Yahoo! Finance ได้รายงานข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์มูล 7Park Data โดยระบุว่า 29% ของครัวเรือนในสหรัฐอเมริกาที่สมัครสมาชิกบริการสตรีมมิง Disney+ ได้ซื้อภาพยนตร์ Mulan (นับจนถึงวันที่ 12 กันยายน 2020 ที่ผ่านมา)
- ปล. บริการสตรีมมิง Disney+ มีค่าสมัครรายเดือนอยู่ที่ 6.99 เหรียญ โดยสามารถสร้างโพรไฟล์ผู้ใช้ได้ทั้งสิ้น 7 โพรไฟล์ ต่อ 1 ยูสเซอร์ เพื่อให้สามารถใช้ได้ทั้งครอบครัว หรือเรียกว่าครัวเรือนนั่นเอง
รายงานดังกล่าวอ้างอิงจากการเรียกประชุมผลประกอบการผ่านโทรศัพท์เมื่อไม่นานมานี้ของ Disney ซึ่งได้อ้างว่าบริการสตรีมมิง Disney+ มีผู้สมัครรับบริการมากกว่า 60 ล้านยูสเซอร์แล้วในขณะนี้ โดยทาง 7Park Data ได้ประมาณการว่าเป็นครัวเรือนในสหรัฐอเมริกามากถึง 50% ซึ่งหมายความว่ามีผู้ซื้อภาพยนตร์ Mulan ในสหรัฐอเมริกาถึง 9 ล้านครัวเรือน
นั่นทำให้ Mulan ของ Disney ที่ใช้ทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญนั้น สามารถทำรายได้ในสหรัฐอเมริกาไปได้ถึง 261 ล้านเหรียญแล้วในขณะนี้ (Mulan มีจำหน่ายผ่าน Disney+ อยู่ที่ 29.99 เหรียญ)
รายได้ดังกล่าวนั้นสูงกว่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทุนสร้างกว่า 200 ล้านเหรียญของ Warner Bros. อย่าง Tenet ที่ทำรายได้ในสหรัฐอเมริกาไปเพียง 29.5 ล้านเหรียญ และทำรายได้ในต่างประเทศไปอีก 178 ล้านเหรียญ ซึ่งคิดเป็น 207.5 ล้านเหรียญทั่วโลกในขณะนี้ แต่ยังห่างไกลจุดค้มทุนที่อยู่ประมาณ 450 ล้านเหรียญ
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Mulan ทำรายได้ในสุดสัปดาห์แรกที่เปิดตัว (4 – 6 กันยายน 2020) ไป 33.5 ล้านเหรียญ และทำให้มียอดสมัครบริการ Disney+ เพิ่มขึ้นถึง 68%
อย่างไรก็ดี ยังคงต้อรอดูกันระยะยาวว่า Mulan จะสามารถทำรายได้โดยรวมได้น่าถึงพอใจสำหรับ Disney หรือไม่
ข้อมูลอ้างอิง : screenrant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส