เข้าฉายชน Mad Max:fury road ในฐานะหนังทางเลือกเพราะหวังว่าด้วยแนวทางที่แตกต่างหวังจะได้กลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงมาตีตั๋วดู แต่ผลออกมาผิดคาด ภาคต่อของแก๊งสาวเสียงดี กลับเป็นแชมป์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยรายได้ 70 ล้านเหรียญ ในขณะที่ Mad Max โปรแกรมใหญ่ว่าที่แชมป์ ทำรายได้เป็นรอง ได้มาเพียง 44 ล้านเหรียญ กับตัวเลข 70 ล้านของ pitch perfect 2 ในเวลาเพียงแค่ 3 วัน เรียกว่าเกินคาด เพราะตลอดระยะยืนโรงของภาคแรกทำรายได้ในสหรัฐไปเพียง 65 ล้านเท่านั้น และเป็นการประเดิมก้าวแรกที่สดใสมากๆ ในอาชีพผู้กำกับของอลิซาเบ็ธ แบงค์ บางคนอาจจะนึกไม่ออกว่าใครหว่าอลิซาเบ็ธ แบงค์ เธอเป็น ดาราโรแมนติค คอมมีดี้ วัย 41 ที่มีผลงานทั้งหนังโรงหนังทีวีกว่า70เรื่อง เคยเป็นนางเอกมาก็เยอะ แต่ผลงานที่คนดูน่าจะจดจำได้ดีสุดคือบท เอฟฟี่ ทริงเก็ต สาวพิธีกรแต่งตัวประหลาดจาก the hunger games, อลิซาเบ็ธ แบงค์ ร่วมแสดงใน pitch perfect ภาคแรกในบท เกล ผู้รายงานข่าวประจำสมาคมอะแคพเพลล่า จับพลัดจับผลูไงไม่ทราบ ภาค 2 ได้เลื่อนมาเป็นผู้กำกับเฉย แล้วก็ยังรับบทเดิมของเธออยู่เช่นกัน บทเกล ที่ประกบคู่กับ จอห์น ไมเคิล ฮิกกินส์ เป็นคู่หูคู่ฮาที่ขยันปล่อยมุกจิกกัดวงเบลล่า สร้างเสียงหัวเราะให้กับเรื่องได้หลายมุก
ภาคนี้เปิดประเด็นเรื่องได้อย่างน่าสนใจ หลังจากวงเบลล่า ได้แชมป์วงประสานเสียงของสหรัฐอเมริกาในภาคแรก วงได้ไปโชว์ในงานวันเกิดบารัค โอบาม่า แต่ดันไปทำเรื่องอับอายขายหน้าระหว่างโชว์ ทำอะไรต้องไปดูเอง เล่าไม่ได้ กลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของวง ถูกสั่งแบนจากสมาคมอะแคพเพลล่า ห้ามโชว์ตลอดปี ถูกถอดจากตัวแทนของมหาวิทยาลัย ห้ามรับสมาชิกใหม่ เหลือเพียงสิทธิเดียวของทางวงเบลล่า คือเป็นตัวแทนสหรัฐไปแข่งชิงแชมป์โลกได้ กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทางวงต้องคว้าไว้ เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงกลับมา
ทางทีมงานทำการบ้านมาดี หาความตื่นตาตื่นใจ ลูกเล่นมาใส่ในโชว์ให้ก้าวพ้นภาพเดิมๆของวงประสานเสียงที่เพียงแต่ยืนร้องกันธรรมดา มีการใส่อุปกรณ์ประกอบฉาก ท่าเต้นสวยงาม แสงสี และเอ็ฟเฟ็คท์น่าตื่นตา แต่โชว์ที่น่าประทับใจสำหรับผมกลับไม่ใช่โชว์ของวงเบลล่า แต่เป็นวง ดาส์ ซาวด์ แมชชีน วงประสานเสียงจากเยอรมัน ที่ถูกวางให้อยู่ในฐานะตัวร้ายของเรื่องเพราะเป็นคู่แข่งตัวสำคัญในเวทีชิงแชมป์โลกในฐานะแชมป์เก่า และเป็นวงที่ได้เดินสายทัวร์ทั่วสหรัฐแทนวงเบลล่าที่ถูกแบน โชวฺ์ของดาส์ ซาวด์ แมชชีน มีสมาชิกนับสิบ มาในชุดสีดำ สมาชิกร่างใหญ่ทั้งชายหญิงดูดุดันเหมาะกับภาพลักษณ์ของชาวเยอรมัน
ระหว่างทางหนังก็สอดแทรกด้วยการโชว์ของวงประสานเสียงอื่นๆ การแข่งขันเล็กๆ เรื่องราวของเบคก้า ที่ตัดสินใจเดินต่อในสายอาชีพทางดนตรี ปูพื้นเรื่องราวไว้ในภาคต่อไป มุกในหนังเหลือเฟือมาก เล่นกันแบบยิงทิ้งยิงขว้าง แล้วแต่มุกไหนจะโดน ก็พอได้เสียงหัวเราะบ้างยิ้มบ้าง ส่วนใหญ่จะตกเป็นหน้าที่ของ รีเบล วิลสัน ตลกสาวร่างอ้วน ที่ภาคนี้ผู้สร้างเทบทให้เธอกลายเป็นสีสันหลักของเรื่อง จะเป็นรองก็แค่เบคก้า นางเอกของเรื่องเท่านั้น รวมถึงหน้าใหม่ในภาคนี้คือ ไฮลีย์ สไตน์เฟลด์ สาวน้อยวัย 19 จาก begin again และ ender’s game ไฮลีย์นี่พอสาวขึ้นก็เริ่มดูสวยขึ้น เธอสูงถึง 170 ซม. พอยืนคู่กับแอนนา นางเอกของเรื่องที่สูงเพียง 157 ซม. แอนนา เลยดูตัวสั้นไปเลย วงเบลล่า มีสมาชิกถึง 10 คน กระจายบทให้ครบไม่ไหวครับ ที่พอจะมีบทบาทอีกคนก็ โคลอี้ รุ่นพี่หัวหน้าวงที่รักวงเบลล่า จนไม่ยอมเรียนจบสักที ที่เหลือก็สถานะตัวประกอบแท้จริง ชื่ออะไรกันบ้างยังไม่รู้เลย
เพลงในภาคนี้เยอะขึ้นมาก หลายๆเพลงเป็นเพลงคลาสสิค ยุค 80s-90s ย้อนกันไปถึง ทิน่า เทอเนอร์,แพท เบนาต้าม,มอนเทล จอร์แดน,คริส ครอส,เค.ซี. แอนด์ เดอะชันไชน์แบนด์ และ เบล บิฟ ดีโว ที่รุ่นใหญ่ดูแล้วน่าจะยิ้มออก แต่รุ่น 30 ลงมา ดูแล้วอาจงงเพลงไรหว่า หลายๆเพลงเพราะมาก หลายๆเพลงฟังแล้วก็คุ้นหู เฮ้ยเพลงนี้รู้จักเคยได้ยิน เพลงไรหว่า ต้องกลับมาค้น แล้วที่สำคัญหลายคนต้องเคยมีประสบการณ์ที่ว่าฟังเพลงในโรงหนังแล้วอิน รู้สึกว่ามันไพเราะจริง ตอนกลับมาเปิดฟังที่บ้านทำไมไม่เพราะเหมือนตอนฟังในโรง เรื่องนี้เช่นกันครับ เพลงเพราะๆ หลายเพลงที่ย้ำว่าถ้าเป็นคนรักหนังเพลงชอบฟังเพลง เกือบสองชั่วโมงของเรื่องนี้จะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมาก หาดูยากแล้วล่ะครับ อีกสองวัน san andreas ก็มาแล้ว