Christopher Nolan (คริสโตเฟอร์ โนแลน) ผู้กำกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สุดทะเยอทะยานแห่งปีอย่าง Tenet ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Los Angeles Times โดยเขาได้กล่าวถึงรายได้ของ Tenet และแนวคิดที่ว่าฮอลลีวูดกำลังมองไปผิดทาง
“ที่ผมกังวลก็คือ สตูดิโอต่าง ๆ ได้มองภาพรวมของการฉายภาพยนตร์ออกไปผิดทาง แทนที่จะมองไปว่าภาพยนตร์นั้นสร้างออกมาดีแค่ไหน และจะทำรายได้ตามที่ต้องการได้อย่างไร พวกเขากลับไปมองที่ความผิดหวังจากเป้าที่ตั้งไว้ก่อนช่วงวิกฤติ COVID-19 และใช้เป็นข้ออ้างในการแสดงให้เห็นถึงความสูญเสียของสตูดิโอ
พวกเขาจะต้องปรับตัว หรือที่เรียกว่าสร้างธุรกิจขึ้นมาใหม่”

อย่างที่ทราบกันดีว่า Tenet เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ได้รับคาดการคาดหวังสูงที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2020 ด้วยทุนสร้างที่สูงถึง 200 ล้านเหรียญ (ยังไม่รวมค่าการตลาด) แต่กลับทำรายได้จากการเข้าฉายในช่วงวิกฤติ COVID-19 ไปเพียง 350 ล้านเหรียญ (ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปเพียง 53 ล้านเหรียญ) ซึ่งต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่ตั้งไว้ประมาณ 500 ล้านเหรียญ
นั่นทำให้ Warner Bros. ตัดสินในเลื่อนฉายภาพยนตร์หลายเรื่องไปในปี 2021 แทน โดยคงเหลือไว้เพียง Wonder Woman 1984 ที่จะฉายช่วงคริสต์มาสปีนี้

Christopher Nolan ได้กล่าวอยู่บ่อยครั้งว่า Tenet นั้นจำเป็นที่จะต้องฉายในโรงภาพยนตร์ มอบประสบการณ์การชมภาพยนตร์ระดับสูงสุดให้แก่ผู้ชม ดังนั้นแทนที่จะมองว่า Tenet เป็นความล้มเหลวด้านรายได้เพียงอย่างเดียว เขาก็มองว่าเป็นการสร้างโอกาสให้โรงภาพยนตร์่อยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูดได้ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลอ้างอิง : screenrant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส