Dragon (1972), Enter the Dragon (1973)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส