The Eight Hundred หรือชื่อไทยว่า “นักรบ 800” กำลังทะยานขึ้นเป็นหนังสงครามที่น่าจะทำรายได้รวมทั่วโลกเป็นอันดับ 1 ของหนังแนวนี้ในท้ายที่สุด แม้ว่าจะเป็นหนังจีนแต่ก็ได้รับการตอบรับในบ้านอย่างถล่มทลายของปี 2020 ซึ่งเป็นปีโควิด ขณะที่หนังทั่วโลกต่างทำรายได้กันอย่างยากเย็น นับจนถึงขณะนี้ (17 ตุลาคม) หนังทำเงินไปแล้ว 441.7 ล้านเหรียญฯ รั้งอันดับ 5 ของหนังสงครามทำเงินสูงสุดทั่วโลก ห่างจากอันดับ 1 ไปไม่เท่าไรและน่าจะแซงได้ในอีกไม่นานนี้
ชวนอ่าน “15 หนังปฏิบัติการทางทหารจากเรื่องจริง “สุดมัน” ในรอบ 20 ปี“
อ่านรีวิว The Eight Hundred “นักรบ 800”
และถ้าพูดถึงหนังสงคราม 10 อันดับที่ทำรายได้รวมสูงที่สุดทั่วโลกตลอดกาลนั้นมีเรื่องอะไรบ้าง What the Fact ขอนำมาเสนอให้อ่านกัน โดยหนังสงครามในการจัดอันดับนี้ ขอเน้นที่สงครามสมัยใหม่ช่วงหลังสงครามโลกเป็นต้นมา (จึงไม่ได้หยิบหนังยุคประวัติศาสตร์ที่ห่างไกลก่อนหน้านั้นเช่นสงครามกลางเมืองมาด้วย) และเป็นหนังที่มีบรรยากาศของสงครามเป็นหลัก (จึงไม่ได้หยิบ Forrest Gump (1994) หรือ The Curious Case of Benjamin Button (2008) ที่มีฉากสงครามเป็นบางช่วงมาจัดอันดับไว้)
อันดับ 10 : Fury (2014)
หนังสงครามที่เล่าเรื่องผ่านทหารประจำรถถังของพันธมิตรคันหนึ่งที่ฝ่าแนวตั้งรับของนาซีเข้าไปในแดนของข้าศึกเพื่อเปิดทางสู่การบุกเยอรมนีในช่วงวันสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวของจ่า Don ‘Wardaddy’ Collier ที่ได้รับคำสั่งให้บัญชาการรถถังเชอร์แมนของเขา พร้อมทหารรถถัง 5 นาย บุกทะลวงสู่แดนข้าศึกซึ่งเป็นภารกิจลุยเดี่ยวเพื่อเปิดทางในการบุกสู่ใจกลางฐานทัพของนาซีเยอรมัน และพบว่าต้องเจอกับข้าศึกที่มีจำนวนมากกว่าพวกเขา ในบรรดาห้าทหารรถถังของเขา มีพลยิงนายใหม่ประจำรถถังที่ชื่อ Norman Ellison เขาไม่เคยฆ่าคน และจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อให้ทั้งหมดรอดตายจากสงครามที่ไม่ง่ายที่จะเป็นอย่างนั้น
Fury ถือเป็นหนังสงครามเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใช้รถถังจริงมาเข้าฉากกว่า 60 คัน โดยรถถังหลักที่ชื่อฟิวรี่ชื่อเดียวกับหนัง ทีมงานได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์โบวิงตัน ให้นำรถถังรุ่น M4A2 76mm HVSS ที่ยังใช้งานได้มาถ่ายทำในหนัง และรวมถึง รถถังไทเกอร์ II ของกองทัพเยอรมัน ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้โดยพิพิธภัณฑ์เช่นกัน ผู้กำกับอยากทำหนังรถถังที่ยอดเยี่ยมที่สุด ถึงขนาดที่ถ้ามีคนพูดถึงหนังสงครามที่มีรถถังจะต้องนึกถึง Fury เป็นเรื่องแรก
- นักแสดง: Brad Pitt, Shia LaBeouf, Logan Lerman, Jon Bernthal, Michael Peña
- ผู้กำกับ: David Ayer (Suicide Squad, End of Watch, Bright)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 68 / 85 / 211
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 772
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 76% / 7.6/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์: ไม่มี
อันดับ 9 : The English Patient (1996)
เรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของผู้คนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ สมรภูมิแถบแอฟริกาเหนือและอิตาลี ภาพยนตร์เปิดเรื่องด้วยฉากเครื่องบินเล็กของอังกฤษตกกลางทะเลทรายซาฮารา เพราะถูกเหล่าทหารเยอรมันที่ซุ่มอยู่ยิงตก คนในเครื่องบินดูเหมือนจะมี 2 คนแต่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในส่วนผู้โดยสารตอนหน้านั้นคงจะเสียชีวิตไปแล้ว ชายคนขับเครื่องบินพยายามดึงเธอออกมาแม้ว่าตัวเขาก็ดูเหมือนจะไม่รอดเพราะถูกไฟคลอกอยู่ สุดท้ายเครื่องบินที่ตกก็มีเหล่าเบดูอินกลุ่มหนึ่งมาพบและทำการแยกชิ้นส่วนที่พอจะขายหรือทำประโยชน์ได้ออกไป ชายคนขับเครื่องบินรอดชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ถูกไฟคลอกจนผิวหนังชั้นนอกถูกทำลายไปหมดสิ้น เขาได้รับความช่วยเหลือจากเบดูอินเหล่านั้นและได้รับการรักษาตามแบบชาวทะเลทรายโบราณ
เขาถูกส่งตัวให้กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในอิตาลี แม้จะได้รับการรักษาจนบาดแผลหายแล้วแต่เขาก็จดจำอะไรไม่ได้ ใบหน้าที่ถูกไฟคลอกไปมีเนื้อเกิดใหม่ที่ผิดรูปร่างจนจำไม่ได้ว่าเป็นใคร เมื่อทหารฝ่ายสัมพันธมิตรมาขอข้อมูล เขาก็ให้ได้เพียงแค่ว่าเขาอาจจะเป็นนักบินเพราะเขาถูกพบในซากเครื่องบินเขาไม่รู้ชื่อตัวเอง และไม่รู้ว่าตนเกิดที่ไหน รู้แต่ไม่ใช่คนเยอรมัน และยังจำได้อีกเพียงบางสิ่งที่เกี่ยวหญิงที่เขาเชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาเท่านั้น เขาจึงถูกเรียกว่า “คนไข้ชาวอังกฤษ” (ชื่อหนัง) ที่หน่วยพยาบาลนั้น เขาได้รับการดูแลจาก Hana พยาบาลสาวชาวฝรั่งเศส-แคนเนเดียน ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งจะได้รับข่าวร้ายจากทหารที่กำลังจะตายว่าคนรักของเธอที่ถูกส่งไปรบที่เดียวกับทหารคนนั้นถูกยิงตายไปแล้ว
Hana ตกอยู่ในภาวะจิตตก เธอเชื่อว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเธอถูกสาปมาให้คนที่เธอรักต้องตายไปทุกคน แต่เธอก็ได้กำลังใจจาก”คนไข้ชาวอังกฤษ” คนนั้น เมื่อ Hana เห็นว่าคนไข้ของเธอไม่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้อีกต่อไป เธอจึงยืนยันที่จะอยู่พยาบาลเขาที่สำนักชีร้างแถวนั้นจนกว่าเขาจะตาย แม้บรรดาแพทย์สนามและเพื่อนพยาบาลจะห้ามปราม เธอยืนยันว่าหากคนไข้คนนี้ตาย เธอจะตามไปทันที ระหว่างนั้นทั้งคนไข้ชาวอังกฤษและ Hana ก็ค่อย ๆ ฟื้นความทรงจำของเขาได้ และเหมือนจะมีความลับดำมืดบางอย่างที่ค่อย ๆ เผยตัวจากการถูกซ่อนจากความทรงจำของชายคนนี้
- นักแสดง: Ralph Fiennes, Juliette Binoche, Willem Dafoe, Colin Firth, Kristin Scott Thomas
- ผู้กำกับ: Anthony Minghella (Truly Madly Deeply, The Talented Mr. Ripley, Cold Mountain)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 27 / 78 / 231 ล้านเหรียญฯ
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 676
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 85% / 7.4/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 9 สาขารางวัล (ภาพยนต์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Juliette Binoche), ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, องค์ประกอบหญิงยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 3 สาขารางวัล (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Ralph Fiennes), นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Ralph Fiennes), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม)
อันดับ 8 : Inglourious Basterds (2009)
หนึ่งในหนังสุดแสบของผู้กำกับสุดจี๊ดอย่าง Quentin Tarantino ซึ่งได้รับการยอมรับในวงกว้างแล้วเมื่อเขากำกับหนังพีเรียดในบรรยากาศสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องนี้ หนังเข้าชิงถึง 8 รางวัลออสการ์ (รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย) ซึ่งหนังตลกร้ายสุดบันเทิงสักเรื่องจะมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ชื่อชั้นและบารมีของผู้กำกับ Tarantino ส่วนของดีของตัวหนังเองก็คือ ทีมนักแสดงที่โชว์ฝีมือกันไม่ยั้ง หนึ่งในนั้นได้รางวัลออสการ์สมทบชายยอดเยี่ยมไปครองก็คือ Christoph Waltz (หนังจะมีให้ชมที่ Netflix 23 ตุลาคมนี้)
ในปี 1941 Col. Hans Landa นำทหารนาซีเข้าตรวจค้นฟาร์มโคนมแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่หลบภัยของชาวยิว เขาพบว่ามีครอบครัวชาวยิวหลบซ่อนอยู่ที่ห้องใต้ดิน จึงสั่งลูกน้องกราดยิงคนทั้งหมด มีเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งหลบหนีไปได้ 3 ปีต่อมา ชาวยิวรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่ม “แก๊งโคตรแสบ” นำโดยร้อยโท Aldo Raine เขารวมกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิวออกแก้แค้นทหารนาซีอย่างโหดเหี้ยมจนเป็นที่เลื่องลือ โดยเฉพาะการใช้มีดกรีดหน้าผากเป็นเครื่องหมายสวัสดิกะเพื่อเป็นการประจาน
ในเวลาเดียวกัน Shosanna เด็กหญิงที่รอดตาย เติบโตขึ้นและเปลี่ยนชื่อ เธอทำกิจการโรงภาพยนตร์อยู่ที่ปารีสและได้พบกับ Fredrick Zoller พลซุ่มยิงเยอรมันที่กลายเป็นวีรบุรุษสงคราม วีรกรรมของเขาถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โฆษณาชวนเชื่อและได้จัดฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์มาที่โรงภาพยนตร์ของเธอเพื่อเป็นการโปรโมต โดย Adolf Hitler ผู้นำนาซีสูงสุดก็จะมาร่วมงานนี้ด้วย เธอจึงวางแผนจะแก้แค้นนาซีที่พรากเธอจากครอบครัว ส่วนกลุ่มแก๊งโคตรแสบทราบข่าวการฉายภาพยนตร์รอบพิเศษดังกล่าว ก็ได้วางแผนที่จะก่อวินาศกรรมในงานนี้ด้วย โดยความร่วมมือจาก Bridget von Hammersmark นักแสดงสาวชื่อดังชาวเยอรมัน เธอเป็นสายลับสองหน้าที่ช่วยพาแก๊งโคตรแสบเข้างาน
- นักแสดง: Brad Pitt, Diane Kruger, Christoph Waltz, Eli Roth, Mélanie Laurent, Michael Fassbender, Daniel Brühl, Til Schweiger
- ผู้กำกับ: Quentin Tarantino (Kill Bill, Once Upon a Time… In Hollywood, Pulp Fiction)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 70 /120 / 321 ล้านเหรียญฯ
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 450
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 8.3/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 1 สาขารางวัล (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Christoph Waltz))
- เข้าชิง 7 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
อันดับ 7 : Schindler’s List (1993)
นอกจากจะเป็นหนังที่คว้ารางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 1993 ทำให้ Steven Spielberg คว้าออสการ์ตัวแรกในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และหนังเองก็คว้ารางวัลออสการ์ 7 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 12 สาขารางวัล ชนะรางวัลลูกโลกทองคำและบาฟตา ในสาขาใหญ่ ๆ เกือบทั้งหมดในปีนั้น หนังยังถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในโลกที่พูดถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยนาซี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สมจริงและสร้างความสะเทือนใจมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน นี่คือหนังที่ Universal Studios ยอมควักเงิน 22 ล้านเหรียญฯ ทิ้งให้ Spielberg สร้าง เพราะคิดว่าหนังต้องเจ๊งแน่ที่คิดจะนำเสนอความหดหู่จากสงคราม แถมยังเป็นหนังขาวดำที่ยาว 3 ชั่วโมง ท้ายที่สุดหนังทำรายได้ทั่วโลกไป 322 ล้านเหรียญฯ (ชมได้ที่ Netflix)
Schindler’s List เล่าเรื่องราวของ Oskar Schindler นักธุรกิจผู้มีวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจคนเป็นเลิศ เขามองเห็นช่องทางสร้างกำไรจากการสร้างโรงงานผลิตเครื่องเคลือบ ภาชนะสำคัญในการทำสงคราม โดยใช้ประโยชน์จากชาวยิวที่ถูกตีตราว่าเป็นแรงงานราคาถูก เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลิต ในช่วงแรกเขากระหายชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จ ถึงขนาดภาวนาให้สงครามยืดเยื้อยาวนาน เพื่อให้ธุรกิจเขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์ต่อไปได้นานที่สุด เขายอมลงทุนจำนวนมากเพื่อติดสินบนนายทหารนาซีระดับสูง เพื่อให้ตัวเองผูกขาดแรงงานชาวยิวราคาถูกได้แต่เพียงผู้เดียว
แต่แล้วเป้าหมายนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เมื่อเขาได้เห็นภาพชาวยิวจำนวนมากถูกกดขี่ รวมทั้งการปรากฏตัวของ Amon Goeth นายทหารที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพนาซี ให้มาเป็นผู้ควบคุมเชลยชาวยิว เขาคือนายทหารสุดโหดที่พร้อมจะปลิดชีวิตชาวยิวทุกคนที่เขาไม่พอใจอย่างไร้ความปราณี เขาคือปีศาจที่ทำให้ทุกคนหวาดหวั่น หากแต่ลึก ๆ แล้ว ระหว่างที่เขาลั่นกระสุนออกไปนัดแล้วนัดเล่า ความเปราะบางในใจของเขาก็ค่อยเผยออกมาให้เห็นทีละน้อย ความเชื่อที่ถูกปลูกฝังว่าต้องเกลียดชังชาวยิว ได้เปลี่ยนให้เขากลายเกลายเป็นปีศาจโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เพราะ Goeth ที่ทำให้ Schindler เริ่มดึงเชลยชาวยิวเข้ามาทำงานด้วยมากขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะเขาต้องการเพิ่มกำลังผลิตให้กับโรงงาน คราวนี้เขาแค่ต้องการช่วยชีวิตคนเหล่านี้เอาไว้เท่านั้น เขายอมใช้เงินจำนวนมากซื้อตัวชาวยิว 1,100 คน และพาไปตั้งโรงงานผลิตปลอกกระสุนที่บ้านเกิด
- ชวนอ่าน “เปิดตำนาน 27 ปี Schindler’s List: หนังที่ดีที่สุดตลอดกาลของพ่อมด Steven Spielberg“
- ชวนอ่าน “รวมหนังพ่อมดแห่งฮอลลีวูด Steven Spielberg ใน Netflix และ Easter Egg ที่ซ่อนไว้ทุกเรื่อง“
- ชวนอ่าน “[รีวิว] Schindler’s List ชะตากรรมที่โลกไม่ลืม – 25 ปีผ่านไปความสะเทือนใจไม่มีเปลี่ยน“
- นักแสดง: Liam Neeson, Ben Kingsley, Ralph Fiennes, Caroline Goodall, Jonathan Sagall, Embeth Davidtz
- ผู้กำกับ: Steven Spielberg (Saving Private Ryan, Amistad, Munich)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 22 / 96 / 322 ล้านเหรียญฯ
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 444
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 97% / 8.9/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 7 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 5 สาขารางวัล (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Liam Neeson), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Ralph Fiennes), ออกแบบเครื่องแต่งกาย, แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)
อันดับ 6 : 1917 (2019)
หนังนำเสนอเรื่องตลอด 2 ชั่วโมงแบบภาพ Long-Take (ปลอม ๆ เพราะใช้การตัดต่อที่แนบเนียน) Deakins ใช้กล้อง Alexa Mini LF รุ่นใหม่ล่าสุดที่สนองตอบการถ่ายภาพที่ลื่นไหล ละเอียด และงดงามแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนจากกล้องตัวไหน หนังบอกเล่าเรื่องราวของทหารชั้นผู้น้อย 2 นายที่ติดอยู่กลางสนามรบของสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1917 พวกเขาต้องนำจดหมายไปส่งให้ถึงนายพลเพื่อยับยั้งการเดินทัพเข้าไปติดกับดักของข้าศึก ระหว่างนั้นพวกเขาต้องผ่านพื้นที่น่าสะพรึง ภาพชวนเวทนา และสถาการณ์บีบคั้นต่าง ๆ มากมายจากสงคราม หนังได้ชื่อว่าเป็นหนังสงครามที่ให้ภาพสมจริงระดับเดียวกับ Saving Private Ryan (1997)
ผลงานของผู้กำกับและตากล้องตัวท็อปของวงการ ผู้กำกับก็คือ Sam Mendes ผู้ชนะรางวัลออสการ์จากหนัง American Beauty และกำกับหนัง 007 ที่ทำรายได้มากที่สุดอย่าง Skyfall ส่วนฝั่งผู้กำกับภาพวัย 70 อย่าง Roger Deakins นั้น ก็เคยร่วมงานกับ Mendes มาตั้งแต่ Skyfall รวมถึงหนังฟอร์มยักษ์ที่ภาพสวยจับใจหลายเรื่องเช่น Blade Runner 2049, Sicario, In Time, True Grit และ No Country for Old Men หนังถูกวางตัวเป็นม้ามืดตัวเก็งออสการ์ แต่ก็พ่ายให้กับ Parasite คว้าไป 3 สาขาคือ ถ่ายภาพยอดเยี่ยม (Deakins) วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม และผสมเสียงยอดเยี่ยม (อ่านรีวิวฉบับเต็มเรื่องนี้ของ WTF)
- นักแสดง: Colin Firth, Benedict Cumberbatch, Dean-Charles Chapman, George MacKay, Daniel Mays, Pip Carter
- ผู้กำกับ: Sam Mendes (American Beauty, Skyfall, Road to Perdition, Revolutionary Road)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 95 / 159 / 384
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 325
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 8.3/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 3 สาขารางวัล (ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 7 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
อันดับ 4 : PEARL HARBOR (2001)
หนังที่ได้ชื่อว่าถ่ายทำอย่างสมจริงและอลังการมากที่สุดเรื่องนึงของผู้กำกับจอมบู๊ระเบิดภูเขาเผากระท่อมอย่าง Michael Bay แถมยังเป็นหนังเมโลดราม่าของรักสามเส้า (ที่อาจทำให้แฟน ๆ หนังผู้ชายสายบู๊ไม่ชอบหนังในจุดนี้) หนังเป็นเรื่องราวของสมรภูมิที่โด่งดังที่สุดของสหรัฐฯ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นถล่มอ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ ที่ตั้งของฐานทัพเรือสหรัฐฯ ที่ใกล้กับญี่ปุ่นที่สุดบนหมู่เกาะฮาวายโดยไม่ให้สหรัฐฯ ได้ตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941 ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 2,335 ราย บาดเจ็บ 1,143 คน
เรื่องราวของสองนักบินหนุ่มคนกล้า Rafe McCawley และ Danny Walker ซึ่งสนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้อง พวกเขาได้รับการฝึกฝนให้ขับเครื่องบินกำจัดแมลงศัตรูพืช และในยามที่ชาติต้องการ พวกเขาก็พร้อมเข้าร่วมเป็นนักบินประจำกองทัพอากาศสหรัฐฯ Rafe McCawley หลงรัก Evelyn Johnson นางพยาบาลสาวสวยจิตใจห้าวหาญที่ทำงานในกองทัพเรือสหรัฐฯ ด้วยความหาญกล้าเปี่ยมอุดมการณ์ เขาได้เข้าร่วมกองร้อยอินทรีบินร่วมรบในสมรภูมิรบอังกฤษทิ้งคนรักใหม่กับเพื่อนสนิทของเขาไว้เบื้องหลัง เครื่องบินของเขาถูกยิงตกกลางทะเล หน่วยเหนือประกาศการตายของเขา แต่เขากลับเอาชีวิตรอดมาได้ และใช้เวลารักษาตัวก่อนจะกลับมาที่เพิร์ลฮาเบอร์
เมื่อเขากลับมาก็พบว่าคนรักอย่าง Evelyn และเพื่อนรักอย่าง Danny เกิดรักกันไปแล้วเพราะเข้าใจว่าเขาตาย ความสัมพันธ์แบบรักสามเส้าของทั้งคู่จึงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ระหว่างนั้นเองผู้ใช้ชีวิตอยู่ในเพิร์ลฮาร์เบอร์ ก็ต้องตั้งรับการจู่โจมแบบสายฟ้าฟาด ทั้งทางน้ำและทางอากาศ ของกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นที่ต้องการปลุกยักษ์ให้ตื่นจากภาวะลอยตัวอยู่เหนือสงคราม กลายมาเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของสหรัฐฯ จนถึงภารกิจการบุกโต้กลับญี่ปุ่นของทีมฝูงบินที่ Rafe และ Danny ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
- นักแสดง: Ben Affleck, Kate Beckinsale, Josh Hartnett, Alec Baldwin, Jennifer Garner, Jon Voight, Cuba Gooding Jr.
- ผู้กำกับ: Michael Bay (Armageddon, Transformer 1-5, The Rock)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 140 / 198 / 449 ล้านเหรียญฯ
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 228
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 24% / 6.2/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 1 สาขารางวัล (ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 3 สาขารางวัล (เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม)
อันดับ 3 : SAVING PRIVATE RYAN (1997)
หนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ระดับขึ้นหิ้งในตำนานอีกเรื่องของโลกที่กำกับโดยพ่อมดแห่งฮอลลีวูด Steven Spielberg แม้จะชนะถึง 5 สาขารางวัลออสการ์ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนังที่ถูกปล้นออสการ์อย่างค้านสายตาที่สุดเรื่องหนึ่ง (หนังที่ชนะคือ Shakespeare in Love) ถึงอย่างไรก็ตามหนังก็ยังถูกพูดถึงจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะฉากยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ที่ฝ่ายสัมพันธมิตร นำโดยสหรัฐฯ หักเอาฝ่ายอักษะอย่างเยอรมันลงได้จากการโจมตีในครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย และความยอดเยี่ยมของหนังก็เริ่มตั้งแต่ฉากสงครามบนหาดโอมาฮ่า ที่เห็นเนื้อเป็นเนื้อ เลือดเป็นเลือดอย่างสมจริง
ความสะเทือนใจย่อมมาคู่กับหนังสงครามอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ด้วยการผูกเรื่องของ Steven Spielberg และมือเขียนบท Robert Rodat ที่เริ่มต้นเรื่องมาก็เป็นการสูญเสียลูกชาย 3 จาก 4 คนไปในสงครามโลกครั้งนี้ นั่นจึงเป็นเหตุให้กลุ่มทหารที่นำโดย Captain Miller และพลทหารราว 10 คนต้องบุกเข้าไปกลางสนามรบเพื่อช่วยเหลือหรือยืนยันให้ได้ว่า พลทหาร Ryan คนสุดท้ายของครอบครัวนี้ยังอยู่หรือตายไปแล้ว หากจะเปรียบเทียบกันก็เหมือนว่าหน่วยเหนือจะเห็นคุณค่าของชีวิต Ryan มากกว่าชีวิตของกลุ่มพระเอกที่เหลือทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเสียสละชีวิตกันไปเรื่อย ๆ ตลอดทาง (ชมได้ที่ Netflix)
- ชวนอ่าน “รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)“
- ชวนอ่าน “ที่สุดของฉากหนังดัง” ตลอด 25 ปี ที่ขับเคลื่อนโลกและความทรงจำของผู้คน (ตอนที่ 1)“
- นักแสดง: Tom Hanks, Matt Damon, Vin Diesel, Tom Sizemore, Edward Burns, Barry Pepper, Adam Goldberg
- ผู้กำกับ: Steven Spielberg (Schindler’s list, War Horse, Lincoln, War of the World)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 70/ 217 / 482 ล้านเหรียญฯ
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 228
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 93% / 8.6/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 5 รางวัล (ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, เอฟเฟกต์และซาวด์เอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 6 รางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Tom Hanks), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, แต่งหน้าทำผมยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)
อันดับ 2 : DUNKIRK (2017)
อิงจากเหตุการณ์อพยพที่ Dunkirk หรือยุทธการไดนาโมในสงครามโลกครั้งที่ 2 อันเป็นยุทธการสำคัญของฝ่ายอังกฤษในการช่วยชีวิตทหารฝ่ายสัมพันธมิตรกว่า 330,000 นาย จากหาดและท่าเรือ Dunkirk ให้พ้นจากการปิดล้อมของฝ่ายเยอรมัน ”ความหวัง”ในสถานการณ์วิกฤตนี้ เมื่อทหารถูกล้อมกรอบ และถูกเครื่องบินข้าศึกบินมาโจมตี ซึ่งหนทางรอดเดียวมาจากชาวบ้านกับกองทัพช่วยกันนำเรือมารับ ทั้งเรือขนาดเล็กและเรือหาปลาออกสู่ทะเลใหญ่ ขับไปขับกลับซึ่งไม่ง่ายเลยเมื่อเทียบกับทหารนับแสนคน
ความแปลกใหม่ของ Dunkirk สำหรับการนำเสนอแบบ Nolan ก็คือ การเล่าผ่านจาก 3 มุมมอง บนอากาศ (เครื่องบิน), บนแผ่นดิน (ชายหาด) และบนทะเล (การอพยพโดยกองทัพเรือ) ซึ่งสำหรับทหารที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งแล้ว เหตุการณ์เกิดขึ้นในเส้นเวลาที่แตกต่างกัน รวมถึงความยาวของเหตุการณ์ทั้ง 3 มุมมองก็ไม่เท่ากันแต่มาเหลื่อมทับซ้อนกัน บนแผ่นดิน บางคนติดอยู่บนชายหาดร่วมสัปดาห์ บนน้ำ เหตุการณ์ยาวนานที่สุดก็ราวหนึ่งวัน และถ้าคุณบินไปยัง Dunkirk เครื่องบินรบของอังกฤษจะบรรทุกเชื้อเพลิงที่บินไปได้ราวหนึ่งชั่วโมง แต่เวลาสำหรับผู้ชมหนังแล้ว หนังความยาวเพียง 107 นาที หรือ 1 ชั่วโมง 47 นาที ถือว่าเป็นหนังที่สั้นที่สุดเป็นอันดับ 2 ในผลงานเกือบทั้งหมดของ Nolan (ชมได้ที่ Netflix)
- ชวนอ่าน “ย้อนดูหนัง 10 เรื่อง ตลอด 22 ปีของผู้กำกับ Christopher Nolan ก่อนจะถึง Tenet“
- ชวนอ่าน “[รีวิว] Dunkirk ให้กี่คะแนนก็ไม่พอกับคุณงามความดีของมันหรอกครับ“
- นักแสดง: Tom Hardy, Kenneth Branagh, Cillian Murphy, Mark Rylance, Harry Styles, Jack Lowden
- ผู้กำกับ: Christopher Nolan (Tenet, The Dark Knight Trilogy, Inception)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 100 / 189 / 526 ล้านเหรียญฯ
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 201
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 92% / 7.9/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 3 สาขารางวัล (ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม และผสมเสียงยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 5 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และองค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม)
อันดับ 1 : AMERICAN SNIPER (2014)
Chris Kyle ทหารหน่วยซีลประจำกองทัพเรือสหรัฐเป็นพลแม่นปืนเพื่อพิทักษ์พี่น้องทหารที่รับเคียงบ่าเคียงไหล่ในสงครามประเทศอิรัก เขาเป็นพลแม่นปืนที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ทางทหารของสหรัฐฯ จนได้รับสมญาว่าเป็นตำนาน เมื่อชื่อเสียงของเขาดังขึ้นก็ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของข้าศึก มีการตั้งค่าหัวเงินรางวัลหากสังหารเขาได้ ขณะเดียวกัน Chris ก็ต้องทำหน้าที่ของพ่อและสามีที่ดีไปพร้อมกันด้วยสำหรับลูกเมียที่อยู่แนวหลังในสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีทั้งอันตรายในแนวหน้าและปัญหาชีวิตในแนวหลัง เขาก็ยังมาปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติถึง 4 รอบด้วยกัน ให้สมกับคติของหน่วยที่ว่าจะไม่ทิ้งกัน
หนังดัดแปลงจากชีวิตจริงของ Chris Kyle ซึ่งเขียนชีวประวัติตัวเองเป็นหนังสือในชื่อเดียวกับหนัง ตีพิมพ์ในปี 2012 ก่อนที่เขาจะจบชีวิตที่สนามยิงปืนในรัฐเท็กซัสเมื่อปี 2013 จากนาวิกโยธินรุ่นน้องที่เขาพาไปสนามยิงปืนซึ่งพบว่ามีอาการป่วยทางจิตจากการเข้าร่วมสงครามอย่างยาวนาน Clint Eastwood ผู้กำกับมือเก๋ามารับผิดชอบเรื่องนี้หลังจาก Steven Spielberg ถอนตัวออกไป และ Bradley Cooper นักแสดงนำที่รับบทเป็น Chris Kyle ได้คุยกับตัวจริงแค่ครั้งเดียวทางโทรศัพท์ นาน 2 นาทีก่อนที่สองสัปดาห์ต่อมา Chris จะเสียชีวิต หลังจากนั้น Bradley ก็ใช้เวลาเตรียมตัวอย่างหนักถึง 8 เดือน เพื่อเตรียมรับบทให้เหมือน Chris มากที่สุด รวมถึงเพิ่มน้ำหนัก 18 กิโลกรัมด้วย (ชมได้ที่ Netflix)
ชวนอ่าน “อันดับ 1 หนังทำเงินสูงสุดของอเมริกาและทั่วโลก ในรอบทศวรรษ 2010s“
- นักแสดง: Bradley Cooper, Kyle Gallner, Keir O’Donnell, Sienna Miller, Jonathan Groff
- ผู้กำกับ: Clint Eastwood (Sully, Invictus, Flags of Our Fathers, Million Dollar Baby)
- ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 58 / 350 / 547
- อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 185
- Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 72% / 7.3/10
- บทบาทบนเวทีออสการ์:
- ชนะ 1 สาขารางวัล (ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
- เข้าชิง 5 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Bradley Cooper), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, ตัดต่อยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)
ชวนอ่าน “15 หนังปฏิบัติการทางทหารจากเรื่องจริง “สุดมัน” ในรอบ 20 ปี“
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส