ขึ้นชื่อว่า “ประวัติศาสตร์”นั้น หลายคนก็กล่าวว่าเป็นการบันทึกจากฝั่งผู้ชนะสงครามหรือผู้มีอำนาจในช่วงเวลานั้น ๆ ทำให้มีการใช้อำนาจลบเลือน “ความเป็นจริง” จากฝั่งผู้แพ้ในสงครามหรือผู้ไม่มีอำนาจ (การอ่านหรือศึกษาประวัติศาสตร์จึงควรอ่านระหว่างบรรทัดและไม่เชื่อไปเสียทั้งหมด) ประวัติศาสตร์บางเล่มก็ถึงขั้นลบความเป็นจริงส่วนอื่นหรือแต่งเสริมเรื่องราวที่ไม่มีอยู่จริงเพิ่มเข้าไปให้เรื่องราวของฝ่ายผู้เขียนยิ่งใหญ่และเปี่ยมไปด้วยความน่าเหลือเชื่อไปจนถึงเรื่องราวเหนือปาฏิหาริย์

หนังประวัติศาสตร์ก็เช่นกัน หลายเรื่องนั้นก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างบอกเล่าความเป็นจริงด้านเดียว ไม่ได้นำเสนอเรื่องราวครบทุกด้าน หรือแต่งเสริมเรื่องราวให้พระเอกนางเอกหรือทีมตัวเอกมีความสามารถเก่งเกินจริงเพื่อให้หนังสนุกขึ้น กรณีของ Mulan ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของ Disney ในปีนี้ก็โดนข้อหานี้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าหนังจากสร้างจากตำนานบทกวีเก่าแก่ของจีน แต่พอมาถึงฉบับภาพยนตร์เนื้อหาก็เปลี่ยนแปลงไปหลายส่วนแล้ว จนเหลือแต่เนื้อหาว่าสตรีนางหนึ่งปลอมตัวเป็นบุรุษไปออกรบเท่านั้น What the Fact จึงขอนำเสนอหนังประวัติศาสตร์บางเรื่องที่ถูกหมายเหตุไว้ว่า ไม่ได้สร้างตามประวัติศาสตร์ที่แท้จริง

ชวนอ่าน “9 หนังที่สร้างจากเรื่องราวของบุคคลจริง และจุดที่บทภาพยนตร์ดัดแปลงให้แตกต่างจากเหตุการณ์จริง

THE PASSION OF THE CHRIST (2004)

ภาพยนตร์สุดอื้อฉาวของผู้กำกับ Mel Gibson ที่นำเสนอฉากการทรมานไปจนถึงฉากการตรึงกางเขนพระเยซู ผู้นำของศาสนาคริสต์ได้อย่างทรมานใจ จากฉากที่แสนหดหู่รวมถึงฉากเลือดเนื้อที่ถูกฉีกทึ้งอย่างทรมานให้ปรากฎต่อสายตาผู้ชมเพื่อให้หนังสื่ออารมณ์ได้อย่างถึงที่สุด มีการบันทึกไว้ว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 2 รายจากการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ รายแรกคือหญิงวัย 56 ปีในรัฐแคนซัสที่เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันระหว่างชมฉากตรึงไม้กางเขน ส่วนอีกรายคือ 1 เดือนถัดมา ชายชาวบราซิลวัย 43 เกิดหมดสติไปเฉย ๆ ขณะดูนั่งดูหนังข้างภรรยา โดยเขาได้รับการช่วยเหลือเบื้องต้นในโรงภาพยนตร์แต่ก็เสียชีวิตในที่สุด

หนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังที่เป็นผลงานกำกับที่ยอดเยี่ยมที่สุดและประสบความสำเร็จสูงสุดของพระเอกชื่อดังแห่งยุค 90s อย่าง Mel Gibson ผู้ที่ตั้งใจสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้นานถึง 3 ปีด้วยเงินทุนของตัวเอง เพราะไม่มีสตูดิโอกล้าเสี่ยงสร้างหนังที่ขายยากมาก เขาอยากแสดงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสต์ โดยถ่ายทอด 12 ชั่วโมงสุดท้าย ก่อนที่จะทรงสละชีวิตบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปแทนมนุษย์ สุดท้ายเมื่อหนังออกฉายก็กลายเป็นหนังเรต R ที่ทำรายได้สูงที่สุดในสหรัฐฯ และของโลกจนถึงทุกวันนี้ รวมถึงปลุกกระแสหนังที่สร้างเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูหรือหนังจากความเชื่อทางศาสนาคริสต์ตามออกมาอีกมากมาย

WHAT THE FACT: Gibson ให้สัมภาษณ์ไว้หลายครั้งว่า เขาสร้างเรื่องนี้จากศรัทธาส่วนตัว และจุดประสงค์ก็เพื่อจะใช้หนังตอบโต้กลุ่มผู้ต่อต้านชาวยิวมากกว่าการยึดถือความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พระเยซูและศานุศิษย์ถูกเหล่าผู้ปกครองจักวรรดิโรมันทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมนั้นเป็นไปเพื่อสร้างอารมณ์ให้กับผู้ชมมากกว่าจะให้ถูกตั้งคำถามว่า พวกโรมันโหดร้ายอย่างนั้นจริง ๆ หรือไม่? อย่างไรก็ตามการถูกทรมานจนเสียชีวิตของเยซูแห่งนาซาเร็ธ รวมถึงการมีตัวตนของศานุศิษย์ที่ปรากฎในหนังและตามพระคัมภีร์นั้นได้รับการยอมรับทางประวัติศาสตร์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง

  • นักแสดง: Jim Cavezel, Monica Bellucci, Claudia Gerini, Maia Morgenstern, Rosalinda Celentano
  • ผู้กำกับ: Mel Gibson (Braveheart, Apocalypto, Hacksaw Ridge)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30 / 612 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 49%/ 7.2/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิง 3 สาขา (ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, แต่งหน้าทำผมยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)

APOCALYPTO (2006)

ผลงานสร้างจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชนพื้นเมืองชาวอเมริกาใต้ของ Mel Gibson ที่เน้นความสมจริงอย่างไม่แคร์คนดูชาวอเมริกัน (ที่ขึ้นชื่อว่าไม่ชอบอ่านซับไตเติล) โดยใช้การพูดภาษามายันของชนพื้นเมืองตามความเป็นจริงของชนพื้นเมืองตลอดทั้งเรื่อง หนังเล่าเรื่องของเหยื่อผู้ต้องทำหน้าที่ถูกสังเวยต่อเทพเจ้าในพิธีบูชายัญสำหรับสร้างเทวสถานแห่งใหม่ Jaguar Paw และเพื่อนคิดหนีเอาตัวรอดจากการถูกชนเผ่าทั้งเผ่าตามล่าตัว ก่อนจะหนีเสือปะจระเข้ที่ถ้าใครได้ดูจนถึงตอนจบน่าจะเข้าใจความหมายนี้ดี

WHAT THE FACT: (สปอยล์) ความจริงแล้วชนเผ่ามายันที่หนังเรื่องนี้อ้างถึงคือ ชนเผ่าอัซแต็ก (Aztecs) ที่ถูกบันทึกไว้ว่าเป็นชนเผ่าในประเทศเม็กซิโก ประเทศอเมริกาใต้ ที่สงบและสันติที่สุดชนเผ่านึงและแทบจะไม่มีการบันทึกทางประวัติศาสตร์เลยว่า มีพิธีการบูชายัญมนุษย์ในกลุ่มนี้ ถ้าจะมีการลงโทษถึงขั้นฆ่ากันจนตายก็จะมีแค่โทษหนักหนาเช่นต่อต้านชนชั้นหัวหน้าชนเผ่า (เกิดขึ้นน้อยมาก) นอกจากนี้ในตอนจบที่มีการปรากฎขึ้นของชาวสเปนที่มาขึ้นฝั่งชนเผ่ามายันนั้น ในความเป็นจริง ชาวสเปนมาขึ้นฝั่งดินแดนเม็กซิโกหลังชนเผ่ามายันล่มสลายไปแล้วราว 400 ปี

  • นักแสดง: Raoul Max Trujillo, Rudy Youngblood, Gerardo Taracena, Jonathan Brewer, Iazua Larios
  • ผู้กำกับ: Mel Gibson (Braveheart, Passion of the Christ, Hacksaw Ridge)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40 / 120 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 66% / 7.8/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิง 3 สาขา (แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยมม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)

POCAHONTAS (1995)

https://www.youtube.com/watch?v=BbFzoDcRjYA

หนึ่งในหนังการ์ตูนสองมิติของ Disney ที่ตราตรึงอยู่ในใจของใครหลายคน เรื่องราวความรักระหว่างรบของลูกสาวชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียนแดงและทหารอังกฤษซึ่งเกิดขึ้นขณะที่กองทัพเรืออังกฤษเข้ารุกรานเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ ในช่วงศตวรรษที่ 17 John Smith ทหารเรืออังกฤษได้พบรักกับ Pocahontas และหลังจากนั้นก็ต้องมาลุ้นว่าความรักของทั้งสองจะลงเอยได้หรือไม่ ขณะที่พ่อของนางเอกและทหารฝั่งพระเอกกำลังจะลงมือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อแย่งชิงดินแดน

WHAT THE FACT: แม้ว่า John Smith และ Pocahontas จะมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่น่าจะมารักกันได้เพราะตอนที่ Smith ได้พบกับเธอ เธอเพิ่งจะมีอายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น นอกจากนี้สิ่งที่หนังเล่าว่า เธอได้ทำการช่วยเหลือ Smith จากการถูกชนเผ่าของเธอสังหารก็ไม่มีหลักฐานปรากฏว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นจริง ๆ รวมถึงจุดจบของ Pocahontas ก็ไม่ได้สวยหรูอย่างในละคร เธอถูกบังคับให้เปลี่ยนชื่อเป็น Rebecca เพื่อแต่งงาน (ไม่ใช่กับ Smith) และถูกบังคับให้เข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ ก่อนจบชีวิตตัวเองลงในวัยเพียง 22 ปี

  • ให้เสียงพากย์: Mel Gibson, Christian Bale, Irene Bedard, Billy Connolly, Linda Hunt
  • ผู้กำกับ: Mike Gabriel (Production Designer-Wreck-It Ralph) & Eric Goldberg (Animation Supervisor-Moana)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 55 / 346 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 55% / 6.7/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: ชนะ 2 สาขา (เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Colors of the Wind) และเพลงประกอบยอดเยี่ยม)

THE LAST SAMURAI (2003)

ทหารอเมริกันฝีมือดี ผู้กอง Nathan Algren ต้องเผชิญกับสถานการณ์ฝันร้ายในเหตุการณ์ที่เขาแพ้สงครามและต้องเสียลูกน้องในสหรัฐฯ เขาได้รับการติดต่อจ้างวานจากคนในรัฐบาลญี่ปุ่น ให้ไปฝึกทหารญี่ปุ่นเพื่อทำการต่อสู้กำจัดพวกนักรบซามูไรที่ถูกมองว่าเป็น “กบฏของชาติ” เมื่อ Nathan เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เขาได้ฝึกกลยุทธการรบให้ทหารญี่ปุ่นของฝ่ายจักรพรรดิด้วยปืนและวิทยาการสมัยใหม่ของตะวันตก แต่ด้วยความไม่พร้อม ระหว่างการสู้รบครั้งหนึ่งพวกเขาแพ้และ Nathan ถูกจับตัวไปโดยพวกซามูไร นำโดย Katsumoto หัวหน้านักรบซามูไร

ระหว่างที่ถูกจับ เขาได้เข้าไปเรียนรู้ สัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ที่แท้จริงในหมู่บ้านของซามูไร ที่ถือได้ว่าเป็น ทหารญี่ปุ่นดั้งเดิมโดยจิตวิญญาณกลุ่มสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ Nathan เมื่อนานวันเข้า เขาจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วฝ่ายไหนเป็นฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ท้ายที่สุด Nathan และซามูไรต้องรับมือกับพวกทหารขององค์จักรพรรดิที่ร่วมมือกับทหารฝรั่ง หมายจะกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของบัลลังก์จักพรรดิ หนังมีส่วนผสมของตัวเอกกลับใจ ทั้งการ์ตูนจากตำนาน Pocahontas (1995) หรือ Avatar (2009) แต่ก็เป็นหนังที่ถ่ายทอดการหลงลืมรากเหง้าของตัวเองของชนชาติหนึ่ง ด้วยการยอมตกเป็นเบี้ยล่างของคนญี่ปุ่น ในฉากไคลแมกซ์ของเรื่องกลายเป็นทั้งฉากแอ็กชันและฉากสุดแสนสะเทือนใจ

WHAT THE FACT: ความจริงแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เคยจ้างทหารอเมริกันยุคสงครามกลางเมืองสักคนเดียวเข้ามาเป็นที่ปรึกษาการรบ ส่วนมากจะเป็นทหารฝรั่งเศสมากกว่า นอกจากนั้นขณะที่หนังทำให้เห็นว่า Algren (Tom Cruise) สอนทหารญี่ปุ่นใช้ปืนคาบศิลา ในช่วงเวลานั้นจริง ๆ ทหารญี่ปุ่นต่างก็ใช้ปืนไรเฟิลเป็นกันหมดแล้ว นอกจากนี้บท Katsumoto ที่อ้างอิงจากเรื่องจริงของซามูไรชื่อ Saigo Takamori นั้น ในความเป็นจริงเขาทำการฆ่าตัวตายด้วยการคว้านท้องหลังจากแพ้ในการต่อสู้ครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เพราะถูกกระสุนปืนของพวกรัฐบาลตามที่หนังสร้าง

ชวนอ่าน “รวมหนังดราม่า “ต้องเสียน้ำตา” สักครั้งในชีวิต บน Netflix (ตอนที่ 1)

  • นักแสดง: Tom Cruise, Ken Watanabe, Hiroyuki Sanada, Tony Goldwyn, Shin Koyamada, Koyuki
  • ผู้กำกับ: Edward Zwick (Blood Diamond, Jack Reacher: Never Go Back, Legends of the Fall)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 140 / 454 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 66% / 7.7/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิง 4 สาขารางวัล (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Ken Watanabe), องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

BRAVEHEART (1995)

หนังที่เป็นความสำเร็จสูงสุดในด้านกำกับของ Mel Gibson ที่กำกับแค่เรื่องที่ 2 ก็คว้ารางวัลออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย Braveheart เป็นหนังพีเรียดสงครามที่บอกเล่าเหตุการณ์อันเป็นตัวแทนการปลดแอกของชาวสก็อตแลนด์ที่มีต่ออังกฤษที่ถูกกล่าวขานมากที่สุด โดยมีวีรบุรุษเป็น William Wallace ซึ่งหาญกล้าลุกขึ้นต่อต้าน King Edward ที่ 1 (รับบทโดย Patrick McGoohan)

เดิมทีแล้ว Mel Gibson ต้องการกำกับอย่างเดียว ไม่ได้ต้องการแสดงนำเพราะว่าขณะนั้นเขาอายุ 38 ปีแล้ว ตัว William Wallace ตามบทแล้วนั้นอยู่ในช่วงอายุประมาณ 20 ปี แต่ Paramount สตูดิโอผู้สร้างเห็นว่าสตูค่อนข้างเสี่ยงที่จะให้เขาทำหน้าที่ผู้กำกับอย่างเดียว เพราะ Gibson เคยกำกับ The Man Without a Face (1993) หนังดราม่าเรื่องเล็ก ๆ มาแค่เรื่องเดียว สตูดิโอก็เลยยื่นคำขาดว่าจะให้ทุนสร้างหนังก็ต่อเมื่อ Gibson ยอมรับบทนำเองด้วย

WHAT THE FACT: หนึ่งภาพจำจากหนัง BraveHeart ก็คือใบหน้าของ Wallace และเหล่านักรบที่ทาหน้าด้วยสีฟ้า จุดนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่นักประวัติศาสตร์บอกว่า “ผิดยุคสมัย” เพราะการทาหน้าในการรบนั้นมีชื่อจำเพาะว่า “Woad” เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณพันปีที่แล้วก่อนเหตุการณ์ในหนัง นอกจากนี้ทหารสก็อตในยุคนั้นยังไม่ได้ใส่กระโปรงที่มีชื่อเฉพาะว่า “คิลท์” (Kilt) กัน เพราะเพิ่งจะมีการใส่กระโปรงกันในอีก 300-400 ปี หลังจากเหตุการณ์ในหนัง

WHAT THE FACT: หนังยังเขียนให้ Wallace ได้หลับนอนกับเจ้าหญิง Isabella แห่งฝรั่งเศส พระชายาของ King Edward ที่ 2 จนส่งผลให้เธอตั้งครรภ์ King Edward ที่ 3 ตามประวัติศาสตร์จริงแล้ว ในปีนั้นเจ้าหญิงยังอยู่ในฝรั่งเศสและเพิ่งมีพระชนมายุแค่ 3 ขวบเท่านั้น เธอได้อภิเษกกับ King Edward ที่ 2 จริง แต่เป็นตอนที่เขาได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แล้ว ทั้งคู่ยังมีพระโอรสด้วยกันนามว่า King Edward ที่ 3 ซึ่งประสูติหลังจากที่ Wallace ตายไปแล้วถึง 7 ปี

ชวนอ่าน “20 เกร็ดน่าสนใจเบื้องหลัง Braveheart ในโอกาสครบรอบ 25 ปี

  • นักแสดง: Mel Gibson, Brendan Gleeson, Brian Cox, Tommy Flanagan, Sophie Marceau
  • ผู้กำกับ: Mel Gibson (Passion of the Christ, Apocalypto, Hacksaw Ridge)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 72 / 213 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 73% / 8.3/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 5 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ซาวน์เอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม, แต่งหน้าทำผมยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 4 สาขารางวัล (บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)

THE PATRIOT (1999)

เหตุการณ์ระหว่างปี 1776 ถึง 1781 ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐอเมริกาเริ่มตั้งรัฐอิสระแยกตัวจากการปกครองของสหราชอาณาจักร ทั้งหมด 13 รัฐ Benjamin Martin ชาวนาพ่อหม้ายลูก 7 ต้องลุกขึ้นมาแก้แค้นทหารอังกฤษกองพันกรีนกราดูนที่สังหารลูกชายคนที่สองของเขาอย่างเลือดเย็น ด้วยความแค้น Martin จึงรวบรวมอาสาสมัครชาวพื้นเมืองพร้อมด้วยครูฝึกทหารชาวฝรั่งเศสอดีตศัตรูที่หันมาเป็นมิตร ปลดแอกพรรคพวกออกจากอำนาจของผู้ปกครองเพื่อเป็นเสรีชนอย่างแท้จริง หนังเรื่องนี้นำแสดงโดย Mel Gibson ซึ่งเกี่ยวข้องกับหนังในบทความนี้หลายเรื่อง ด้วยความที่เขาเองก็เป็นผู้กำกับที่ชอบทำหนังอิงประวัติศาสตร์อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เขามานำแสดงแต่ไม่ได้กำกับเอง

WHAT THE FACT: หนังมีความเชิดชูอเมริกันฮีโรสูงตามสไตล์หนังของ Roland Emmerich และสาดสีความโหดร้ายป่าเถื่อนระดับทหารนาซีให้กับบทนายพลของฝั่งอังกฤษอย่าง Tarleton (Jason Isaacs) ที่ฆ่าเด็กและเผาผู้หญิงรวมถึงคนแก่ในโบสถ์ ซึ่งในความจริงตลอดสงครามระหว่างอเมริกันและอังกฤษไม่เคยเกิดการเผาคนทั้งเป็นอย่างที่หนังสร้าง

WHAT THE FACT: นอกจากนี้ตัวละครของ Gibson เชื่อว่าอ้างอิงมาจาก The Swamp Fox’ Marion ซึ่งเป็นพรานป่าชาวอเมริกัน เขาสมรสและมีครอบครัวหลังสงครามนี้จบลงแล้ว และเหตุการณ์การรบที่สนามสุดท้ายของเรื่องที่ Guilford Court House ที่ทำให้ดูเหมือนสมรภูมิสุดท้ายที่พระเอกชนะและอังกฤษล่าถอย ความจริงแล้วสงครามยังไม่จบและสมรภูมินี้ถือว่าเล็กไปเลย เมื่อเทียบกับสมรภูมิการรบอื่นหลังจากครั้งนี้

ชวนอ่าน “ย้อนรอยผลงาน Roland Emmerich ผู้กำกับ ID4

  • นักแสดง: Mel Gibson, Brendan Gleeson, Brian Cox, Tommy Flanagan, Sophie Marceau
  • ผู้กำกับ: Mel Gibson (Passion of the Christ, Apocalypto, Hacksaw Ridge)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 72 / 213 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 73% / 8.3/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 5 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ซาวน์เอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม, แต่งหน้าทำผมยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 4 สาขารางวัล (บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)

10,000 BC (2008)

ยุค 10,000 ปีก่อนคริสตกาลที่ยังเป็นยุคน้ำแข็ง มนุษยยุคชนเผ่าต้องหาทางเอาตัวรอดจากความหนาวเย็นและสัตว์ร้ายไซส์ยักษ์กว่าในยุคปัจจุบัน เล่าเรื่องราวของชายหนุ่มผู้ที่คนในชนเผ่าถูกอารยธรรมที่สูงกว่ากวาดต้อนผู้คนและแมมมอธ สัตว์คู่ชนเผ่าไป เขาจึงต้องไปนำตัวคนรักและคนในชนเผ่ากลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้

ผู้กำกับ Rolland Emmerich ใช้วิธีไม่ใช้บริการนักแสดงที่มีชื่อเสียงเลยเพื่อให้คนดูได้รับความสมจริงมากที่สุดเหมือนตอน Mel Gibson ทำกับ Apocalypto (2006) (แต่ยังใช้ภาษาอังกฤษในภาษาพูดของตัวละครและในการเล่าเรื่องอยู่) นั่นก็อาจทำให้หนังไม่เป็นที่รู้จักตามไปด้วย พอเข้าช่วงกลางเรื่องเมื่อคนในกลุ่มของตัวเอกถูกจับตัวไปยังดินแดนอียิปต์ หนังก็เริ่มออกทะเลด้วยการโยงเรื่องมนุษย์ต่างดาวผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มชนเผ่าที่คอยมากอำนาจซึ่งถึงจุดนี้หนังก็ห่างไกลจากความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ไปไกลแล้ว

WHAT THE FACT: กว่าที่ Roland Emmerich ผู้กำกับจะออกมาบอกว่า มโนเรื่องราวทั้งหมดตามจินตนาการสุดเวอร์วังตามสไตล์การทำหนังของเขาโดยปกติ คนดูอาจจะออกอาการงงว่าทำไมแมมมอธ สัตวหน้าขนที่รูปร่างคล้ายช้างและอาศัยอยู่แถบขั้วโลก ถึงไปมีชีวิตอยู่แถบทะเลทรายและไปช่วยสร้างพีระมิดได้อีก นอกจากนี้พีระมิดนั้นถูกสร้างขึ้นครั้งแรกราว 8,000 ปีก่อนคริสตกาลซึ่งเกิดขึ้นหลังจากชื่อเรื่องนี้ราว 2,000 ปี เครื่องมือที่ทำจากโลหะนั้นมนุษย์ยุคก่อนก็เริ่มผลิตและมีใช้ราว 6,000 ปีก่อนคริสตกาลด้วย ที่เห็นในหนังจึงไม่ใช่อาวุธที่เกิดขึ้นแล้วในยุคนั้น

  • นักแสดง: Camilla Belle, Cliff Curtis, Steven Strait, Joel Fry
  • ผู้กำกับ: Roland Emmerich (ID4, 2012, Midway, The Patriot)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 105 / 269 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 8% / 5.1/10

300 (2006)

หนังจากหน้าประวัติศาสตร์นักรบของจักรวรรดิกรีกที่ต้องรับมือกับผู้รุกรานชาวเปอร์เซียอย่าง 300 ทำให้ผู้กำกับ Zack Snyder โด่งดังขึ้นกับวิสัยทัศน์การสร้างหนังด้วยวิชวลด้านภาพที่แตกต่างแถมงามงด ซึ่งในทางหนึ่งก็มาจากวิสัยทัศน์ของ Frank Miller ที่นำตำนานมาทำเป็นคอมิกและ Snyder เอามาสร้างอีกที หนังสร้างจากยุทธการที่เทอร์มอพิลี ช่วง 480 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อพันธมิตรรัฐกรีกต้องตั้งรับการรุกรานของจักรวรรดิเปอร์เซีย ณ ช่องเขาเทอร์มอพิลีในดินแดนกรีซตอนกลาง กองทัพกรีกเสียเปรียบด้านจำนวนอย่างมหาศาล แต่ก็ยังสามารถยันกองทัพเปอร์เซียได้เป็นเวลา 3 วัน ยุทธการดังกล่าวเป็นหนึ่งในการรบจนตัวตายที่โด่งดังที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

กองทัพกรีกขนาดเล็กนำโดยกษัตริย์ลีโอไนดัสที่ 1 แห่งสปาร์ตา เขาได้เข้าปิดช่องเขาเล็ก ๆ ด้วยกองทัพทหารสปาร์ตัน 300 นายเพื่อขัดขวางกองทัพมหึมาของฝั่งข้าศึกภายใต้การนำของจักรพรรดิเซอร์ซีสที่ 1 ไว้ หลังจากการรบ 3 วัน มีคนทรยศบอกเส้นทางให้กับกองทัพเปอร์เซียโอบล้อมไปทางด้านหลังของกองทัพสปาร์ตาจนในวันที่ 3 กองทัพเปอร์เซียสามารถเจาะผ่านแนวกรีกได้ แต่ก็ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับความสูญเสียของกองทัพกรีก การต้านทานอย่างบ้าระห่ำของกองทัพกรีกได้ซื้อเวลาอันหาค่ามิได้ในการเตรียมกองทัพเรือ ซึ่งอาจตัดสินผลแพ้ชนะของสงครามครั้งต่อมา (เรื่องในภาค 2)

WHAT THE FACT: ความจริงแล้วจักรพรรดิเซอร์ซีสของเปอร์เซียนั้นไม่ได้รูปร่างใหญ่ยักษ์จนน่ากลัว (เพราะได้อาบพลังจากเทพเจ้า) อย่างในหนัง และไม่ได้มีเสียงกังวานจนน่าเกรงขาม รวมถึงฉากที่เห็นทาสเยอะ ๆ ของเซอร์ซีสนั้น ตามประวัติศาสตร์จักรวรรดิเปอร์เซียห้ามการใช้ทาสเนื่องจากผิดหลักความเชื่อต่อลัทธิบูชาไฟ (Zoroastrian) ขณะที่ในทางกลับกันสถานะของทหารสปาร์ตันถือเป็นกลุ่มทาสที่ใหญ่ที่สุดในกรีกด้วยซ้ำ (หนังพยายามนำเสนอว่าสปาร์ตันเป็นกลุ่มผู้รักในเสรีภาพและต้องต่อสู้กับจักรพรรดิเปอร์เซียที่โหดต่อทาสอย่างมาก) นอกจากนี้กลุ่มทหารสปาร์ตันในทางประวัติศาสตร์ มีความสัมพันธ์กันอย่างเปิดเผยในลักษณะของชายรักชายอีกด้วย ซึ่งหนังไม่ได้นำเสนอประเด็นนี้แต่อย่างใด

ชวนอ่าน “[รีวิวแผ่น4K] ได้เวลารบพุ่งกับชาวสปาร์ตันใน 300 รูปแบบ 4K Blu-Ray Steelbook

  • นักแสดง: Gerard Butler, Michael Fassbender, David Wenham Dominic West, Lena Headey, Rodrigo Santoro
  • ผู้กำกับ: Zack Snyder (Batman v Superman: Dawn of Justice, Man of Steel, Watchmen)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 65 / 456 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 61% / 7.6/10

GLADIATOR (2000)

ความเคารพและนับถือเสมอเหมือนพี่ชายที่ Commodus รัชทายาทของจักรพรรดิซีซาร์แห่งโรมันที่มีต่อนายพล Maximus แม่ทัพผู้เก่งกล้าสามารถและครองใจมวลชนมากกว่า ก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อจักรพรรดิเฒ่าผู้พ่อมอบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนให้แก่ Maximus จนทำให้ Commodus เกรงกลัวว่านายพลที่ประชาชนรักมากกว่าเขาคนนี้ จะยึดอำนาจและโค่นเขาลงจากบัลลังก์จักพรรดิ หลังจักพรรดิตายจึงส่งทหารไปฆ่าลูกเมียของ Maximus เสียเหี้ยและปลดจากตำแหน่งนายพล ผลักดันให้เขากลายมาเป็นนักสู้ในสังเวียนมรณะเพื่อรอโอกาสในการล้างแค้นรัชทายาทอย่างสาสม

WHAT THE FACT: นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์โรมันหลายคนถูกว่าจ้างมาเพื่อทำให้บทของหนังเป็นไปตามความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์มากที่สุด แต่ปรากฎว่า มีนักวิชาการคนหนึ่งขอถอนตัวจากโพรเจกต์เนื่องจากทีมสร้างไม่ยอมเปลี่ยนบทให้ตรงกับความจริง นั่นคือ จักพรรดิผู้พ่อที่หนังบอกว่าถูกลอบวางยาโดย Commodus นั้น จริง ๆ แล้วตายจากโรคอีสุกอีใส นอกจากนั้นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ยังบอกว่า Commodus นั้นไม่ได้เป็นกษัตริย์ที่ชั่วร้าย แถมยังปกครองจักรวรรดิโรมันอย่างสงบสุขนับสิบปี นอกจากนั้นเขาก็ไม่ได้ถูกฆ่าในโคลอสเซียมแต่ถูกรัดคอโดย Narcissus คู่หูนักมวยปล้ำของเขาเอง

  • นักแสดง: Russell Crowe, Joaquin Phoenix, Connie Nielsen, Richard Harris, Derek Jacobi, Djimon Hounsou
  • ผู้กำกับ: Ridley Scott (Kingdom of Heaven, Alien, Blade Runner )
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 103 / 465 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 77% / 8.5/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 5 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Russell Crowe), ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 7 สาขารางวัล (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Joaquin Phoenix), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

MULAN (2020)

เรื่องราวของมู่หลานนั้น ได้แรงบันดาลใจจากบทกวีในศตวรรษที่ 6 ของจีน เรื่อง “The Ballad of Mulan” ที่บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นชาย เพื่อทดแทนคุณบิดาในการออกไปรบแทน เธอได้กลายเป็นยอดนักรบคนสำคัญจนชายชาตรียังต้องยอมรับ และเธอช่วยชีวิตจักรพรรดิของจีนจากสงครามที่ต่อสู้กับชาวมองโกลเอาไว้ได้ด้วย หลายคนในจีนก็ยังเข้าใจว่า เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์จีน ในขณะที่อีกกลุ่มก็ให้ความเป็นว่าเป็นเพียงเรื่องแต่ง มู่หลานถูกกล่าวถึงในบทกลอนเก่าที่สุดคือ “มู่หลานฉือ” หรือ “ลำนำมู่หลาน” (Ballad of Mulan)

ซึ่งถูกรวบรวมอยู่ในบันทึกรวมเพลงโบราณที่มีอยู่ในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งเก่าและใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 6 ราวปลายสมัยราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581-618) หรือต้นราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907) โดยถือกันว่า ตำราชุดนี้ได้สูญสลายไปตามกาลเวลาและไม่สามารถหาตัวอย่างหรือต้นฉบับได้แล้ว แต่ว่าในราวศตวรรษที่ 11 สมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960-1127) กวีนามว่า “กัวเม่าเฉียน” (มีชีวิตในปี ค.ศ. 1041-1099) ได้เขียนตำราชื่อ “เยี่ยฝูชี” เพื่อรวบรวมเพลงและร้อยกรองต่าง ๆ โดยอ้างว่าได้นำเรื่องลำนำมู่หลานมาจากตำรากู่จินเยี่ยลู่อีกที

Disney Mulan

WHAT THE FACT: ตามตำนานของมู่หลานนั้น ท้ายที่สุดเธอเลือกจะปฏิเสธการทำหน้าที่เป็นทหารขององค์จักรพรรดิหรือฮ่องเต้และกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับครอบครัวในชนบท แต่ในเวอร์ชันหนังฉบับล่าสุดนั้น เธอได้ตอบปฏิเสธคำสั่งของฮ่องเต้ในตอนแรก แต่ก็ดูจะตบปากรับคำเมื่อแม่ทัพของเธอรับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้เชิญเธอไปเป็นองครักษ์อีกรอบ

ชวนอ่าน “9 เรื่องน่ารู้ของ Mulan ฉบับคนแสดงของ Disney

  • นักแสดง: Yifei Liu, Donnie Yen, Li Gong, Jet Li, Jason Scott Lee
  • ผู้กำกับ: Niki Caro (Whale Rider, North Country, The Zookeeper’s Wife)
  • ทุนสร้าง / รายรับรวมทั่วโลก: 200 / 66 ล้านเหรียญฯ (นับเฉพาะรายได้จากการเข้าฉายโรง)
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 74% / 5.4/10

ALEXANDER (2004)

พระเจ้า Alexander มหาราชถือว่าเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประวัติศาสตร์โลก เรื่องราวความเกรียงไกรของพระองค์ได้ถูกกล่าวขานต่อ ๆ กันมานับตั้งแต่ที่พระองค์สิ้นพระชนม์ที่เมืองบาบิโลนเมื่อ 323 ก่อนคริสตกาล Oliver Stone ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์สร้างเรื่องราวของกษัตริย์คนนี้ อย่างต้องการสื่อให้ผู้ชมได้รับรู้การเป็นผู้นำทางใจให้ทหารหลายหมื่นนาย ยอมเดินตามทัพต่อไปเรื่อย ๆ ถึง 7 ปี หลังจากได้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนือจักรวรรดิเปอรเซียร์ ผ่านแง่มุมของกษัตริย์ที่มีความเปราะบางทางใจ จากชีวิตในอดีตที่มีพระราชบิดาที่ใช้แต่ความรุนแรง มีพระมารดาที่คอยควบคุมบงการทุกอย่าง มีปมของความขัดแย้งในฐานะกษัตริย์จอมทัพต่อเหล่าขุนพลพระสหายทั้งหลาย โดยเฉพาะขุนพล Hephaistion ที่เป็นมากกว่าพระสหายเคียงบ่าเคียงไหล่

Alexander (2004)

WHAT THE FACT: ดราม่าของหนังเรื่องนี้มีตั้งแต่หนังเริ่มฉายเมื่อผู้กำกับ Stone มีกรณีฟ้องร้องเรื่องส่วนแบ่งกำไรกับสตูดิโอ Warner Brothers และทนายคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องก็ให้ข้อมูลระหว่างคดีดำเนินไปว่า “สตูดิโอควรพูดความจริงให้กระจ่างด้วยว่า สิ่งที่ปรากฏในหนังเป็นนิยายมากกว่าเรื่องจริง” นักประวัติศาสตร์ได้คอมเมนต์ทีมสร้างว่า หนังพุ่งเป้าไปที่ชีวิตส่วนตัวของ Alexander ซึ่งไม่ค่อยมีหลักฐานการบันทึกไว้ มากกว่าความสำเร็จที่ทำการรบชนะดินแดนต่าง ๆ ค่อนโลก ซึ่งถูกบันทึกข้อมูลไว้อย่างน่าเชื่อถือมากกว่า (จากประวัติศาสตร์ของหลายประเทศ) และหนังทำหล่นหายไปจากการกล่าวถึงในหนังเลย ทั้งการรบที่ Granicus, Issus และ Gaugamela (หนังฉบับ Director’s Cut ทั้ง 4 ครั้งพยายามแก้ปัญหานี้ได้ในที่สุด)

  • นักแสดง: Angelina Jolie, Colin Farrell, Anthony Hopkins, Jared Leto, Rosario Dawson, Val Kilmer
  • ผู้กำกับ: Oliver Stone (Platoon, World Trade Center, Born on the Fourth of July)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 155 / 167 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 16% / 5.6/10

ANONYMOUS (2011)

ย้อนไปในสมัยยุคของกวี Shakespeare กับเรื่องราวทฤษฎีสมคบคิด  “ถ้า William Shakespeare เป็นแค่นามแฝงของคน ๆ หนึ่งละ?” หนังเล่าเรื่องของผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันเป็นที่โจษจันของกวีลือชื่อ ว่าแท้จริงแล้วมีคนชักใยและปั้นเรื่องจากตัวตนที่ไม่มีอยู่จริง Anonymous เล่าเรื่องในยุคควีนอลิซาเบธของอังกฤษยังลากเรื่องยาวต่อไปถึงศึกแย่งชิงบัลลังก์ทิวดอร์อีกด้วย เรื่องราวเบื้องหลังนั้น มีอยู่ว่า Sony ต่อรองให้ Emmerich กำกับ 2012 (2019) เพื่อสร้างกำไรมหาศาลก่อนเพื่อแลกกับทำเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าหนังล้มเหลวในการทำรายได้และแทบไม่ถูกพูดถึงเลย

WHAT THE FACT: ความจริงแล้วมีหลายทฤษฎีที่เชื่อมโยงว่า ผลงานเขียนของ Shakespeare นั้นอาจไม่ได้มาจากฝีมือของเขาจริง ๆ บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของภรรยาที่คอยช่วยเขียนและให้สามีออกหน้า บางก็บอกว่าเป็นผลงานของ Kit Marlowe เพื่อนนักเขียนอดีตคู่หูที่ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นศัตรูคู่แข่ง ส่วนหนังเรื่องนี้บอกว่า William Shakespeare ที่แท้จริงนั้นเป็นแค่เพียงนามปากกาที่ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง เป็นการรวมตัวของนักเขียนหลายคนที่นำโดย Edward de Vere ตำแหน่ง Earl of Oxford ที่ระดมทีมนักเขียนขึ้นมา ซึ่งในความเป็นจริง William Shakespeare มีหลักฐานว่าตัวตนอยู่จริง ๆ ไม่ถึงกับไม่มีตัวตนในประวัติศาสตร์เลย

  • นักแสดง: Rhys Ifans, Mark Rylance, David Thewlis, Derek Jacobi, Rafe Spall, Vanessa Redgrave
  • ผู้กำกับ: Roland Emmerich (ID4, 2012, Midway, 10,000 BC)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 30 / 15 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 16% / 6.9/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิง 1 สาขารางวัล (ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม)

 SHAKESPEARE IN LOVE (1998)

ภาพยนตร์ที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ (ชนะ Saving Private Ryan!) เรื่องราวของกวีชื่อก้องที่สุดในโลกคนหนึ่งอย่าง Shakespeare ที่มีผลงานประพันธ์นิยายในช่วงปี 1590 ถึง 1613 ล่าเรื่องราวของ William Shakespeare ผู้กำลังขาดแรงบันดาลใจในการเขียนละครเรื่องใหม่ กระทั่งเขาได้เข้าไปมีสัมพันธ์กับ Viola หญิงงามในอุดมคติจนได้เอามาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายความรักต่างวรรณะ Romeo and Juliet องค์ประกอบที่ปรากฏในหนังนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยอย่างต่างใจ (แสดงให้เห็นว่าหนังไม่ได้อยากจะอิงความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ขนาดนั้น) เช่น แก้วเบียร์โมเดิร์น หรือการให้พระราชินีเข้าไปร่วมเล่นละครเวทีในโรงละครเปิดซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นจริง

WHAT THE FACT: แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่า แรงบันดาลใจของ Shakespeare ที่เอามาเขียนบทกวีดังชิ้นนี้มาจากอะไร (เพราะเขาไม่ได้เขียนบอกไว้) แต่การมโนเป็นตุเป็นตะของเรื่องนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจักรวาลคู่ขนานของหนัง เมื่อเขาต้องประสบกับชะตากรรมรักต้องห้ามเพราะต่างชนชั้นเช่นเดียวกับ Romeo ด้านผู้เขียนบทของ Marc Norman ก็บอกว่า ประเด็นนี้ของหนังนั้นมาจากจินตนาการของเขามากกว่าการอ้างอิงความจริง ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ยืนยันตรงกันระหว่างประวัติศาสตร์กับสิ่งที่ปรากฏในเรื่องคือ Shakespeare นั้นเป็นนักแสดงละครเวทีที่ตกอับ และงานเขียนของเขาก็ไม่ได้รับความนิยมมากพอจะทำให้เขาร่ำรวยในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ จนกระทั่งเสียชีวิตไปแล้ว ผลงานถึงได้รับการยอมรับและโด่งดังจนถึงทุกวันนี้

  • นักแสดง: Joseph Fiennes, Gwyneth Paltrow, Judi Dench, Colin Firth, Ben Affleck, Geoffrey Rush
  • ผู้กำกับ: John Madden (The Best Exotic Marigold Hotel, Captain Corelli’s Mandolin, The Debt )
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 25 / 289 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 92% / 7.1/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 7 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Gwyneth Paltrow), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Judi Dench), บทภาพยนต์ยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 6 สาขารางวัล (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Geoffrey Rush), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม)

MARIE ANTOINETTE (2006)

หนัง Marie Antoinette ว่าด้วยเรื่องราวของพระนางของกษัตริย์ฝรั่งเสศที่เป็นตัวแทนของช่วงประวัติศาสตร์การปฏิวัติของประเทศฝรั่งเศสโดยเฉพาะในแง่การเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่ หนังเล่าเรื่องราวของพระนาง Antoinette อย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่การเป็นเจ้าหญิงของออสเตรีย จนมาแต่งงานกับพระเจ้า Louis ที่ 16 ด้วยเหตุผลทางการเมืองในวัยเพียงแค่ 15 ปี (ทรงถูกเรียกว่า “หญิงออสเตรีย” จากพวกราชสำนักฝรั่งเศสอันแสดงถึงการไม่ถูกยอมรับ) ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าราชสำนักฝรั่งเศสจะทำหัวใจของเธอบอบช้ำได้มากสุดถึงเพียงไหน

ภายใต้สังคมอันหรูหรา ไม่เพียงแต่ความเปลี่ยวเหงาที่พระองค์ต้องเจอจากพระสวามีที่ค่อนข้างเย็นชา คนรอบข้างหลาย ๆ คนล้วนนำพาพระองค์ไปในทิศทางของชีวิตที่บิดเบี้ยว พระองค์ถูกปิดกั้นจากโลกภายนอก และถึงแม้จะพยายามทำดีแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ยังโดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียบลีบ จนเมื่อชนชั้นแรงงานและฝ่ายซ้ายก่อการปฎิวัติฝรั่งเศสและได้เปลี่ยนการปกครองมาสู่ระบอบสาธารณรัฐ นักประวัติศาสตร์หลายคนมองกล่าวหาว่าเธอเป็นหญิงใจแตก ฟุ่มเฟือย และไม่เอาใจใส่ประชาชน ไปจนตั้งข้อหาถึงขั้นว่าเป็นต้นเหตุแห่งการล่มสลายของราชวงศ์ฝรั่งเศส แต่หนังเรื่องนี้ได้นำเสนออีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจไม่ได้ใส่ใจจะมองเห็นเกี่ยวกับเธอ

นี่อาจเป็นหนังที่วิลิศมาหราที่สุดเรื่องหนึ่งในโลกภาพยนตร์และที่สุดสำหรับผู้กำกับหญิง Sofia Coppola ทายาทผู้กำกับชั้นครูอย่าง Francis Ford Coppola หนังเลือกจะโฟกัสที่ยุคสมัยแห่งความรุ่มรวยที่สุดยุคหนึ่งของฝรั่งเศสที่ตัวละครซึ่งเป็นเจ้าของชื่อเรื่องอย่างพระนาง Marie Antoinette ที่เป็นชายาของพระเจ้า Louis ที่ 16 แม้ว่าชุดของตัวละครในเรื่องจะอู้ฟู่จนเหนือความจริงทางประวัติศาสตร์ไปเยอะ แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังคว้ารางวัลออสการ์ออกแบบเครื่องแต่งกายไปได้ (แสดงว่ากรรมการเน้นความสวยไม่เน้นสมจริง)

WHAT THE FACT: ไม่ใช่แค่เพียงชุดของตัวละครที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะคงต้องบอกว่าเป็นตั้งแต่วิชวลหรือการถ่ายทอดของ Coppola ที่เน้นความแฟนตาซีหลุดโลกแล้วมากกว่า แน่นอนว่าชุดของนักแสดงในเรื่องล้วนทำจากวัสดุที่ยังไม่มีในยุคสมัยนั้น นอกจากนั้นในหนังที่ได้เห็นพระนางได้ร่วมเตียงนอนกับพระเจ้า Louis หลังจากใช้เวลายั่วยวนพระสวามีไม่นาน ความเป็นจริงเธอต้องใช้เวลาถึง 7 ปีกว่าจะทำสำเร็จ หนังยังพยายามสื่อถึงการที่ราชสำนักฝรั่งเศสไม่ชอบเธอก็เพราะแค่ความไม่ถูกชะตา ต่างจากที่นักประวัติศาสตร์มองว่า เป็นเพราะเธอเป็นคนอื่นและเหตุผลทางการเมือง ท้ายสุดความสัมพันธ์ของพระนางกับ Count Axel Fersen นั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริงด้วย

  • นักแสดง: Kirsten Dunst, Tom Hardy, Jamie Dornan, Rose Byrne, Judy Davis
  • ผู้กำกับ: Sofia Coppola (Lost in Translation, The Beguiled, The Virgin Suicides)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40 / 60 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 57% / 6.4/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 1 สาขารางวัล (ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม)

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

JFK (1991)

ผู้กำกับ Oliver Stone นั้นเป็นอีกหนึ่งคนที่ขึ้นชื่อว่าหลงไหลในการทำหนังสงครามและหนังที่มีฉากหลังเป็นเหตุการณ์จริงทางประวัติศาสตร์หลากหลายยุค ทั้ง Born on the Fourth of July (1989), World Trade Center (2006) และ Alexander (2004) แต่กับเรื่องนี้เขาจงใจหยิบเหตุการณ์ฆาตกรรมที่อื้อฉาวที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน เพราะผู้ถูกสังหารเป็นถึงประธานาธิบดีและยังเป็นหนึ่งในผู้นำที่ชาวอเมริกันรักมากที่สุดอย่าง John F. Kennedy ในปี 1963

หนังสร้างจากเหนังสือสองเล่ม ชื่อ On the Trail of the Assassins และ Crossfire: The Plot That Killed Kennedy ซึ่งเล่าเรื่องราวของ Jim Garrison อัยการของรัฐนิวออร์ลีนส์ที่ได้พบเบาะแสบางอย่างจนนำไปสู่การพยายามรื้อฟื้นคดีลอบสังหารประธานาธิบดี John F. Kennedy ที่หลายคนเชื่อว่า เป็นเหตุการณ์ทฤษฎีสมคบคิดครั้งมโหฬารที่สุดของการเมืองสหรัฐฯ Garrison ไม่เชื่อว่า Lee Harvey Oswald (รับบทโดย Gary Oldman) ที่ถูกจับกุมในทันทีหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิตอย่างอุกอาจท่ามกลางสื่อมวลชนจากผู้คลั่งไคล้การเมืองหัวรุนแรงในวันรุ่งขึ้นเหมือนถูกฆ่าตัดตอน จะเป็นคนลอบยิง JFK จริง ๆ ยิง Garrison ยิงสืบลึกมากเท่าไร ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างกลับถูกจัดฉากเอาไว้แล้ว

WHAT THE FACT: หนังสร้างจากการค้นพบของอัยการ Jim Garrison ที่ออกมาเปิดเผยถึงทฤษฎีการค้นพบนี้หลัง JFK เสียชีวิตไปแล้ว 9 ปี แต่เนื้อหาในหนังก็เป็นการมโนจับแพะชนแกะของผู้กำกับ Oliver Stone ในส่วนสำคัญของเรื่องเป็นส่วนมาก อย่าง Perry Russo ที่เป็นกุญแจสำคัญซึ่งมาเป็นพยานในคดีในความเป็นจริงเขาถูกวางยาจนเสียชีวิตก่อนจะขึ้นให้การในศาล หรือฉากที่ตัวละคร David Ferrie (รับบทโดย Joe Pesci) รับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สังหารประธานาธิบดีนั้น ในความเป็นจริงเขาไม่เคยสารภาพและไม่เคยมีการตัดสินความผิดของเขาโดยศาล จึงต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนถึงปัจจุบัน

  • นักแสดง: Kevin Costner, Tommy Lee Jones, Gary Oldman, Donald Sutherland, Kevin Bacon, Martin Sheen, Sissy Spacek, Michael Rooker, Joe Pesci
  • ผู้กำกับ: Oilver Stone (Platoon, Born on the Fourth of July, World Trade Center, Alexander)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40 / 205 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 84% / 8/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 2 สาขารางวัล (ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 6 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Tommy Lee Jones), ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)

U-571 (2000)

ในปี 1942 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพเรือสหรัฐจับสัญญาณเรดาร์ได้ว่า เรือดำน้ำของนาซีเยอรมันรุ่น U-571 ลำหนึ่งจอดเสียลอยน้ำอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ที่สำคัญในเรือลำน้ำมีเครื่องส่งสัญญาณอีนิกม่า (Enigma) อยู่ด้วย ซึ่งถ้ายึดเครื่องนี้มาเป็นของสหรัฐฐฯ ได้จะเป็นจุดหักเหของยุทธภูมิสงครามโลกเลยทีเดียว ภารกิจพิเศษจึงถูกตั้งขึ้นโดย เรือโท Dahlgren (Bill Paxton) อดีตกัปตันเรือดำน้ำสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่กำลังจะปลดระวางตนเอง ต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง โดยมี Tyler (Matthew McConaughey) นายทหารหนุ่มรุ่นน้องที่ไม่มีลูกเรือคนไหนชอบขี้หน้าและเป็นผู้คอยโอกาสที่จะขึ้นมาบังคับบัญชาเรือดำน้ำเองเป็นผู้ช่วย โดยภารกิจครั้งนี้มีผู้ล่วงรู้เพียงไม่กี่คน

ทั้งหมดจะต้องปลอมตัวเป็นทหารนาซีเยอรมันแสร้งเข้าไปช่วยเหลือเรือ U-571 ลำนั้นและยึดไว้ให้ได้ แต่ขณะที่ออกปฏิบัติการ เรือโท Dahlgren ดันถูกระเบิดเสียชีวิตกลางทะเล Tyler จึงต้องขึ้นควบคุมเรือแทน และยังต้องนำพาเรือที่ทั้งเสียและเก่าครึลำนี้พร้อมด้วยชีวิตนายทหารอีก 8 คน รอดจากทั้งการโจมตีจากทั้งฝ่ายเยอรมันและฝ่ายสหรัฐอเมริกาที่ปฏิเสธการมีอยู่ของหน่วยปฏิบัติการลับนี้

WHAT THE FACT: หนังเรื่องนี้น่าจะทำให้นักประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 หงุดหงิดพอสมควร เพราะความเป็นจริงนั้นไม่เคยมีเรือดำน้ำ U-571 อยู่จริง และทีมสร้างน่าจะนำเรื่องราวในหนังมาจากการดัดแปลงยุทธภูมิพริมโรส (Primrose) ของเรือดำน้ำ U-110 ซึ่งเรื่องราวใกล้เคียงมากที่สุด ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่านั้น สหรัฐฯ ยังไม่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ในตอนนั้นจึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย แต่พระเอกตัวจริงคือทหารเรืออังกฤษ ดังนั้นหนังที่ผู้กำกับ Jonathan Mostow เซ็ตให้ทหารเรืออเมริกันสามารถถอดรหัสลับนาซีจากเครื่องอีนิกม่าจึงเป็นเรื่องโม้ทั้งหมด (คนที่ถอดรหัสได้จริง ๆ คือ Alan Turing จากเรื่องในหนัง The Imitation Game (2014) ซึ่งนั่งโต๊ะอยู่ที่ออฟฟิศห่างไกล ไม่ใช่ในเรือดำน้ำอย่างที่เห็น)

  • นักแสดง: Matthew McConaughey, Jake Weber, Bill Paxton, Harvey Keitel, Jon Bon Jovi
  • ผู้กำกับ: Jonathan Mostow (Terminator 3: Rise of the Machines, Breakdown, Surrogates )
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 62 / 127 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 68% / 8/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 1 สาขารางวัล (ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 1 สาขารางวัล (ผสมเสียงยอดเยี่ยม)

PEARL HARBOR (2001)

หนังที่ได้ชื่อว่าถ่ายทำอย่างสมจริงและอลังการมากที่สุดเรื่องนึงของผู้กำกับจอมบู๊ระเบิดภูเขาเผากระท่อมอย่าง Michael Bay แถมยังเป็นหนังเมโลดราม่าของรักสามเส้า (ที่อาจทำให้แฟน ๆ หนังผู้ชายสายบู๊ไม่ชอบหนังในจุดนี้) หนังเป็นเรื่องราวของสมรภูมิที่โด่งดังที่สุดของสหรัฐฯ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นถล่มอ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ ที่ตั้งของฐานทัพเรือสหรัฐฯ ที่ใกล้กับญี่ปุ่นที่สุดบนหมู่เกาะฮาวายโดยไม่ให้สหรัฐฯ ได้ตั้งตัว เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941 ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 2,335 ราย บาดเจ็บ 1,143 คน

เรื่องราวของสองนักบินหนุ่มคนกล้า Rafe McCawley และ Danny Walker ซึ่งสนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้อง พวกเขาได้รับการฝึกฝนให้ขับเครื่องบินกำจัดแมลงศัตรูพืช และในยามที่ชาติต้องการ พวกเขาก็พร้อมเข้าร่วมเป็นนักบินประจำกองทัพอากาศสหรัฐฯ Rafe McCawley หลงรัก Evelyn Johnson นางพยาบาลสาวสวยจิตใจห้าวหาญที่ทำงานในกองทัพเรือสหรัฐฯ ด้วยความหาญกล้าเปี่ยมอุดมการณ์ เขาได้เข้าร่วมกองร้อยอินทรีบินร่วมรบในสมรภูมิรบอังกฤษทิ้งคนรักใหม่กับเพื่อนสนิทของเขาไว้เบื้องหลัง เครื่องบินของเขาถูกยิงตกกลางทะเล หน่วยเหนือประกาศการตายของเขา แต่เขากลับเอาชีวิตรอดมาได้ และใช้เวลารักษาตัวก่อนจะกลับมาที่เพิร์ลฮาเบอร์

เมื่อเขากลับมาก็พบว่าคนรักอย่าง Evelyn และเพื่อนรักอย่าง Danny เกิดรักกันไปแล้วเพราะเข้าใจว่าเขาตาย ความสัมพันธ์แบบรักสามเส้าของทั้งคู่จึงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ระหว่างนั้นเองผู้ใช้ชีวิตอยู่ในเพิร์ลฮาร์เบอร์ ก็ต้องตั้งรับการจู่โจมแบบสายฟ้าฟาด ทั้งทางน้ำและทางอากาศ ของกองทัพจักรพรรดิญี่ปุ่นที่ต้องการปลุกยักษ์ให้ตื่นจากภาวะลอยตัวอยู่เหนือสงคราม กลายมาเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของสหรัฐฯ จนถึงภารกิจการบุกโต้กลับญี่ปุ่นของทีมฝูงบินที่ Rafe และ Danny ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน

WHAT THE FACT: ในความเป็นจริงนั้น ตอนที่ญี่ปุ่นบุกถล่มเพิร์ลฮาเบอร์ เครื่องบินของญี่ปุ่นถูกสอยร่วงจำนวนน้อยมาก แต่ในหนังบอกว่ามากถึง 20 ลำ ฉากองก์ 3 ของเรื่องที่นักบินอเมริกันถูกส่งไปทิ้งระเบิดเพื่อเอาคืนญี่ปุ่นนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง การส่ง Rafe นักบินอเมริกันไปเข้าร่วมฝูงบินของอังกฤษก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพราะก่อนเกิดเหตุการณ์เพิร์ลฮาร์เบอร์นั้น สหรัฐฯ ยังคงวางตัวเป็นกลางและไม่สนับสนุนฝ่ายใด

WHAT THE FACT: เทคนิคการขับเครื่องบินขับไล่แบบออริกามิของพระเอก ในความเป็นจริงมีการคิดเทคนิคนี้ขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบแล้ว และสุดท้ายฉากที่ประธานาธิบดี Roosevelt ยืนขึ้นจากวีลแชร์ (เพราะป่วยเดินไม่ได้อยู่แล้ว) เพื่อสร้างความหึกเหิมในสภานั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง

ชวนอ่าน “10 อันดับ “หนังสงคราม” ทำเงินสูงที่สุดในโลก

  • นักแสดง: Ben Affleck, Kate Beckinsale, Josh Hartnett, Alec Baldwin, Jennifer Garner, Jon Voight, Cuba Gooding Jr.
  • ผู้กำกับ: Michael Bay (Armageddon, Transformer 1-5, The Rock)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 140 / 449 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 24% / 6.2/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 1 สาขารางวัล (ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 3 สาขารางวัล (เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม)

ARGO (2012)

หลังจากสร้างชื่อให้ตัวเองด้านการกำกับภาพยนตร์จาก Gone Baby Gone (2006) และ The Town (2010) นักแสดงที่ผันตัวมารับงานกำกับด้วยอย่าง Ben Affleck ก็มีผลงานหนังที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมาอย่าง Argo (2012) ที่ท้ายที่สุดแล้ว หนังสามารถคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์มาได้ (แต่ Ben Affleck กลับไม่ได้แม้แต่เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ซึ่งเขาก็ขึ้นไปแซะกรรมการนิดหน่อยตอนที่ขึ้นไปรับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในฐานะของหนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง)

หนังเรื่องนี้ได้คำโปรยว่า “เป็นเรื่องจริงที่ว่าด้วยการสร้างหนังปลอม” สร้างจากเหตุการณ์จริงในปี 1979 ที่เกิดสถานการณ์จับตัวประกันชาวอเมริกันขึ้นในประเทศอิหร่าน มีการบุกสถานทูต และชาวอเมริกัน 52 คนถูกจับเป็นตัวประกัน โดยมี 6 คนที่หนีรอดไปหลบในสถานทูตแคนาดาได้ Ben Affleck รับบทเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือพาพวกเขาหนีออกจากอิหร่าน ด้วยการปลอมตัวเป็นทีมสร้างหนังไซไฟปลอม ๆ เกรดบีของแคนาดาชื่อเรื่องว่า Argo เบื้องหลังภารกิจนี้ถูกเก็บงำมาหลายสิบปีจนกระทั่งกลายเป็นบทความในนิตยสาร Wired ซึ่งโดนใจ Affleck มากจนเอามาสร้างเป็นหนังในที่สุด

WHAT THE FACT: มีหลายอย่างที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น การที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ปฏิเสธจะเสนอแผนช่วยเหลือจนต้องมาเป็นหน้าที่ของซีไอเออย่าง Tony Mendez (Ben Affleck ต้องกลายมาเป็นพระเอกจำเป็น) เรื่องจริงคือรัฐบาลได้เสนอแผนให้ซีไอเอ 3 แผนและนำมาสู่แผนนี้ในที่สุด นอกจากนั้นฉากที่เหล่าตัวประกันต้องไปเดินปลอมตัวอยู่กลางตลาดกรุงเตหะราน (ซึ่งเป็นฉากที่ตื่นเต้นที่สุดฉากหนึ่งของเรื่อง) ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

WHAT THE FACT: การถูกยกเลิกตั๋วเครื่องบินกะทันหันของเหล่าตัวประกันก่อนจะได้รับการยืนยันอีกครั้งก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เพราะภริยาขอทูตแคนาดาจัดการซื้อตั๋วให้ก่อนล่วงหน้า (ไม่ได้ไปซื้อกันด่วน ๆ หน้าที่ออกตั๋วอย่างในหนัง) และท้ายสุดฉากที่เมื่อเครื่องบินขึ้นแล้วเห็นกองกำลังทหารของอิหร่านถืออาวุธปืนตามหลังเข้ามาในสนามบินนั้น ไม่เคยมีเหตุการณ์เกิดขึ้น และเหล่าตัวประกันแทบจะได้ขึ้นเครื่องกลับบ้านแบบไม่ต้องลุ้น เพราะกว่าทางการอิหร่านจะรู้เรื่องก็ผ่านไปเป็นวัน ตอนที่ปฏิบัติการนี้ได้รับการเปิดเผย ประธานาธิบดี Jimmy Carter ของสหรัฐฯ บอกว่า ความสำเร็จส่วนใหญ่เกิดจากแผนและความช่วยเหลือของประเทศแคนาดาและนิวซีแลนด์ แต่หนังแทบไม่ได้พูดถึงและชูว่าที่สำเร็จเพราะแผนของสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่

  • นักแสดง: Ben Affleck, John Goodman, Alan Arkin, Bryan Cranston, Kyle Chandle, Chris Messina, Clea DuVall
  • ผู้กำกับ: Ben Affleck (Gone Baby Gone, The Town, Live by Night)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 44 / 232 ล้านเหรียญฯ
  • Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 96% / 7.7/10
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 3 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 4 สาขารางวัล (นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม (Alan Arkin), เพลงประกอบยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส