ปี 2020 เป็นปีที่โหดเอาการสำหรับสตูดิโอ Disney เพราะจากที่กำไรมาหลายปีติด ปีนี้เป็นปีแรกที่สตูดิโอที่มีหลากหลายธุรกิจประสบกับภาวะขาดทุน แต่โชคดีก็คือ การเติบโตของสตรีมมิง Disney+ ถึง 81% และการได้สมาชิก 73 ล้านบัญชีทั่วโลก (ส่วนมากในสหรัฐฯ) ก็ทำให้ไม่เจ็บตัวหนักไปกว่านี้ นั่นเป็นเพราะหนังของ MCU ที่ทำกำไรเป็นกอบเป็นกำไม่ได้เข้าฉายเลยสักเรื่องเดียว เป็นปีแรกในรอบ 12 ปี ก็ส่งผลให้ Marvel Studios เดินหน้าอย่างจริงจังอย่างมากในการสร้างซีรีส์ที่ไม่ต้องง้อการฉายโรง

จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในเฟส 4 ของ MCU ที่กำลังจะมาถึง แน่นอนว่าจะยังไม่มีหนัง Avengers รวมพลเรื่องใหม่ และสตูดิโอก็นั่งยันนอนยันแล้วว่า Iron Man ยังไงก็ไม่กลับมา (แต่อาจจะพอลุ้นได้ว่าจะมาใน Black Widow ที่เป็นเหตุการณ์ก่อนภาค Endgame) แต่จะมีหนังและโดยซีรีส์ที่แนะนำตัวละครใหม่ ๆ มากมายเข้ามาในเฟสต่อ ๆ ไป ที่ Kevin Feige วางหมากอย่างแยบยลเอาไว้แล้วว่า แฟน ๆ ของ MCU จะต้องติดตามคอนเทนต์ทุกเรื่องอย่างชนิดพลาดไม่ได้สักเรื่องเดียว จะมีเรื่องอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย

ชวนอ่านต่อ MARVEL 2021 (ตอนที่ 2): รวมทุกตัวอย่างใหม่และทุกเรื่องต้องรู้ของ MCU จากงานใหญ่ Disney

ตารางฉายล่าสุดในสหรัฐฯ ของหนังในจักรวาล MCU 

  • Series WandaVision: 15 มกราคม 2021
  • Series The Falcon and the Winter Solder: มีนาคม 2021
  • Series Loki: พฤษภาคม 2021
  • Black Widow: 7 พฤษภาคม 2021
  • Shang-Chi And The Legend Of The Ten Rings: 9 กรกฎาคม 2021
  • Eternals : 5 พฤศจิกายน 2021
  • Spider-Man: Homecoming 3 : เดิม 17 ธันวาคม 2021 ยังไม่ฉายจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะสงบ
  • Series What If…?: ภายในปี 2021
  • Series She-Hulk: ภายในปี 2021
  • Doctor Strange In The Multiverse Of Madness: 25 มีนาคม 2022
  • Thor: Love And Thunder: 6 พฤษภาคม 2022
  • Black Panther 2: 8 กรกฎาคม 2022
  • Captain Marvel 2: 11 พฤศจิกายน 2022

WandaVision

ซีรีส์ WandaVision (เล่นคำจาก “Television” ที่ทีวีและรายการทีวีจะเป็นบรรยากาศสำคัญของซีรีส์) จะสตรีมให้ชมทาง Disney+ วันที่ 15 มกราคม 2021 เล่าเรื่องราวของ Wanda Maximov หรือ Scarlet Witch และ Vision ที่ได้ย้ายไปอยู่ด้วยกันในเมืองเวสต์วิวอันสวยงาม พวกเขาพยายามปิดบังพลังอำนาจของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็พบว่าชีวิตในรั้วสีขาวที่พวกเขาสร้างขึ้นก็อาจไม่สดใสและสมบูรณ์แบบอย่างที่เห็น ซีรีส์จะมีจำนวน 6 ตอน แต่มาร์เวลบอกว่าจะให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังมาร์เวล 6 เรื่องที่ไม่เคยเห็นหนังรูปแบบนี้ใน MCU มาก่อน

WandaVision นำแสดงโดย Paul Bettany (The Da Vinci Code) และ Elizabeth Olsen (Godzilla) สมทบด้วย Kathryn Hahn (Bad Moms), Kat Dennings กลับมารับบท Darcy Lewis เพื่อนสาวคนสนิทของ Jane Foster ในเรื่อง Thor,  Randall Park กลับมารับบทคุณตำรวจจากในเรื่อง Ant-Man and the Wasp กำกับการแสดงโดย Matt Sharkman (The Boys, Game of Thrones) จากบทของ Jac Schaeffer (The Hustle)

จดหมายรักถึง “ยุคทอง” ของวงการโทรทัศน์

ซีรีส์ WandaVision ตั้งใจแสดงความคารวะต่อซิตคอมคลาสสิกยุค 50s โดย 2-3 ตอนแรกของซีรีส์จะนำเสนอด้วยภาพแบบขาวดำ โดยในระหว่างการถ่ายทำจะมีผู้ชมจริง ๆ นั่งดูอยู่ด้วย เช่นเดียวกับการถ่ายทำซิตคอมคลาสสิกในยุคนั้น นี่เป็นสไตล์ใหม่ที่หนังและซีรีส์มาร์เวลใน MCU ไม่เคยทำมาก่อน การคารวะครั้งนี้แทบจะเรียกได้ว่า เป็นจดหมายรักแด่ยุคทองของวงการโทรทัศน์ก็ว่าได้

ในสัมภาษณ์ของ Kevin Feige ประธาน Marvel Studio ได้บอกกับ Entertainment Weekly บอกว่า WandaVision ได้แรงบันดาลใจมาจากซิตคอมเรื่อง Nick at Nite ที่เขาเติบโตขึ้นมากับมัน และเขาเองก็พยายามติดตามดูซิตคอมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเพื่อใช้สำหรับสร้างซีรีส์เรื่องนี้ จนเขาตระหนักได้ว่า โทรทัศน์เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายทอดเรื่องราวของ Wanda และ Vision ผู้ที่ถือว่าเป็นตัวละครแรกของมาร์เวลที่มาบุกเบิกแพลตฟอร์มสตรีมมิงของ Marvel ทางช่อง Disney+

นักแสดง Paul Bettany ผู้รับบท Vision ถูกแปลงโฉมเป็นให้กลายเป็นเวอร์ชันสีน้ำเงินซึ่งเป็นสีที่เหมาะสำหรับการถ่ายทำให้ออกมาเป็นภาพแบบขาวดำมากกว่า นอกจากนั้น ทีมเอฟเฟกต์ใช้เทคนิคการนำสายไฟและกล้องที่ใช้ในซิตคอมยุคคลาสสิกจริง ๆ อย่าง Bewitched หรือ I Dream of Jeannie มาใช้ในฉาก Wanda ทำให้สิ่งของลอยไปมาด้วย

รักกันแต่ต้องนอนแยกเตียงกันนะ

ในช่วงยุค 1930s ถึง 1940s วงการโทรทัศน์อเมริกันอยู่ภายใต้กฏที่เรียกว่า Hays Code ซึ่งออกข้อห้ามหลายอย่างที่ไม่ให้ถ่ายทอดภาพบางภาพสู่จอโทรทัศน์ อย่างเช่นภาพเปลือยที่มีความล่อแหลมหรือชี้นำทางเพศ รวมถึงกฎประหลาด ๆ อย่างการห้ามชายหญิงนอนร่วมเตียงเดียวกัน ส่งผลให้รายการโทรทัศน์ในสมัยนั้นอย่างเช่น Dick Van Dyke หรือ I Love Lucy คู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงานกันแล้วในชีวิตจริงจะนอนร่วมเตียงเดียวกันไม่ได้ (แม้ว่าตามเนื้อเรื่องแล้ว พวกเขาจะแต่งงานมีลูกกันแล้วก็ตาม) ทำให้ภาพที่ปรากฏในโทรทัศน์ คนดูจะเห็นพวกเขานอนบนเตียงแฝดคู่ และมีโต๊ะข้างเตียงคั่นกลางระหว่างกัน

แม้ว่ากฎดังกล่าวจะไม่ได้ถูกใช้อย่างเคร่งครัด แต่ฉากนอนร่วมเตียงเดียวกันก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตั้งแต่ปี 1934 จนกระทั่งในปี 1950 ได้มีการนำระบบจัดเรตติ้งเข้ามาใช้แทน นั้นทำให้ Bewitched กลายเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องแรกที่มีคู่รักที่ไม่ได้แต่งงานกันในชีวิตจริงได้นอนร่วมเตียงเดียวกัน

Monica Rambeau และการปรากฏตัวขององค์กร SWORD

Captain Marvel (2019)
Teyonah Parris

ได้มีการเผยโฉมตัวละครตัวใหม่ที่จะมามีบทบาทสำคัญในเรื่อง นั่นคือ Monica Rambeau นำแสดงโดย Teyonah Parris จาก If Beale Street Could Talk (2018) และซีรีส์ Mad Men ตัวละครนี้เคยปรากฎตัวใน Captain Marvel (2019) ในบทเด็กน้อยลูกสาวของนักบินหญิงผิวสีเพื่อนของ Carol Danvers ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนั้นนำแสดงโดยนักแสดงเด็ก Akira Akbar

ภาพของเจ้าหน้าที่องค์กร SWORD

รายงานจาก JustJared ได้โพสต์ภาพจากกองถ่ายซึ่งเราจะได้เห็น Elizabeth Olsen และ Teyonah Parris ในอิริยาบถระหว่างพักกอง สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ภาพของเจ้าหน้าที่องค์กร SWORD ซึ่งตัวละคร Monica ของ Parris เพิ่งเดินออกมาจากตึกออฟฟิศขององค์กรนี้ รวมถึงป้ายพนักงานของเธอก็ยังมีสัญลักษณ์ของ SWORD อยู่ด้วย แฟนพันธุ์แท้มาร์เวลเชื่อมโยงกันว่า นั่นคือยานขององค์กร SWORD ที่เป็นชื่อย่อของ Sentient World Observation and Response Department องค์กรที่ Nick Fury ตั้งขึ้นมาใหม่ หลังการล่มสลายของหน่วย S.H.I.E.L.D.

Vision ยืนยันว่ามี “น้องชาย” เป็นสีม่วง และเปลี่ยนความหนาแน่นได้

ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ Stir Crazy with Josh Horowitz นักแสดงผู้รับบทเป็น Vision อย่าง Paul Bettany ได้ถูกถามถึงเรื่องต่าง ๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นเขาถูกถามว่า ซีรีส์จะมีฉากวับ ๆ แวม ๆ ที่แหกกฎของดิสนีย์บ้างไหม? ซึ่งเขาก็ตอบว่า ไม่มีฉากโป๊เปลือยแน่นอน แต่เขาก็คิดว่าคนดูสามารถตอบคำถามว่า เขามีน้องชายหรือไม่มีได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่ขยายความต่อว่า “น้องชายของ Vision มันเป็นสีม่วงครับ แถม Vision ยังสามารถเปลี่ยนแปลงความหนาแน่นของมันได้ด้วยนะ”

Black Widow

เดิมที่ปี 2020 นั้นเกือบจะเป็นปีที่มีหนังมาร์เวลเรื่องนี้แค่เรื่องเดียวที่ได้เข้าฉาย แต่สุดท้ายหนังก็เลื่อนจากกำหนดเดิมคือพฤษภาคมปีนี้ไปเป็นพฤษภาคมปีหน้า โชคดีของแฟน ๆ ที่อยากชมหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ก็คือ ทั้ง Disney และ Marvel ยังคงยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่นำหนังไปลงสตรีมมิงทาง Disney+ เหมือนที่ทำกับ Mulan แน่นอน เพราะหมายมั่นว่าจะได้กำไรคืนจากการฉายโรงมากกว่า

ชวนอ่าน วิเคราะห์เจาะลึก 6 ประเด็นน่าสนใจ ในตัวอย่างแรกของ Black Widow

หนังจะบอกว่าเกิดอะไรกับ Natasha ในบูดาเปสต์

“เกิดอะไรขึ้นที่บูดาเปสต์?” เป็นคำถามคาใจของแฟนหนังมาร์เวลมาโดยตลอด ตั้งแต่บทสนทนาสั้นๆ ระหว่าง Clint Barton หรือ Hawkeye กับ Natasha Romanoff ในหนัง The Avengers ภาคแรก และดูเหมือนว่าแฟน ๆ จะได้คำตอบนั้น ในหนัง Black Widow

พวกเราจะให้คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น เรื่องนี้เริ่มขึ้นตอนที่ Joss Whedon (ผู้กำกับ) ใส่ประโยคนี้เข้ามาในหนังภาคแรก ให้เป็นเรื่องขำ ๆ ระหว่างพวกเขา ให้มันเหมือนเรื่องเก่า ๆ ในวันวาน แต่นั่นก็ทำให้แฟน ๆ ของหนังตั้งทฤษฎีขึ้นมาต่าง ๆ นานา จนพวกเราคิดว่า ถ้าหากเราไม่กลับไปเล่าเรื่องที่บูดาเปสต์ แฟน ๆจะต้องฆ่าเราแน่ ๆ…

Natasha ถูกหลอกหลอนด้วยความจริงที่ว่า เธอมีอดีตที่รู้สึกผิดบาปอยู่ตลอดเวลาซึ่งอย่างที่รู้ เหตุมันเกิดจากเรื่องร้าย ๆ ในบูดาเปสต์ Black Widow จะไม่ใช่หนังที่เล่าเหตุการณ์ในบูดาเปสต์ แต่จะเป็นการทำความเข้าใจถึงความหนักใจของ Natasha ที่คนดูยังไม่เคยได้เข้าไปสำรวจ” Scarlett Johasson เล่า

ทฤษฎีว่าด้วย “เกิดอะไรขึ้นในบูดาเปสต์?”

อย่ากระนั้นเลย แฟน ๆ มาร์เวลทั้งหลายก็เลยข้อตั้งทฤษฎีหรือสมมติฐานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบูดาเปสต์จนมาร์เวลต้องหยิบมาเล่ามาขยี้จนเป็นเรื่องเป็นราวนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? สมมติฐานแรกที่แฟน ๆ ตั้งข้อสังเกตมากที่สุดก็คือ Clint Barton และ Natasha Romanov เคยต่อสู้กับ Taskmaster วายร้ายของหนังภาคแยกนี้มาแล้วครั้งหนึ่งตอนออกปฏิบัติการในนามของหน่วย S.H.I.E.L.D. เหตุผลสนับสนุนแนวคิดนี้ก็มาจากตัวอย่างของหนังที่เรื่องราวจะกลับไปที่เมืองนี้ และ Natasha ได้พูดว่า “เราต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้”

สมมติฐานต่อมาเชื่อมโยงกับ Nick Fury ที่เคยพูดคุยกับ Carol Danvers ใน Captain Marvel ภาคแรกว่า ตัวเขานั้นเคยออกปฏิบัติภารกิจในช่วงสงครามเย็นรวมถึงในบูดาเปสต์ ก็จะเป็นไปได้ว่าในภารกิจครั้งนั้น Fury ได้ร่วมงานกับทั้ง 2 คนด้วยตอนที่เขายังไม่ได้เข้าหน่วย S.H.I.E.L.D.

อีกสมมติฐานนึงที่ดูจะเข้าท่าก็คือ การปฏิบัติภารกิจที่บูดาเปสต์ของ Clint และ Natasha ในอดีต มีเหตุให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิต โดยเธอเคยพูดประโยคที่ว่า “เหมือนตอนบูดาเปสต์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ตอนที่ Clint เข้าไปช่วยชาวเมืองจากรสบัสใน The Avengers (2012) ภาคแรก และสมมติฐานสุดท้ายก็คือ ทั้งคู่เคยมีความรักต่อกันก่อนจะแยกย้ายกันไปมีครอบครัวและใช้ชีวิตในเส้นทางใหม่ เหตุผลสนับสนุนก็คือ การเสียสละชีวิตในภาค Endgame ที่ถ้าไม่รักกันมากจริง ๆ ก็คงแลกชีวิตให้กันได้อย่างที่เห็น

หรือ Yelena Belova จะเป็น Black Widow คนใหม่?

Yelena Belova ที่เติบโตมาด้วยปูมหลังเดียวกันกับ Natasha ทั้งถูกฝึกปรือวิชาสายลับจากองค์กรในรัสเซีย เข้าร่วมต่อสู้ในกองทัพ นอกจากนี้ใน Black Widow เธอก็จะต้องพิสูจน์ความสามารถว่าเก่งกว่า Natasha ด้วย ล่าสุดมีรายงานว่า Cate Shortland ผู้กำกับหญิงของเรื่องก็ได้ออกมายืนยันการคาดการนี้ว่าแฟน ๆ คิดถูกแล้ว เพราะ Black Widow ไม่ใช่หนังภาคต้นของ Natasha Romanoff แต่เป็นหนังภาคต้นของ Yelena Belova ต่างหาก

ถ้าเป็นจริงตามที่ Shortland พูด ก็จะเป็นการหักล้างทฤษฎีหนึ่งที่ว่า Yelena เสียชีวิตในตอนจบของ Black Widow และ Natasha ได้นำเสื้อแจ็กเก็ตของเธอมาใส่ในตอนภาค Infinity War แต่ก็มีคนสงสัยว่า Marvel Studios อุตส่าห์จ้างดาราที่กำลังมีชื่อเสียงอย่าง Pugh มาเล่น ก็ไม่น่าจะให้จบบทบาทง่าย ๆ เพียงแค่ในภาคเดียว และเป็นไปได้ว่าในหนังภาคนี้จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ Natasha เชื่อว่า Yelena ตายไปแล้ว แต่จริง ๆ เป็นการถูกจับไปทดลองโดยองค์กร AIM (Advanced Idea Mechanics) ของ Aldrich Killian ตัวร้ายใน Iron Man 3 (2013) ซึ่งหมายความว่า Taskmaster อาจจะเป็นตัวร้ายหลอก ๆ ที่ปล่อยมาในตัวอย่างหนัง

และถ้าใครที่ตามฉบับคอมิกก็จะรู้ว่า Yelena จะเปลี่ยนเป็น Super-Adaptoid ตัวละครที่สามารถก็อปปี้พลังของผู้อื่นได้ แถมยังแข็งแกร่งมากพอจะรับมือ Thor หรือ Hulk ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า หนังอาจจะเดินตามเนื้อเรื่องในคอมิกก็เป็นได้

Red Guardian คือ Captain America “แห่งรัสเซีย”

ในหนังเรื่องนี้คอหนังจะได้เห็น ฮีโรของรัสเซียระดับกัปตันเป็นครั้งแรก นั่นก็คือตัวละคร Red Guardian ของนักแสดง David Harbour ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

เขาคือชายที่มีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิดกับ Natasha ในอดีต ผมจะไม่บอกว่าเกี่ยวข้องกันแบบไหน แต่ทุกคนคงได้จะเห็นความเป็นครอบครัว เพราะเขาเปรียบเสมือนพ่อของเธอ ในอดีตเขาเคยมีเวลาอันรุ่งโรจน์ แต่ยุคทองของเขามันจะผ่านไปแล้ว ในเรื่องนี้เขาได้กลับไปสวมชุดซูเปอร์ฮีโรของเขา…เขาเป็นกัปตันอเมริกาในยุคของเขา สำหรับรัสเซีย”

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

Shang-Chi And The Legend Of The Ten Rings

แม้จะยังไม่มีความคืบหน้าออกมาเพิ่มมากนักสำหรับหนังซูเปอร์ฮีโรสายตี๋เรื่องนี้ แต่รายงานล่าสุดก็บอกว่า หนังได้เสร็จสิ้นการถ่ายที่โรงถ่ายในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพราะจะต้องส่งต่อให้หนัง Thor ภาค 4 ใช้ถ่ายทำต่อ ในปีนี้กองถ่ายของ Shang-Chi ก็เล่นทำเอาใจหายใจคว่ำพอสมควรเพราะ ผู้กำกับของเรื่องอย่าง Destin Daniel Cretton สุ่มเสี่ยงจะติดเชื้อโควิด-19 จากโรงถ่ายเดียวกันกับที่ Tom Hanks ติดเชื้อ ก่อนจะไปตรวจและผลออกมาว่าไม่ติดเชื้อในที่สุด

https://twitter.com/charlesbassf/status/1254579879850291200?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1254579879850291200%7Ctwgr%5E%7Ctwcon%5Es1_&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.beartai.com%2Fwp-admin%2Fpost.php%3Fpost%3D428430action%3Dedit

Cretton นั้นเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ฝีมือดีแต่ค่าตัวยังไม่แพงจาก Short Term 12 (2013) ที่นำแสดงโดย Brie Larson หรือผู้รับบท Captain Marvel และ Just Mercy (2019) นำแสดงโดย Michael B. Jordan และ Jamie Foxx ที่มามีบทบาทใน MCU กันแล้วทั้งคู่ (ใน Black Panther (2018) และ Spider-Man 3 ตามลำดับ) นอกจากนี้หนังก็ยังจะได้ Bill Pope ผู้กำกับภาพจากไตรภาค The Matrix (1999-2003) และ Spider-Man ไตรภาคแรกสุด (2002-2007) มาทำงานให้ MCU เป็นครั้งแรก

https://www.instagram.com/p/CGx_IC3pLEU/

ระดมทีมนักแสดงจากทั่วฟ้าเอเชีย

https://www.instagram.com/p/B_HE-mQp9Xe/

Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings จะได้นักแสดงเชื้อสายเอเชียอย่าง Simu Liu ที่จะมารับบท Shang-Chi สมทบด้วยนักแสดงสาว Awkwafina จาก The Farewell (2019) รวมถึง Tony Chiu-Wai Leung หรือเหลียงเฉาเว่ย ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังจากฮ่องกงเข้าชื่อนำแสดงเอาไว้ในบท Mandarin ตัวจริง (ไม่ใช่ตัวหลอกอย่างใน Iron Man 3 (2013) ที่รับบทไว้โดย Ben Kingsley) และ Michelle Yeoh นักแสดงเชื้อสายมาเลเซียคนดังจาก Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) และ Crazy Rich Asians (2018) ที่มาร์เวลยังไม่ได้บอกว่า เธอจะมารับบทอะไร

หนังยังสมทมด้วย Ronny Chieng จาก Crazy Rich Asians (2018) นอกจากเป็นนักแสดงแล้วเขายังเป็นนักพูดสายตลกอีกด้วย ในรายงานของสื่อที่ได้ไปสังเกตในอินสตาแกรมสตอรีของเขา จะเห็นว่าเขากำลังฟิตร่างกายอยู่ในโรงยิมเดียวกันกับที่ Simu Liu ใช้และแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน ส่วนอีกรายหนึ่งคือ Fala Chen นักแสดงสาวและศิลปินชาวฮ่องกง มีผลงานในหนังจีนทางทีวีอย่าง Ghost Writer และ Queens of Diamonds and Hearts รวมถึงภาพยนตร์จีนเรื่อง Turning Point (2009) หนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่เธอได้เริ่มทำงานกับฮอลลีวูดอย่างจริงจัง

Shang-chi จะเป็นศิษย์ทรพีของ Mandarin?

ข่าวลือเนื้อเรื่องของหนังออกมาจากเว็บไซต์ Fandomwire บอกว่า ภาคแรกของหนัง Shang-Chi จะเล่าถึง ตัวเอกผู้มีพลังพิเศษ เขาเติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ทำการฝึกฝนเด็ก ๆ ให้เก่งเรื่องการต่อสู้ โดยมีเจ้าของเป็น Mandarin (รับบทโดย เหลียงเฉาเหว่ย) แต่สุดท้ายชางชิก็หนีออกมาจากที่นั่นและเริ่มใช้ชีวิตที่ต้องหนีออกจากเงื้อมมือของแมนดารินตลอดทั้งชีวิต

หลายปีต่อมา Shang-chi ได้พบกับ Mandarin อีกครั้งและได้รับข้อเสนอบางอย่าง Mandarin สัญญาว่าจะให้ทั้งเงินและอำนาจพร้อมทั้งรับปากว่าจะเลิกไล่ล่าเขา ถ้าหากยอมเข้าร่วมศึกประลองที่ต้องต่อสู้กับผู้มีพลังพิเศษอีกคนที่ก็เติบโตมาจากเป็นเด็กกำพร้าที่ฝึกการต่อสู้มาทั้งชีวิต ใครก็ตามที่ชนะการประลองนี้จะได้รางวัลเป็นแหวน 10 วงในตำนานที่มีพลังอำนาจมหาศาล ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าแมนดารินอยากได้แหวนเหล่านั้น และเหตุผลที่เขาต้องพึ่งชางชิก็เพราะเขาแก่เกินไปที่จะเข้าสู่การประลองครั้งนี้

ในรายงานยังบอกด้วยว่า พลังพิเศษของ Shang-Chi คือ สามารถแยกร่างได้ขณะต่อสู้ได้ โดยในหนังจะมีฉากต่อสู้ที่ผสมผสานระหว่างการใช้พลังกับการต่อสู้มือเปล่าแบบกังฟู รวมไปถึงพลังวิเศษจากผู้ประลองที่เป็น พ่อมด เอเลียน นักสู้ ซึ่งล้วนเป็นตัวละครจากจักรวาลมาร์เวล และยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งว่า ตัวละครหลักสำคัญอีกตัวที่ยังไม่มีการเปิดเผยในตอนนี้ว่านักแสดงคนไหนจะมารับบท จะเป็นตัวละครชื่อ “ฟาเหลาซื่อ” ลูกสาวของ Mandarin และเป็นคนที่พระเอก Shang-Chi หลงรัก

หรือตัวร้ายจริง ๆ ของเรื่องจะเป็น Fin Fang Foom?

หนึ่งในตัวร้ายที่ต่อคิวจะปรากฏตัวในหนัง MCU ยังมีรายชื่อของมังกร Fin Fang Foom อยู่ด้วย โดยเสื้อแจ็กเก็ตของ Jade Xu ทีมสตันท์ของหนังที่สื่อ Screenrant ไปจับสังเกตมาอาจจะบ่งบอกเป็นนัย ๆ ว่า ตัวละครนี้อาจปรากฏในเรื่องด้วย เพราะลายบนเสื้ออาจเป็นลายของเจ้ามังกรวายร้ายที่เป็นตัวร้ายอันดับหนึ่งของ Shang-chi ก็ได้ ในฉบับคอมิกนั้น Fin Fang Foom เป็นเอเลี่ยนไคจูที่มีหน้าตาเหมือนมังกร มาซ่อนตัวอยู่บนโลกตั้งแต่ยุคจีนโบราณ มันเลือกจำศีลรอจนกว่าสมุนจะพร้อมรวมตัว ตัวละครนี้ปรากฏตัวในคอมิกครั้งแรก ตอน Strange Tales #89 ในเดือนตุลาคมปี 1961 สร้างสรรค์โดย Stan Lee และ Jack Kirby

Eternals

เลื่อนฉายไปหนึ่งปีเต็ม ๆ สำหรับหนังซูเปอร์ฮีโรพลังเทพเจ้าที่ตอนยังไม่ประกาศเลื่อนเพราะโควิด-19 นั้น แม้จะใกล้กำหนดฉายเต็มทีแต่หนังก็ยังไม่ปล่อยตัวอย่างแรกออกมาด้วยซ้ำ (เหมือนทีมงานจะรู้ว่าหนังต้องเลื่อนแน่ ๆ จึงไม่รีบแม้แต่จะตัดต่อหนังตัวอย่าง) ย้อนความกันสักนิด Eternals จะเล่าเรื่องของซูเปอร์ฮีโรที่เป็นสิ่งทรงภูมิปัญญาสูงสุดและมีพลังเปรียบดั่งเทพเจ้า ที่มาที่ไปของตัวละครนี้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของ Jack Kirby ตอนที่เพิ่งกลับจากมาร์เวลอีกครั้งหลังจากไปทำงานให้ดีซีพักนึง แล้วกลับมาพร้อมกับพล็อตคอมิกเรื่อง New Gods

พวกเขาอาศัยอยู่บนโลกมานานกว่า 7,000 ปีแล้ว หลังจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame นั้นได้เกิดเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นจนทำให้พวกเขาต้องเปิดเผยตัวตนออกมาสู่โลกใบนี้ เพื่อรวมพลังกันต่อสู้กับวายร้ายที่อันตรายที่สุดของมนุษย์โลกอย่าง Deviants

หนังจะนำแสดงโดย Angelina Jolie (Maleficent) นักแสดงสาวแถวหน้าของวงการรับบทเป็น Thena, Salma Hayek (Frida) รับบท Ajak, Richard Madden (Game of Thrones) รับบท Ikaris, Kit Harington (Game of Thrones) รับบท Dane Whitman ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะมารับบท Black Knight ตามฉบับคอมิกของตัวละครนี้, Kumail Nanjiani (The Big Sick) รับบท Kingo, Dong-seok Ma หรือมาดงซอก, (Train to Busan) รับบท Gilgamesh, Barry Keoghan (Dunkirk) รับบท Druig, Gemma Chan รับบท Sersi เป็นต้น และจะกำกับโดย Chloe Zhao จาก Nomadland (2020) และ The Rider (2017)

Black Knight

Eternals รู้ถึงการมีอยู่ของ Avengers มาโดยตลอด

Guardians of the Galaxy Vol.2 (2017)

จุดเริ่มต้นของเหล่า Eternals นั้นตามฉบับคอมิก พวกเขาก็เกิดมาจาก Celestials ซึ่งเป็นสิ่งภูมิปัญญาที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป ถ้าให้นึกง่าย ๆ ของอย่างตัวละคร Ego พ่อของ Peter Quill (รับบทโดย Kurt Russell) ซึ่งก็ทำให้ Peter หรือ Star-Lord มี DNA ของ Celestials อยู่ด้วยเหมือนกัน Eternals ถูกสร้างขึ้นโดย Celestials ที่ทิ้งพวกเขาไว้เพื่อทำหน้าที่ปกป้องโลก เหล่า Eternals ได้รับพลังจากรังสีคอสมิคเช่นเดียวกับ Captain Marvel และ Fantastic Four ขณะเดียวกันก็มีสิ่งมีชีวิตอีกพวกหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดย Celestials เพื่อเป็นคู่ต่อสู้กับพวกเขาด้วยนั่นคือ Deviants 

ภาพคอนเซปต์อาร์ทของ Celestials
ภาพ Celestials ที่เคยถูกพูดถึงใน Guardians of the Galaxy Vol.2 (2017)

ในฉบับคอมิกนั้น เหล่า Eternals นั้นมีอายุยืนยาวหลายพันปีแต่ไม่ได้มีชีวิตเป็นอมตะ ส่วนในฉบับหนังนั้นจะมีการดัดแปลงให้ต่างออกไป ให้พวกเขามีชีวิตยืนนานมากกว่าประวัติศาสตร์มนุษย์ที่แทบจะเรียกว่าเป็นอมตะก็ได้ “เหล่า Eternals ที่อยู่บนโลกมานานกว่า ต่างรับรู้ถึงการมีอยู่ของเหล่า Avengers แต่เป็นฝั่ง Avengers เองต่างหากที่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของ Eternals เลย…” ซึ่งนอกจากเพราะหนังถ่ายทำทีหลังเป็น 10 ปี เราคงจะได้ทราบเหตุผลจากในหนังว่า ที่ไม่รู้เนี่ย จะเป็นไปได้ยังไง? มีแฟน ๆ ส่วนหนึ่งคาดการว่าอาจถูกอธิบายด้วยการดีดนิ้วด้วยถุงมืออัญมณีของ Hulk และ Thanos ที่เปิดมิติคู่ขนานก็เป็นได้

เหล่า Celestials คือ สิ่งมีชีวิตระดับจักรวาล เคยปรากฏตัวแล้วใน Guardian of the Galaxy อย่าง Nowhere ก็เป็นศีรษะของ Celestials เช่นกัน ซึ่งทุกคนจะได้เห็นเซเลสเซียลแบบเต็ม ๆ รวมถึงพลังอำนาจของเขาใน Eternals แน่นอน” Kevin Feige เคยเล่าเอาไว้ถึงตัวละคร Celestials ที่จะมาปรากฎตัวแน่ ๆ

แฟน ๆ มาร์เวลก็หวังจะได้รับรู้คำอธิบายเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของเหล่ามณีทั้งหลายด้วย เพราะว่าภายในหนังจะกินเวลาที่ยาวนานย้อนอดีตของจักรวาลมาร์เวลด้วย คาดกันว่าก่อนหน้านี้อัญมณีอินฟินิตี้นั้นเคยตกอยู่ภายใต้การครอบครองของ Celestial และอาจจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นทำให้เหล่าอัญมณีเปลี่ยนผู้ครอบครองไปเรื่อย ๆ หรือกระทั่งอาจเคยเกิดสงครามการแย่งชิงอัญมณีทั้ง 6 ระหว่าง Celestial กับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ จนทำให้เผ่าพันธุ์นั้นสูญสิ้นไปแล้วก็เป็นได้

ส่องโฉมแรกของชุดเหล่าฮีโรจาก “ของเล่น”

แม้จะยังไม่เคยมีใครได้เห็นภาพนักแสดงของเรื่อง Eternals ในชุดคอสตูมเต็มยศมาก่อน ไม่ว่าจะจากภาพในกองถ่ายหรือภาพทางการและตัวอย่างหนังทางการ แต่จากสินค้าที่เป็นชุดของเล่นของ Marvel ก็อาจทำให้เราพอเดาชุดของเหล่าซูเปอร์ฮีโรพลังเทพเจ้าเหล่านี้ได้

หนังจะมีการนำเสนอที่หลากหลายตามเชื้อชาติ

Kumail Nanjiani ผู้รับบท Kingo ฮีโรผู้มีพลังคอสมิกได้ออกมาเปิดเผยถึงฉากเต้นรำ ที่เขาเป็นผู้แสดงหลัก บทฉากหน้าบนโลกมนุษย์ที่เขาต้องซ่อนตัวด้วยการเป็นดาราบอลลีวูด ซึ่งเอาจริง ๆ Kingo เลือกจะซ่อนตัวภายใต้การเป็นดาราบอลลีวูด (เนี่ยนะ?) และเพื่อให้สมกับการเป็นดาราดังแห่งอินเดีย Nanjiani จึงต้องเต้นรำแบบในหนังแขกดูมมะจาเรดูมกับนักเต้นอีก 51 คน โดยที่มีแค่เขาคนเดียวที่ไม่ใช่นักเต้น

และเพราะจะต้องมีฉากต่อสู้แอ็กชันมากมาย รวมถึงฉากเต้นที่ต้องใช้ร่างกายที่แข็งแรง ทำให้เขาต้องฟิตร่างกายเป็นปี “ตั้งแต่เมื่อปีที่รู้ว่าจะได้เล่น  Eternals ผมตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตัวเอง ด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักหนึ่งปีเต็ม พร้อมครูฝึกกับนักโภชนาการซึ่งค่ายหนังที่ดีที่สุดในโลกจ้างมาดูแลผม ผมชอบรูปร่างแบบนี้นะ แต่ผมก็เข้าใจว่าทำไมผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน มันคงทำไม่ได้เลยถ้าไม่มีความตั้งใจจะเล่นหนังเรื่องนี้”

ซูเปอร์ฮีโร “เกย์” คู่แรก และซูเปอร์ฮีโร “หูหนวก” คนแรก

Eternals ยังจะเป็นหนังเรื่่องแรกที่มีฉากจูบของคนเพศเดียวกันที่เป็นคู่รักเกย์อย่างเปิดเผยภายในเรื่อง นักแสดงสมทบ Haaz Sleiman (จาก ซีรีส์ Little America, ซีรีส์ Jack Ryan) ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของเขากับตัวละครฮีโรอีกตัวที่รับบทโดย Brain Tyree Henry (จาก Joker, Widows) ในบท Phastos ฮีโรที่มีพลังผิวหนังกลายเป็นเหล็กกล้าได้ ว่าในหนังนั้นพวกเขาแต่งงานและมีลูกด้วยกัน Sleiman ยังกล่าวอีกว่า “มันเป็นฉากจูบที่งดงามและน่าประทับใจมาก ทุกคนในกองร้องไห้กันใหญ่ สำหรับผมมันสำคัญมากที่จะแสดงให้เห็นว่าครอบครัวเกย์ก็มีความงดงามเกิดขึ้นได้”

Kevin Feige หัวเรือใหญ่ของ Marvel Studios เคยได้ออกมายืนยันในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า Eternals จะเป็นหนังที่เคารพต่อความหลากหลายสูงที่สุดที่มาร์เวลเคยสร้างมา และจะมีฉากของกลุ่มคนรักร่วมเพศอย่างไม่อ้อมค้อมที่สุดเท่าที่เคยปรากฎในหนังฮีโร

นักแสดงอย่าง Lauren Ridloff ผู้รับบทเป็น Makkari ซูเปอร์ฮีโรผู้พิการทางการได้ยินคนแรกใน Eternals ก็ให้สัมภาษณ์กับ Hey you Guys ว่า หนัง ถ่ายทำเสร็จแล้วและอึดอัดมากที่จะต้องรออีกเกือบปีหนังถึงจะได้ฉาย นอกจากนี้เธอยังได้พูดคุยถึงการเป็นนักแสดงหูหนวก และการได้ทำงานกับนักแสดงชื่อดังอย่าง Angelina Jolie ด้วย

ฉันตื่นเต้นมากเลยค่ะที่ได้จะได้เป็นตัวแทนของเหล่าผู้พิการทางการได้ยินทุกคน ฉันตื่นเต้นในโอกาสนี้มาก ๆ กับการที่ได้นำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาอยู่ใน MCU ฉันคิดว่ามันยังมีที่ว่างอีกมากมายให้กับเรื่องราวของบุคคลที่เต็มไปด้วยความหลากหลายแบบนี้”

Thanos ก็เป็นหนึ่งใน Eternal

Jim Starlin ผู้ทำหน้าสร้างและออกแบบตัวละครธานอสมาตั้งแต่ปี 1973 ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ใน The Eternals หนังรวมฮีโรพลังเทพเจ้าตามตำนานของกรีกที่เดิมจะมีกำหนดฉายปลายปีนี้ แต่เลื่อนฉายไปแล้วเป็นต้นปีหน้านั้น แฟนหนังอาจจะได้พบกับธานอสอีกครั้ง ในฉากย้อนเวลาไปเจอกับเขาตอนยังเป็นเด็ก เพราะใน The Eternals จะเล่าเรื่องที่กินเวลายาวนานในประวัติศาสตร์ของโลกและมิติต่าง ๆ ในจักรวาล

ก่อนหน้านี้ตอนที่หนัง Avengers: Infinity War (2018) เข้าฉายนั้น เคยมีการปล่อยภาพ Concept Art ของธานอสตอนเด็กออกมากโดยสองพี่น้องผู้กำกับ Russo ซึ่งแฟน ๆ ก็เลยเดากันว่า จะได้เห็นอดีตของธานอสตอนยังเด็กในเรื่องนั้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ปรากฎในหนัง ต่อมามีข่าวลือว่า ใน Eternals ได้มีการทดสอบบทของตัวละคร A’lars ซึ่งแฟนคอมิกมาร์เวลรู้กันว่า เขาคือพ่อของธานอสและก็เป็นหนึ่งใน Eternals ด้วย ดังนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าจะได้เห็นธานอสวัยเด็กจริง ๆ ก็ได้

ครอบครัวของ Thanos

นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวลือออกมาว่าอีกว่า Thanos อาจยังไม่ได้ตายและได้กลับมาอีกครั้ง (ในเวอร์ชันปัจจุบันไม่ใช่การเล่าย้อนอดีต) โดยมีแฟน ๆ มาร์เวลตาดีสังเกตเห็นการบอกใบ้บางอย่างจาก Marvel ในงานนิทรรศการ Avengers S.T.A.T.I.O.N. (จัดก่อนช่วงโควิดไม่นาน) ภายในงานได้มีบูธที่เขียนอธิบายจุดกำเนิดของ Thanos ไว้ว่า เขาเป็นบุคคลสุดท้ายแห่งเผ่าพันธุ์ซึ่งมีความลึกลับและซับซ้อน อันถูกกล่าวขานในจักรวาลไว้ในนามว่า The Eternals

ทฤษฎีวายร้ายของ Eternals อาจเป็น Oblivion

Oblivion จากฉบับคอมิก

แม้ว่างานสร้างและการฉายของ Eternals จะเลื่อนออกไป 1 ปี แต่สินค้าที่เป็นพวกของเล่นจากหนังก็เริ่มมีการวางจำหน่ายแบบไม่รอหนังแล้ว ซึ่งก็ทำให้แฟน ๆ ได้ข้อมูลบางอย่างของตัวละครที่อาจจะมาเป็นตัวร้าย แฟนคอมิกอาจจะคุ้นเคยว่า กลุ่มตัวโกงที่เป็นพวกตรงข้ามกับ Eternals ก็คือ Deviants แต่ก็เป็นไปได้อีกเหมือนกันว่าทั้ง 2 กลุ่มจะยังไม่ได้มาสู้กันตั้งแต่ภาคแรกที่เป็นภาคแนะนำตัวละคร จึงอาจจะมีแค่ตัวร้าย Kro มาปรากฏตัวในภาคนี้ นอกจากนั้น Celestials ที่จะมาปรากฏตัวในเรื่องแน่ ๆ ก็อาจมีศัตรูแต่ครั้งอดีตกาลมาเป็นคู่ปรับด้วยเช่นกัน นั่นคือ Oblivion กลุ่มสิ่งทรงภูมิปัญญาอีกกลุ่มที่อยากจะทำลายล้างจักรวาล จน Celestials ต้องสร้าง Eternals มาช่วยรับมือ

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

Spider-Man 3

Spider-Man 3 เริ่มกลับมาถ่ายทำในช่วงปลายปี 2020 ทั้งที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจียและในย่านควีนส์ของเมืองนิวยอร์ก Zendaya และ Marisa Tome ในบทป้า May ยังคงยืนยันกลับมารับบทเดิม แต่ยังไม่มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องออกมา หนังมีกำหนดฉายเดิม 17 ธันวาคม 2021 ขณะที่ผู้บริหารค่าย Sony ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่นำฟอร์มยักษ์ทั้งหมดของค่ายเข้าฉายในโรงจนกว่าสถานการณ์โควิดจะสงบ

ตัวร้ายจากฉบับก่อน ๆ จะมาร่วมแจมกันหลายตัว

jamie foxx electro

Jamie Foxx จะร่วมปรากฏตัวใน Spider-Man 3 ของ Sony และ Marvel Studios ในบทวายร้าย Electro อีกครั้ง ซึ่งเป็นบทเดิมที่เขา เคยรับบท Max Dillon หรือ Electro มาก่อนแล้วใน The Amazing Spider-Man 2 (2014) ไอ้แมงมุมฉบับของนักแสดงนำ Andrew Garfield แต่ภาพยนตร์ดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จด้านคำวิจารณ์มากนัก อีกทั้งยังทำรายได้ทั่วโลกไปเพียง 709 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้างที่มหาศาลกว่า 200 ล้านเหรียญฯ จนทำให้ Sony เลือกจะตัดจบและหันมาร่วมมือกับมาร์เวลในการรีเมกฉบับใหม่ Foxx บอกว่า Electro กลับมาคราวนี้จะร้ายและโหดกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งก็ทำให้ยังไม่ยืนยันว่า จะเป็น Electro ตัวเดิมที่ข้ามมิติมา หรือเป็น Electro ตัวใหม่ที่แค่ใช้บริการนักแสดงคนเดิม

ก่อนหน้านี้ Sony และ Marvel Studios ก็เคยนำนักแสดงดังเดิมจากแฟรนไชส์ Spider-Man ของผู้กำกับ Sam Raimi อย่าง J.K. Simmons กลับ มารับบท J. Jonah Jameson บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Daily Bugle อีกทั้ง ซึ่งได้ปรากฏตัวในช่วงท้ายของ Spider-Man: Far From Home (2019) ซึ่งเราคงต้องติดตามกันต่อในภาคต่อไปว่า เขามารับบทนี้ในฐานะเป็นตัวละครเดิมเชื่อมโยงมาจากไตรภาคแรก (ที่อาจถูกอธิบายได้ด้วยมิติคู่ขนาน Multiverse) หรือเป็นแค่ตัวละครคนละตัวแต่ชื่อซ้ำกัน

J.K. Simmons ตอนเล่นบท J. Jonah Jameson ในไตรภาคแรก (2002-2007)
J.K. Simmons ตอนเล่นบท J. Jonah Jameson ใน Spider-Man: Far From Home (2019)

แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีข่าวลือกว่า Alfred Molina อาจกลับมารับบท Doctor Octopus ด้วย โดยเขาเคยรับบทนี้ Spider-Man 2 (2004) ฉบับของผู้กำกับ Sam Raimi และนำแสดงโดย Tobey Maguire ซึ่งภาคนี้ถือได้ว่าเป็นภาคที่ได้รับคำชมมากที่สุดใน 2 เวอร์ชันแรกก่อนมาถึงมือมาร์เวล แต่ข่าวนี้ก็อาจจะเป็นแค่ข่าวลือที่แฟน ๆ อยากให้ Sony ระดมทีมวายร้ายข้าม Multiverse มา แต่ Sony อาจไม่มีเงินพอจ่ายค่าตัวมากมายนัก

มีโอกาสแค่ไหนจะได้เห็น Tobey Maguire และ Andrew Garfield?

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือหนาหูออกมาว่า Spider-Man จาก 2 ฉบับแรกที่นำแสดงโดย Tobey Maguire จากไตรภาคปี 2002-2007 และ Andrew Garfield จาก The Amazing Spider-Man ปี 2012-2014 จะได้กลับมาแจมกับ Spider-Man ภาค 3 ของ Tom Holland รวมถึงอาจจะมีนักแสดงผิวดำมารับบท Miles Morales ตัวละครจากคอมิกและแอนิเมชันที่ประสบความสำเร็จอย่าง Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018) ข้ามจักรวาลอย่างอลังการมาเจอกันหมด Sony Pictures ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับข่าวลือนี้ว่า ยังไม่มีการยืนยันว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่เกิดขึ้น

อาการมโนของแฟน ๆ เกิดจากประกาศข่าวยืนยันจากนักแสดงและสตูดิโอว่า Jamie Foxx กลับมารับบท Electro นอกจากนี้ค่ายหนังก็ยังตอกย้ำที่มาที่ไปก็ Multiverse ด้วยการให้ Doctor Strange ผู้มีเวทมนตร์เปิดประตูมิติต่าง ๆ มาปรากฏตัวใน Spider-Man ภาคต่อไป ก็ยิ่งทำให้ทุกคนตั้งความหวังว่าจะได้เห็น Spider-Man คนอื่น ๆ ที่เคยปรากฏตัวในฉบับหนังไปก่อนหน้านี้

Zendaya ผู้รับบท MJ นางเอกของเรื่อง ได้ไปออกรายการ Jimmy Kimmel Live และถูกถามถึงการปรากฏตัวของสอง Spider-Man ฉบับก่อนหน้าด้วยเหมือนกัน “ทุกอย่างเป็นความลับมากๆ และ ฉันไม่สามารถยืนยันหรือปฏิเสธเรื่องนี้ได้ค่ะ”

Doctor Strange มารับบทเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของ Peter

การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ใน Avengers: Infinity War (2018)
Doctor Strange ใน Avengers: Endgame (2019)

หมอแปลกหรือ Doctor Strange จะเข้าร่วมแสดงในหนังภาค 3 ตอกย้ำข่าวทั้งลือและไม่ลือก่อนหน้านี้ว่า ภาคนี้จะเป็นการเชื่อมโยงมิติคู่ขนานแนว Spider-Verse ของจักรวาลไอ้แมงมุมภาคอื่นก่อนหน้า โดยสื่อคาดเดากันว่า Doctor Strange อาจมีบทบาทเป็นพี่เลี้ยงฮีโรให้กับ Spider-Man เช่นเดียวกับ Iron Man ในภาค Homecoming (2017) และ Nick Fury ใน Far From Home (2019) และ หมอแปลกกำลังจะมีหนังภาค 2 ที่เป็นเรื่องราวแยกเดี่ยวของตัวเองอย่าง Doctor Strange in the Multiverse of Madness ทำให้มีการคาดเดากันว่าหนัง Spider-Man ภาคนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับ Multiverse หรือเรื่องราวในเรื่องนั้นก็จะส่งผลต่อเส้นเรื่องของ Spider-Man ภาค 3 ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ภาค 3 อาจได้ชื่อว่าภาคว่า Homesick

เว็บไซต์ Murphy’s Multiverse ได้รายงานว่า ภาพยนตร์ Super-Man ภาคที่ 3 อาจมีชื่อภาคว่า “Spider-Man: Homesick” โดย Charles Murphy นักเขียนของเว็บไซต์นี้ได้ชี้ประเด็นที่นิตยสาร Esquire และ Maxim ได้กล่าวถึงชื่อของ Spider-Man: Homesick ในเว็บไซต์อยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่ทั้ง 2 นิตยสารชื่อดังอาจใช้ชื่อนี้ เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีการประกาศชื่ออย่างเป็นทางการ และเนื่องจากชื่อ Spider-Man 3 นั้นเคยถูกใช้มาก่อนในภาพยนตร์ภาค 3 ฉบับของ Sam Raimi เมื่อปี 2007

Kraven The Hunter อาจเป็นวายร้ายคนใหม่

Joel Kinnaman จาก Altered Carbon ซีซัน 1

มีรายงานช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่า มาร์เวลสนใจอยากได้ Joel Kinnaman มาร่วมงานใน Spider-Man 3 ที่กำลังเตรียมงานถ่ายทำอยู่ในขณะนี้ ในฐานะตัวละครลับที่คาดกันว่า จะไปเชื่อมโยงกับหนังของตัวละคร Kraven the Hunter ที่จะมีการสร้างเรื่องราวให้อยู่ในจักรวาลตัวละครมาร์เวลของ Sony ในอนาคต ในฉบับคอมิกนั้น Kraven the Hunter ปรากฏตัวครั้งแรกใน Amazing Spider-Man #15 ปี 1964 ชื่อจริงคือ Sergei Kravinoff เป็นลูกของขุนนางชนชั้นสูงชาวโซเวียตซึ่งอพยพไปอยู่อเมริกาเพื่อหนีจากเหตุการณ์การปฏิวัติรัสเซีย เขาเป็นนายพรานล่าสัตว์ใหญ่ที่บ้าคลั่ง โดยพยายามล่า Spider-man เพื่อแสดงถึงการเป็นนักล่าที่เก่งกาจที่สุดในโลก เขาดื่มเซรัมวิเศษที่ทำให้มีพลังเพิ่มและแก่ช้าลง

Jon Watts ผู้กำกับจาก 2 ภาคแรกเคยให้สัมภาษณ์ว่า ตัวละครที่เขาสนใจอยากจะให้มาเป็นตัวร้ายในภาคต่อไปก็คือ นายพราน Kraven the Hunter เป็นหนึ่งตัวร้ายของ Spider-Man ที่โด่งดัง และเป็นหนึ่งใน The Sinister Six ที่ Sony พยายามจะสร้างหนังรวมดาวร้ายของ Spider-Man ตั้งแต่หนังเวอร์ชันที่แล้วก่อนจะตกมาถึงมือมาร์เวล ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า หลัง Morbious ที่จะเป็นหนังเรื่องที่ 3 ในจักรวาลมาร์เวลของ Sony ตามหลัง Venom นั้น จะมีชื่อของตัวละคร Kraven the Hunter ในหนังแยกเดี่ยวหรือรวมดาวร้ายด้วยหรือไม่

Ned ไปเข้าคอร์สฟิตหุ่นมาแล้ว

นอกจากคอหนังจะไม่ได้เห็น Thor อ้วนกลับมาใน Love and Thunder แล้ว ก็จะไม่ได้เห็น Ned Leeds เจ้าเด็กอ้วนเพื่อนสนิทของ Spider-Man อีกต่อไปเพราะตอนนี้นักแสดง Jacob Batalon ผอมหุ่นเพรียวแล้วเรียบร้อย เขาโพสต์รูปลงในอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมกับวิกผมที่เขาสวมตอนเล่นเป็น Ned (Batalon ตัวจริงโกนผมเกลี้ยง) ในเว็บไซต์ของแฟนคลับหนัง Spider-Man เว็บหนึ่งบอกว่า เขาลดน้ำหนักลงไปถึง 46 กิโลกรัมเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องมาตามดูกันต่อว่า ที่เขาลดน้ำหนักลงขนาดนี้เพราะต้องเตรียมมารับบทสำคัญอะไรในภาค 3 นี้ด้วยหรือเปล่า

Batalon นั้นเคยเปรย ๆ ว่าเขาอยากจะมารับบทเป็น Hobgoblin ซึ่งจะเป็นตัวร้ายตัวหนึ่งที่เพิ่งถูกแนะนำไปในฉบับคอมิก รวมถึงก็อาจเป็นไปได้ว่าถ้า Sony จะสร้างหนังรวมวายร้าย Sinister Six ขึ้นมาจริง ๆ Hobgoblin ก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

The Falcon and the Winter Soldier

หลังจากต้องหยุดการถ่ายทำไปนานเพราะโควิด-19 ซีรีส์ที่สลับไปมาว่าจะเป็นเรื่องราวที่ออกอากาศทางสตรีมมิงเป็นเรื่องแรกของ MCU ตามกำหนดการเดิมคือเดือนสิงหาคม 2021 ก็ถูกเลื่อนออกไป และมีการปรับให้ WandaVision ขึ้นมาเป็นเรื่องแรกที่ออกอากาศก่อน ซีรีส์จะมีความยาวราว 6 ตอน (หรืออาจต้องเรียกว่ามินิซีรีส์ในที่นี้) โดยจะได้ Kari Skogland ผู้กำกับที่ผ่านงานซีรีส์อย่าง House of Cards, The Walking Dead และ The Handmaid’s Tale มาเป็นผู้ควบคุมงานสร้างทั้งหมด โดยโทนของซีรีส์ก็น่าใกล้เคียงกับภาค The Winter Soldier (2014) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังจารกรรมยุค 70s อีกที ตามที่ Sebastian Stand นักแสดงนำเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ ส่วน Anthony Mackie นักแสดงนำอีกคนก็บอกว่า การถ่ายทำทุกอย่างใช้วิธีการแบบเดียวกับหนังใหญ่ เพียงแต่เป็นหนังใหญ่ที่เอามาซอยย่อยให้เป็น 6-8 ชั่วโมง

ตัวละครจากหนัง MCU ที่กลับมาแจม

https://www.youtube.com/watch?v=sOyHRNk1xU4

ตัวละครจาก Captain America: The Winter Soldier (2014) และ Civil War (2016) หลายตัวจะมีโอกาสได้กลับมาในฉบับซีรีส์ที่เหมือนกับเป็นภาคแยกของ Captain America ที่ไม่มี Steve Rogers อีกต่อไปแล้ว เริ่มตั้งแต่ Agent Sharon Carter ที่โดดเด่นมากตอนภาค The Winter Soldier จนเกือบจะตกร่องปล่องชิ้นกับ Steve Rogers อยู่แล้ว และมีการกล่าวถึงเธอเล็กน้อยในภาค Civil War มีคำอธิบายเพิ่มเติมว่า ตัวละครนี้กลายเป็นฝุ่นและกลับมาเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ในเหตุการณ์ระหว่าง Avengers ภาค Infinity War (2018) และ Endgame (2019)

นักแสดงสาว Emily VanCamp กลับมารับบทนี้และบอกว่า ซีรีส์จะอธิบายว่าตัวละครของเธอไปทำอะไรมาบ้างหลังจากเหตุการณ์ในภาค Civil War แล้ว นอกจากนี้ก็มีแฟน ๆ ตาดีไปส่องเห็น ของเล่นของซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier ที่เริ่มวางขายแล้ว และของเล่นก็ได้เปิดเรื่องราวของซีรี่ส์เพิ่มเติมว่า Sharon Carter จะต้องหนีการจับกุมของทางการ (ที่ยังไม่ระบุว่าเป็นรัฐบาลสหรัฐฯ หรือองกรอื่น) แต่ยังไม่รู้ว่าที่เธอจะโดนจับครั้งนี้ เป็นผลการช่วยเหลือพวก Captain America มาตั้งแต่ภาค Civil War หรือว่าจะเป็นผลจากการช่วยเหลือ Sam และ Bucky ในซีรีส์เรื่องนี้

https://www.youtube.com/watch?v=viL_KU3-zpE

อีกหนึ่งนักแสดงมากความสามารถอย่าง Daniel Bruhl ที่เคยรับบทวายร้าย Baron Helmut Zemo ในภาค Civil War และยังไม่ตายก็จะกลับมารับบทเดิมเช่นกัน คงต้องไปรอดูว่า Zemo จะหนีออกมาจากการคุมขังอันแน่นหนาในตอนจบของ Civil War ได้อย่างไร (แต่คุกของหนังฟอร์มใหญ่ระดับนี้ ไม่เคยกักขังวายร้ายมหากาฬได้นานอยู่แล้วจริงไหม?) ก่อนหน้านี้ยังมีข่าวลือออกมาด้วยว่า Zemo นั้นน่าจะมาเป็นวายร้ายหลอก ๆ ของตอนเปิดซีรีส์ ก่อนที่แฟน ๆ จะได้พบกับวายร้ายตัวจริง

บท Batroc ของนักแสดง Georges St. Pierre ก็ได้กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง เขาคือวายร้ายที่มีฉากปะทะกับ Captain America ในภาค The Winter Soldier อย่างดุเดือด St. Pierre นั้นมีดีกรีเป็นถึงแชมป์กีฬาการต่อสู้ UFC ที่มีทักษะด้านกายกรรมอย่างมาก ซึ่งแฟน ๆ น่าจะยินดีที่ได้เขากลับมารับบทเด่นในซีรีส์อีกครั้ง หลังจากในฉบับหนังอาจจะมีเวลาให้กับ Batroc น้อยเกินไป

https://www.youtube.com/watch?v=ooftsbbGhXQ

The Falcon and the Winter Soldier บอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของแซม วิลสัน หรือฟัลคอน (แอนโธนี แม็คกี้) กับ บัคกี้ บาร์นส์ หรือวินเทอร์โซลเยอร์ (เซบาสเตียน สแตน) ที่จับคู่กันในภารกิจแรกหลังเหตุการณ์ Avengers: Endgame ซึ่งไม่เพียงทดสอบความสามารถของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังต้องทดสอบความอดทนของพวกเขาด้วย

ตัวละครใหม่ที่มาพร้อมกับความลับ

U.S. Agent หรือ John Walker ตัวละครใหม่ที่สวมชุดคล้าย Captain America รับบทโดย Wyatt Russell นักแสดงที่เคยมีผลงานหนังอย่าง Overlord (2018) และ 22 Jump Street (2012) จะมารับบทเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ที่มีชื่อว่า John Walker จากเบาะแสทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ก็พอเดาได้ว่า U.S. Agent ในรูปลักษณ์ทั้งชุดและอาวุธโล่ที่แทบจะถอดแบบมาจาก Captain America จะเป็นตัวละครที่ที่รัฐบาลสร้างขึ้นเพื่อหวังจะมาแทนที่ Steve Rogers ที่หมดบทบาทไป ซึ่งจะมาดีหรือมาร้ายก็ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ขอเดาว่าน่าจะอยู่คนละฝั่งกับ Sam Wilson และ Bucky Barns แน่ ๆ

captain america

นอกจากนี้ในรายชื่อของทีมนักแสดงใหม่ก็ยังมี Desmond Chiam นักแสดงชาวออสเตรเลียจากซีรีส์ The Shannara Chronicles มารับบทที่ยังไม่มีการเปิดเผยด้วย

เดาทฤษฎีต่าง ๆ ที่ยังไม่มีการยืนยัน

การคาดเดาเกี่ยวกับตัวละครสำคัญที่อาจจะปรากฏตัวในซีรีส์เพื่อเป็นการปูทางไปยังฉบับภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ในอนาคตมีตั้งแต่ตัวละครเก่าที่อาจกลับมา อย่างเช่นทหาร Dum Dum Dugan จาก Captain America: The First Avengers (2011) ซึ่งรับบทไว้โดยนักแสดง Neal McDonough ที่กลับมารับบทนี้ใน Agents of S.H.I.E.L.D. และ Agent Carter ในฉบับคอมิกนั้นเขาคือตัวละครที่ทำหน้าที่เหมือนกับ Nick Fury ที่เป็นผู้ร่วมทีมฮีโร Avengers ในยุคอดีต

ส่วนตัวละครใหม่เลยก็มีข่าวลือตั้งแต่ Sentry ที่ได้รับฉายาว่า Superman ของจักรวาลมาร์เวลตามฉบับคอมิก เพราะเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับเซรัม Super Soldier เช่นเดียวกับ Steve Rogers เขามีพลังพิเศษระดับมหาศาลเท่ากับการระเบิดของดวงอาทิตย์นับล้านดวง (เห็นที Captain Marvel อาจต้องชิดซ้าย) หรือ Isaiah Bradley ที้อาจจะมาเป็น Captain America ผิวดำคนแรก (ไม่ใช่ Falcon ซะงั้น) ตามฉบับคอมิกนั้นเขาถูกทดลองมาพร้อม ๆ กับ Steve Rogers ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เรื่องราวถูกเก็บเป็นความลับมาตลอด

ข่าวลืออีกด้านที่สนับสนุนแนวคิดนี้ก็คือ มีข่าวว่า Marvel อยากจะกลับไปโฟกัสเรื่องราวของเซรัมวิเศษนี้ที่เคยถูกนำมาใช้ใน The Incredible Hulk (2008) ซึ่งหนนั้นกองทัพยังคงพยายามสกัดเซรัมเองและก็ได้ผลร้ายเกินคาดคิด เกิดมาเป็น Abomination (Tim Roth) ถ้าหากเขามาปรากฏตัวในซีรีส์เรื่องนี้ก็จะเป็นการ cross over นักแสดงเก่ากลับมาอีกหนึ่งบทและอาจได้โคจรไปเจอกับ Hulk อีกครั้งในอนาคต

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

Loki

นอกจาก Tom Hiddleston จะกลับมารับบทนำแล้ว ซีรีส์ชุดนี้ยังมีนักแสดงสมทบได้แก่ Owen Wilson จาก Wedding Crashers (2005), Gugu Mbatha-Raw จาก A Wrinkle in Time (2018) และ Richard E. Grant จาก Logan (2017) เรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับการที่โลกิโผล่ไปอยู่หลังฉากในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในหลากหลายเหตุการณ์เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ซึ่งเนื้อเรื่องจะเกิดเป็นไทมไลน์ที่แตกแขนงออกไปหลังจากเหตุการณ์ใน Avengers: Endgame (2019) หลังจากที่เขาหายตัวไปพร้อมกับลูกบาศก์เทสซาแรกต์ โดย Victoria Alonso ผู้บริหารของ Marvel Studios ได้บอกกับสื่อ Clarin ว่าซีรีส์ Loki นั้นเหลือต้องถ่ายทำอีกแค่ 4-5 สัปดาห์เท่านั้น (นับจากตอนนี้)

ทีแรกนั้นมาร์เวลประกาศสร้างซีรีส์ Loki ตั้งใจจะให้เป็นมินิซีรีส์ความยาวแค่ 6 ตอน แต่เมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา นักแสดง Clark Gregg ผู้รับบท Agent Coulson ได้เผลอหลุดปากบอกว่า Tom Hiddleston ผู้รับบท Loki มาตั้งแต่ Thor (2011) จะถ่ายทำซีรีส์ชุดนี้ราว 10-12 ตอน ด้วยทุนสร้างแบบเดียวกับการสร้างหนัง และมาถึงเดือนพฤศจิกายน รายชื่อของโครงการหนังและซีรีส์ที่กำลังจะเปิดกล้องใน Production Weekly ได้บอกว่า Marvel Studio กำลังเดินหน้าสร้างตอนของซีรีส์ Loki เพิ่ม ซึ่งหมายความว่าจะมากกว่า 6 ตอนแน่นอน

ซีรีส์ที่ถ่ายเพิ่มนี้มีกำหนดเปิดกล้องราวเดือนมกราคม ปี 2022 ซึ่งจะถ่ายทำด้วยชื่ออย่างไม่เป็นทางการเพื่อหลอกสื่อและคนที่ไม่เกี่ยวข้อง (ตามสไตล์ของฮอลลีวูด) ว่า Architect อย่างไรก็ตามทั้งทางมาร์เวลหรือนักแสดงหลักยังไม่ยืนยันรายงานนี้ Loki วางกำหนดสตรีมเอาไว้ช่วงปลายปี 2021 แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้กองถ่ายต้องพักการถ่ายทำไป และไม่แน่ว่าจะทันกำหนดออกอากาศให้ชมตามกำหนดการเดิมได้หรือไม่

จากภาพถ่ายของปาปาราซซีได้เปิดเผยให้เห็นใน Loki ที่ไม่ได้สวมชุดชาวแอสการ์ดที่แฟน ๆ คุ้นตาจากหนัง Thor แต่เป็นสูทรัดรูปสีน้ำตาลคล้ายนักสืบยุค 90s แทน และมีตัวหนังสือ TVA อยู่ที่ด้านซ้าย ที่แฟน ๆ มาร์เวลขนานแท้ น่าจะพอเดากันได้ว่าย่อจาก Time Variance Authority (องค์กรตำรวจกาลเวลา) ซึ่งมีหน้าที่คอยปกป้องไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นเวลาตามที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว Loki น่าจะทำงานให้องค์กรนี้หรือถ้าไม่ใช่ ก็น่าจะแฝงกายเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรนี้อย่างมีแผนการบางอย่าง

ในภาพยังได้เห็น Owen Wilson อีกหนึ่งนักแสดงที่ยืนยันว่าจะมีบทบาทในเรื่องก่อนหน้านี้ เดินคู่มากับ Hiddleston ด้วย ส่วนนักแสดงฝ่ายหญิงอีกคนที่เข้าชื่อรับบทในเรื่องก็คือ Sophia Di Martino จาก Yesterday (2019) ที่ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเธอมารับบทอะไร แต่ถ้าดูจากชุดสีเขียวขลิบทองคล้ายของโลกิที่เคยใส่  ข่าวลือที่ว่าเธอจะรับบทเป็นโลกิในร่างผู้หญิงก็น่าจะเป็นไปตามนั้น

Thor 4 Love & Thunder

ในฉบับคอมิกของ Thor: Love and Thunder นั้น Jane อดีตคนรักของ Thor ได้กลายเป็นเทพีสายฟ้า Thor ได้เสียชีวิตแล้วทำให้ค้อนสายฟ้าขาดผู้ครอบครอง ค้อนได้เรียกหา Jane และเมื่อเธอได้ค้อนมาก็กลายเป็นเทพีสายฟ้า หรือ Lady Thor เหตุนี้เองที่ทำให้แฟน ๆ มาร์เวลตั้งข้อสงสัยว่า หรือตัวละคร Thor ที่ปรากฏตัวใน MCU มา 14 ปีจะถึงคราวต้องลาจากแฟน ๆ ไปอีกตัว แต่กว่าจะถึงตอนนั้นไม่แน่ว่า Thor ในภาคนี้ที่เหมือนจะเป็น Avengers 4.5 กลาย ๆ เขาอาจจะมีบทบาทในการรวมทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็เป็นได้

Thor 4 จะเป็นหนังรวม Avengers ย่อม ๆ เหมือน Civil War

https://youtu.be/AMPyMLPWOIA

นักแสดงเพื่อนร่วมทีม Avengers ที่จะมาร่วมแจมกับ Thor ก็คือ Star-Lord ในตอนจบของ Avengers: End Game (2019) เทพเจ้าสายฟ้า Thor ได้ขึ้นยานไปกับแก๊ง Guardians of the Galaxy รวมถึงได้ปะทะอารมณ์แบบกวนโอ๊ยกันด้วยกับ Star-Lord นัยยะว่าจะได้ออกผจญภัยร่วมกันในภาคต่อ ๆ ไปของหนังจักรวาลมาร์เวล จนมีคนเอามาตั้งเป็นชื่อภาคล่วงหน้าว่า Asgardian of the Galaxy และ Vin Diesel จะทำการ แสดงโมชันแคปเตอร์เป็น Groot ในหนังภาคนี้ (รวมถึงใน Guardians ภาค 3) เพิ่มจากการให้เสียงพากย์อย่างเดียว

Thor ภาคใหม่จะเต็มไปด้วยนักแสดงดัง ๆ ของฮอลลีวูดไล่ตั้งแต่ นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ Christian Bale จาก The Dark Knight Trilogy (2005-2012) ที่จะมารับบทตัวร้ายที่ยังไม่เปิดเผยตัวแต่คาดว่าน่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวสักตัวหนึ่ง, Natalie Portman ที่จะกลับมารับบทเป็น Jane Foster อีกครั้ง หลังจากหายไปในภาค 3 และผู้กำกับของเรื่องที่เพิ่งคว้าออสการ์มาหมาด ๆ อย่าง Taika Waititi ไม่ง้อมาได้จนสำเร็จและ Tessa Thompson ตัวละครเด่นจากภาคที่แล้ว Thor: Ragnarok (2017)

รวมถึง Idris Elba ก็อาจกลับมารับบทเป็น Heimdall อีกครั้งหลังจากมีคนทราบข่าวว่าเขาไปเยี่ยมทีมฟุตบอลดัง All Black ในนิวซีแลนด์กับ Taika Waititi ช่วงที่หนังกำลังถ่ายทำตอนนี้ และมีข่าวลือว่าจะมีตัวละครจากทีม Avengers อีก 1-2 ตัวมาร่วมแจมในหนังด้วย

Idris Elba

หนังภาคนี้จะโรแมนติกม๊ากมาก

Taika Waititi กำกับ Thor: Ragnarok (2017)
Taika Waititi กำกับ Thor: Ragnarok (2017)

ผู้กำกับ Waititi ยังได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง BCC เล่าความคืบหน้าของหนังและเผยว่า จะมีความโรแมนติกแบบเต็มขึ้นระหว่าง Thor และ Jane Foster อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในภาคไหน และอย่างที่แฟน ๆ ไม่คิดว่าจะเห็นในหนังของเทพเจ้าสายฟ้าด้วย “เราเขียนบทหนังเสร็จแล้ว เราเขียน ๆ หยุด ๆ มาร่วมปีได้ และผมเพิ่งส่งบทหนังไปอีกครั้งในสัปดาห์นี้เอง (เดือนกรกฎาคม) มันจะบ้ามากและโรแมนติกมากด้วย ผมเกิดอินกับหนังโรแมนติกขึ้นมา และผมอยากทำหนังโรแมนติกมากในตอนนี้ ผมอยากทำอะไรที่ไม่เคยทำหรือสนใจจะทำมาก่อน” Waititi เล่า

เมื่อผู้กำกับที่มีไอเดียสุดบรรเจิดและทำหนังมาหลายแนวอย่างไม่เคยซ้ำกันก็พาลให้คิดไปได้ว่า จะต้องมีอะไรมากกว่าความโรแมนติกแบบที่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ จะเข้าใจอย่างแน่นอน ส่วนแฟน ๆ ของตัวละครของ Jane หรือนักแสดง Natalie Portman คงจะดีใจได้ว่า เรื่องราวความรักของพวกเขาจะถูกสานต่อและไม่ค้างเติ่งไว้อย่างงง ๆ ในภาค 2

Waititi ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำการ rebranding ให้กับหนังชุดเทพเจ้าสายฟ้า ก็บอกเป็นนัย ๆ ด้วยว่า คนดูอาจจะได้เห็นสัตว์อวกาศตัวใหม่อย่างฉลามอวกาศ หรือ Space Sharks เข้ามาเติมเต็มในหนังภาคใหม่ นอกจากนั้นก็ยังไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่า จะยังได้เห็นบทโลกิของ Tom Hiddleston อีกคนในมิติเวลาใหม่ซึ่งจะแยกไปมีซีรีส์ของตัวเองทาง Disney+ ด้วยหรือไม่ แต่ที่ยืนยันแน่ ๆ ก็คือ ในหนังภาคนี้จะไม่มี Silver Surfer จาก Fantastic Four ที่ได้กลับบ้านมาร์เวลแล้วในตอนนี้มาอยู่ในหนังของเขาตามข่าวลือแน่นอน

Chris Pratt อยากให้ Chris Hemsworth หยุดออกกำลังกายเสียที

เฮ้เพื่อน ฉันเพิ่งได้ยินจากเทรนเนอร์ของฉันว่า เขาอยากให้นายหยุดออกกำลังกายสักที เพราะเนื่องจากเราจะต้องอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน และเขาไม่อยากให้ฉันยืนอยู่ข้างนาย…ถ้านายมีกล้ามแบบนี้ ฉะนั้นฉันขอสั่งให้นายเพิ่มน้ำหนัก 10 กิโลด่วน ๆ แล้วฉันจะขอบคุณมาก!” Chris Pratt คอมเมนต์อินสตาแกรมของ Hemsworth

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

Doctor Strange 2

หนังจะเริ่มเดินหน้าเปิดกล้องภายในเดือนนี้ตามที่ Elizabeth Olsen นักแสดงเจ้าของบน Wanda ให้สัมภาษณ์เอาไว้ ส่วนคิวถ่ายทำของเธอจะเริ่มต้นในช่วงคริสต์มาสนี้ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลังจากหนังเปิดกล้องไปแล้ว 1 เดือน ในภาค In the Multiverse of Madness ยังจะได้ Baron Mordo ตัวละครที่รับบทโดย Chiwetel Ejiofor พี่เลี้ยงของ Strange ในภาคแรกกลับมา ซึ่งในตอนจบภาคแรกทิ้งเชื้อไว้ให้เป็นตัวร้ายในภาคต่อไป รวมถึงจอมเวท Wong ที่รับบทโดย Benedict Wong ก็คาดว่าจะกลับมาด้วย แต่ก็ยังมีข่าวลือว่าตัวละคร America Chavez หรือมิส Amerinca และนักเวทย์ Brother Voodoo ยังอาจถูกแนะนำตัวครั้งแรกในเรื่องนี้

ได้ผู้กำกับ Sam Raimi จาก Spider-Man ไตรภาคแรก

Sam Raimi ในกองถ่าย Spider-Man ภาคแรก (2002)
Sam Raimi ในกองถ่าย Spider-Man ภาคแรก (2002)

Sam Raimi ผู้กำกับ Spider-Man ไตรภาคแรกสุด, The Evil Dead และกำกับหนังเรื่องล่าสุดของ Disney เรื่อง Oz the Great and the Powerful เมื่อ 7 ปีที่แล้วนั้น อยู่บนโต๊ะเจรจาของ Marvel Studios ที่จะให้มากำกับ Doctor Strange ภาค 2 in the Multiverse of Madness หลังจากผู้กำกับภาคแรกอย่าง Scott Derrickson ได้ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ การได้ผู้กำกับที่คร่ำหวอดและมีประสบการณ์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดคนหนึ่งสำหรับ MCU

ปกติแล้ว Kevin Feige หัวเรือใหญ่ของสตูดิโอมักเลือกใช้บริการผู้กำกับรุ่นเล็กหรือไม่มีชื่อเสียงมากนักมากำกับภายใต้วิสัยทัศน์และการควบคุมของเขามากกว่า หากได้ Raimi มากำกับจริง ๆ ก็จะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ที่หนัง Marvel ใช้ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับผู้กำกับที่เคยจับหนังฮีโรมาร์เวลและหนังสยองขวัญอย่าง Raimi ที่มีเพียงตัวเลือกเดียวที่เคยทำหนังมาทั้งสองแนว ในทีแรกผู้กำกับ Derrickson เคยอยากจะให้ภาค 2 ของหนังหมอแปลกเป็นหนังที่สยองสุดขั้ว ก่อนที่ Fiege จะออกมาแก้ลำว่า หนังจะมีแค่ตัวละครสยองขวัญแต่ไม่ได้มีโทนสยองขนาดนั้น (อันเป็นที่มาของคำว่า “วิสัยทัศน์ไม่ตรงกัน” ของทั้งสองคนจนต้องแยกย้าย)

Dr. Chris Palmer ไม่กลับมา และกำลังหานางเอกใหม่ของภาค 2

ยังแอบเชียร์ให้นักแสดงคนสวย Rachel McAdams กลับมา

ข่าวร้ายสำหรับแฟน ๆ ของนักแสดงสาว Rachel McAdams ที่เป็นนางเอกของภาคแรก รับบทเป็น Dr. Chris Palmer นั่นคือ เธอจะไม่ได้กลับมากับภาค 2 และตอนนี้ Marvel Studios อยู่ระหว่างการหานักแสดงหญิงอายุ 20-40 ปี มารับบทเป็นจอมเวท Clea ที่จะกลายเป็นนางเอกหรือตัวละครสำคัญตัวใหม่ จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่า นางเอกคนเก่าก็ไม่รู้ว่าจะให้เธอไปยืนอยู่ตรงไหนของเส้นเรื่อง ก่อนหน้านี้ไม่นานมีข่าวลือออกมาเหมือนกันว่า นักแสดงอย่าง Emily Blunt จาก The Quite Place และ Edge of Tomorrow (2014) เป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่สตูดิโออยากจะร่วมงานด้วย (ก่อนหน้านี้มีแฟนมาร์เวลส่วนหนึ่งออกมาแสดงความเห็นในโลกออนไลน์ว่า Blunt นั้นเหมาะกับบทกัปตันมาร์เวลมากกว่า Brie Larson เสียอีก)

Black Panther 2

https://www.youtube.com/watch?v=IYB1u-O3Pzc&feature=youtu.be&fbclid=IwAR3i9zBmO-mK0WUl_CuZozWaDk0SFVEYoFMkouOV9R7vMu8q_TsPtCFqMh8

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถ้า Chadwick Boseman ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีอายุครบ 44 ปี ในโอกาสนี้ Marvel Studios จึงได้เปลี่ยนไตเติ้ลเปิดเรื่องของ Black Panther ที่สตรีมอยู่บน Disney+ เป็นการประมวลภาพเพื่อเป็นเกียรติกับ Boseman อย่างที่เห็น เหตุการณ์สูญเสียเขาไปในปีนี้นับเป็นข่าวช็อกสุดขีดของแฟน ๆ มาร์เวลรวมถึงคอหนังทั่วโลกนับตั้งแต่มี MCU มา และก็ทำให้จักรวาลนี้ต้องเผชิญปัญหาอันเป็นสัจธรรมเช่นเดียวกับจักรวาลหนังที่อายุยาวอื่น ๆ ที่จะต้องมีการเปลี่ยนตัวและการจากลาของนักแสดง

ไม่ใช่ CGI สร้าง Boseman และ Shuri อาจรับไม้ต่อ

รองประธานกรรมการบริหารของ Marvel Studios อย่าง Victoria Alonso ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าจะไม่ใช้ CGI สร้าง Chadwick Boseman ขึ้นมาปรากฏตัวในหนังภาค 2 อย่างที่หนังหลาย ๆ เรื่องใช้วิธีการนั้นกับนักแสดงที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน เดิมทีหนังภาค 2 จะเริ่มถ่ายทำตามกำหนดการเดิมช่วงเดือนมีนาคม 2021 แต่จากเหตุเศร้าที่เกิดขึ้นจึงต้องขยับออกไปก่อน จนกระทั่งล่าสุด Marvel Studios ก็ได้ประกาศจะเริ่มถ่ายทำหนังในเดือนกรกฎาคม หรือก็คือเลื่อนออกไป 4 เดือน โดยจะถ่ายทำกันที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจียของสหรัฐฯ และจะใช้เวลาถ่ายทำราว 6 เดือน

ความเป็นไปได้มากที่สุดตอนนี้คือเลื่อนให้ Shuri น้องสาวของฝ่าบาท T’Challa ที่รับบทไว้โดย Letitia Wright มารับบทแทน โดยหาเหตุอธิบายไปในเรื่องสักวิธีหนึ่งเช่น หลังเหตุการณ์ใน Endgame ฝ่าบาทอาจต้องการวางมือและสละราชบัลลังก์ รวมถึงชุด Black Panther ให้กับคนที่เหมาะสมคนต่อไป (เพราะแต่เดิมก็เคยเป็นของบรรพบุรุษมาแล้วหลายคน) นอกจานี้ Angela Bassett ในบทพระมารดา Ramonda, Lupita Nyong’o ในบท Nakia และ Winston Duke ในบท M’Baku ก็ได้รับคำยืนยันจากมาร์เวลแล้วว่าจะกลับมารับบทเดิม

Tenoch Huerta รับบทวายร้ายคนใหม่ และอาจเป็น Kraven the Hunter

นักแสดงที่จะมาเสริมทัพภาค 2 และมีการประกาศว่าจะมาเป็น (หนึ่งใน) วายร้ายคนใหม่ของเรื่องก็คือ Tenoch Huerta ชาวเม็กซิโกจากซีรีส์ Narcos: Mexico ยังไม่มีข้อมูลว่าเขาจะรับบทเป็นใคร แต่ก่อนหน้านี้ผู้กำกับ Ryan Coogler ผู้กำกับภาคแรกที่จะกลับมาด้วยในภาคนี้ บอกว่าเขาอยากให้ Kraven the Hunter มาเป็นตัวร้ายในภาคใหม่แต่ติดตรงที่ตัวละครนี้ยังมีปัญหาเรื่องสิทธิ์ในการนำตัวละครมาใช้จากสตูดิโอ Sony

แต่ถ้า Kraven the Hunter ไม่สามารถเป็นตัวร้ายได้อย่างว่า ก็ยังมีแคนดิเดตตัวร้ายอีกหลายตัวที่พร้อมจะมาสู้กับ Black Panther คนใหม่ ทั้ง Namor 1 ใน 7 ผู้ทรงภูมิปัญญาที่สุดของเหล่าฮีโรหรือกลุ่มอิลลูมินาติ แต่อย่างที่แฟนการ์ตูนจะพอทราบกันดีถึงตัวละครตัวนี้ที่จะเรียกว่าฮีโรก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะเขาสามารถฆ่าคนทั้งดาวเพื่อที่จะช่วยชีวิตกลุ่มคนหรือพรรคพวกของตัวเองก็เคยทำมาแล้ว

ใน Avengers: Endgame (2019) ได้มีการทิ้งปริศนา Easter Egg เอาไว้ในบทสนทนาระหว่างที่ Okoye ประชุมส่งสัญญาณภาพกับ Black Widow ล่าถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวใต้ทะเลครั้งใหญ่ และการที่ Captain America บอกว่า เห็นวาฬในแม่น้ำฮัดสัน เหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการจะมาถึงของตัวละคร Namor ก็เป็นได้ ก่อนหน้านี้มีนักแสดงหลายคนที่แฟน ๆ อยากให้มารับบทนี้ รวมถึง Keanu Reeves ด้วย นอกจากนี้ ในรายชื่อของวายร้ายที่เหมาะสมกับภาค 2 ยังรวมถึงตัวละครที่เป็นกึ่ง ๆ ตัวร้ายกลับใจจากภาคแรกอย่าง M’Baku ก็อาจจะกลายเป็นตัวร้ายอีกรอบก็เป็นได้ หรือ Doctor Doom ตัวร้ายจาก Fantastic Four ก็อาจมาปรากฏตัวใน MCU ครั้งแรกที่เรื่องนี้

Captain Marvel 2

Captain Marvel ภาค 2 แฟน ๆ จะได้ชมกันในปี 2022 โดยทาง Marvel Studios จะขอเปลี่ยนทีมผู้กำกับและเขียนบทใหม่ยกชุด รวมถึงเดินตามสูตรงานสร้างคล้าย ๆ Captain America ที่เลือกจะเล่าภาค 2 ในเหตุการณ์ยุคปัจจุบัน ไม่ได้ย้อนเหตุการณ์ในอดีตเหมือนภาคแรกที่เหตุการณ์เกิดในช่วงยุค 90s

จากเดิมภาคแรกกำกับโดย Anna Boden และ Ryan Fleck ที่ในภาค 2 จะไม่ได้กลับมา เพราะ Marvel Studios จะให้ทั้ง Boden และ Fleck ไปคุมงานสร้างซีรีส์เรื่องอื่นที่จะออกฉายทาง Disney+ แทน อย่างไรก็ตาม Captain Marvel จะยังคงจะเลือกใช้ผู้กำกับหญิงมากำกับเหมือนเดิม และหลังจากได้พูดคุยกำกับมาหลายคน มาร์เวลก็ได้เลือก Nia DaCosta จากหนัง Candyman รีบูต ซึ่งอำนวยการสร้างโดย Jordan Peele ถือว่าเป็นผู้กำกับหนังแนวสยองขวัญอีกคนที่ตบเท้าเข้าสู่การกำกับหนัง MCU ตามหลัง Sam Raimi

ส่วนภาคแรกที่เขียนบทโดยนักเขียนถึง 5 คนได้แก่ ทั้งสองผู้กำกับ รวมถึง Nicole Perlman, Meg LeFauve และ Geneva Robertson-Dworet ในภาคนี้จะเขียนบทโดย Megan McDonnell ที่ผลงานเข้าตาจากการเขียนบทให้กับซีรีส์ WandaVision ส่วน Brie Larson นักแสดงนำจะกลับมาตามสัญญาที่เซ็นไว้หลายภาค

Series She-Hulk

เป็นกรณีที่มีความสับสนอยู่พอสมควรสำหรับการประกาศรายชื่อนักแสดงผู้จะมารับบทนำในซีรีส์ She-Hulk เรื่องนี้ เพราะทีแรกมีรายงานข่าวจากหลายสำนักว่า Tatiana Maslany จะมารับบทเป็น Jennifer Walters ญาติของ Bruce Banner ปรากฏตัวครั้งแรกในฉบับคอมิก ปี 1980 ในชื่อฉบับว่า “The Savage She-Hulk No.1”  Walters ได้รับการถ่ายเลือดจาก Banner และก็แน่นอนว่าพิษของรังสีแกมมาก็จะถูกถ่ายทอดปนไปในเลือดของเธอด้วย เธอจึงกลายเป็น Hulk หญิง แต่มีความฉลาดและสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า Hulk ชาย

Tatiana Maslany (คนขวา) ใน  Women in Gold (2015)

กระทั่งต่อมา Tatiana Maslany ปฏิเสธออกสื่อว่า ข่าวที่เธอจะได้รับบทนำในซีรีส์ She-Hulk ของมาร์เวลนั้นไม่ใช่เรื่องจริง “มันเป็นข่าวที่เลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว ฉันเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับโพรเจกต์นี้ แต่ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องแล้วค่ะ ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องจริง” แม้นักข่าวจะถามกลับว่า รายงานว่าเธอจะมานำแสดงรายงานจาก สื่ออย่าง BBC (ที่ไม่น่าจะรายงานผิดพลาด) เธอก็ยืนยันว่า เธอไม่รู้เรื่องการรับบท She-Hulk นี้เลยจริง ๆ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการประกาศออกมาว่า นักแสดงคนใดจะมารับบทนี้

Mark Ruffalo นักแสดงผู้รับบท Hulk คนปัจจุบันในจักรวาลหนังมาร์เวลได้ให้สัมภาษณ์ไว้ตอนต้นปีว่า เขาจะกลับมารับบทนี้ในซีรีส์เรื่องนี้ด้วยแต่ยังไม่มีคำแถลงการอย่างเป็นทางการจาก Marvel Studios แต่ก็น่าจะอยากได้ Hulk มาเป็นตัวชูโรงเรียกแขก เช่นเดียวกับที่ทำกับซีรีส์ Hawkeye ที่ได้ Jeremy Renner มารับบทผลักดันตัวละครของ Kate Bishop โดยซีรีส์จะเริ่มถ่ายทำเดือนมีนาคม ปี 2021

Series Hawkeye

https://www.youtube.com/watch?v=N5F9MzZH1WU

ตัวละคร Kate Bishop สร้างสรรค์โดย Allan Heinburg และ Jim Cheung ปรากฎตัวครั้งแรกใน “Young Avengers” เล่ม 1 เธอเป็นลูกสาวของตระกูลมหาเศรษฐีในนิวยอร์ก ซึ่งหลังจากที่เธอถูกทำร้ายอย่างทารุณในเซ็นทรัลปาร์คก็ทำให้เธอไปฝึกศิลปะป้องกันตัว รวมถึงการฝึกยิงธนู หลังจากนั้นเธอก็เข้าร่วมกลุ่มกับซูเปอร์ฮีโรรุ่นใหม่และได้เป็นลูกศิษย์ของ Clint Barton รวมถึงยังได้รับช่วงต่อการเป็น Hawkeye ต่อจากเขาในภายหลังด้วย

ซีรีส์ Hawkeye ไม่เพียงแค่แนะนำตัวละครใหม่อย่าง Kate Bishop ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะมาเป็น Hawkeye คนต่อไปเท่านั้น แต่ผู้อำนวยการสร้างยังยืนยันด้วยว่า ซีรีส์จะเล่าถึงเรื่องราวต้นกำเนิดของ Clint Barton ที่ยังไม่เคยถูกเล่ามาก่อนในฉบับภาพยนตร์ จึงน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่แฟน ๆ จะได้มีโอกาสสำรวจตัวละครนี้มากขึ้น

นักแสดงที่ถูกประกาศว่าจะสมทบซีรีส์ ยังประกอบด้วย ประกอบด้วย Vera Farmiga ผู้เคยเข้าชิงออสการ์จาก Up in the Air (2009) และโด่งดังจากแฟรนไชส์ The Conjuring (2013-2021) มารับบท Eleanor Bishop แม่ของ Kate Bishop, Fra Fee จาก Les Misérables (2012) มารับบทเป็น Kazi นักฆ่ารับจ้างของ The Klown, Tony Dalton จากซีรีส์ Sense8 รับบทเป็น Jack Duquesne หรือตามฉบับคอมิกนั้นน่าจะอ้างอิงกับตัวละคร Swordman ในฉบับคอมิก เขาคือผู้สอนการต่อสู้และยิงธนูให้กับ Clint ในวัยเด็กตอนที่เขาหนีไปอยู่ที่คณะละครสัตว์ Swordman เคยหลงไปเป็นวายร้ายช่วงหนึ่ง ก่อนจะกลับใจมาเป็นคนดี รวมถึงยังได้สละชีวิตปกป้อง Mantis จาก Kang ด้วย

คาดว่าจะมีจำนวน 6 ตอน กำกับโดย Bert & Bertie นามแฝงของ Amber Finlayson (Bert) และ Katie Ellwood (Bertie) จากหนัง Troop Zero (2019) เขียนบทและอำนวยการสร้างโดย Jonathan Igla มือเขียนบทจากซีรีส์ Mad Men และซีรีส์ Sorry For Your Loss เดิมมีกำหนดสตรีมมิงช่วงปลายปี 2021

Marvel รอ Hailee Steinfeld มาเป็น Kate Bishop เกือบปี

ขณะเตรียมเปิดกล้องแล้วในย่านบรู๊คลินขณะนี้ สำหรับซีรีส์ Hawkeye ที่ได้ Jeremy Renner กลับมารับบท Clint Barton เช่นเดิม หนังเลื่อนกำหนดเปิดกล้องมาเกือบหนึ่งปีเต็ม ๆ นับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ โดยต้นเหตุมาจากความที่ Marvel Studios อยากได้นักแสดงวัยรุ่นอย่าง Hailee Steinfeld จากหนัง Bumblebee (2018) มารับบท Kate Bishop แค่เพียงคนเดียวอย่างไม่มีตัวเลือกอื่น ซึ่ง Steinfeld ดันติดสัญญาเล่นซีรีส์ Dickinson ทาง Apple TV+ อยู่ในช่วงที่ผ่านมา และสัญญาจ้างก็ระบุว่า ห้ามเธอไปรับเล่นในซีรีส์ของช่องอื่นจนกว่าจะถ่ายทำเสร็จ

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ Steinfeld ก็เพิ่งโพสต์อินสตาแกรมส่วนตัวด้วยภาพผู้หญิงสวมที่คาดผมสีม่วง พร้อมแคปชันว่า “เจอกันใน 11 วัน, 24.” ไม่เพียงเท่านั้น ใต้ภาพยังมีคอมเมนต์ของ เบิร์ทและเบอร์ตี้ 2 ผู้กำกับสาวที่จะมากำกับซีรีส์เรื่องนี้ ด้วยข้อความว่า “???” ในอีก 11 วันนับจากวันที่โพสต์ก็คือ 11 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นวันเกิดครบรอบ 24 ของเธอ แต่ด้วยเบาะแสของภาพผู้หญิงที่มีความคล้ายคลึงกับตัวละคร Kate Bishop, อิโมจิรูปธนู และคอมเมนต์ของผู้กำกับ แฟนๆ จึงคาดว่านี่เป็นการบอกโดยปริยายว่า เธอจะได้รับบทในซีรีส์ดังกล่าวแล้ว

Yelena Belova จาก Black Widow มาแจมในซีรีส์นี้

สื่ออย่าง The Direct ได้รายงานข่าวลือว่า Yelena Belova ตัวละครน้องสาวของ Natasha Romanov หรือ Black Widow ที่หนังจะเข้าฉายปีหน้าโดย Florence Pugh ได้รับคำยืนยันแล้วว่า จะปรากฏตัวในซีรีส์นี้เป็นเรื่องที่ 2 นอกจากนั้น Yelena จะสวมชุดของนักฆ่าโรนินเช่นเดียวกับที่ Clint Barton ใส่ตอนฉากหลังจากครอบครัวหายไปและไปใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นใน Avengers: Endgame (2019)

Yelena Belova นั้นได้รับการคาดหมายว่าจะมาแทน Natasha ในการเป็น Black Widow คนใหม่ในจักรวาล MCU หลังจาก Natasha จบบทบาทไปแล้วในเฟสที่ผ่านมา รวมถึงการเลือกนักแสดงดาวรุ่งที่เข้าชิงออสการ์และมีหนังฮิต ๆ หลายเรื่องอย่าง Pugh มารับบทก็ดูเหมือนว่ามาร์เวลปูทางระยะยาวไว้ให้กับเธออีกไกล

Madame Masque อาจเป็นตัวร้ายของเรื่อง

มีการตั้งทฤษฎีในหมู่แฟน ๆ ของมาร์เวลรวมถึงสื่ออย่าง The Direct ด้วยที่ขอเดาว่า วายร้ายของซีรีส์เรื่องนี้จะเป็น Madame Masque ตัวละครตัวนี้ในฉบับคอมิกนั้นเป็นฉายาของ Whitney Frost ที่เคยปรากฏตัวในซีรีส์ Agent Carter ในฉบับคอมิกเธอจะสวมหน้ากากสีทองตลอดเวลา แต่ตอนที่ปรากฎในฉบับซีรีส์เพื่อมาเป็นตัวร้ายนั้นต่างออกไป เพราะเธอไม่ได้สวมหน้ากากเท่าไหรนัก แค่เฉพาะตอนที่เธอจะใช้พลังจากด้านมืดเพื่อควบคุมเหยื่อเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเธอจะกลับมาปรากฏตัวในซีรีส์ Hawkeye ในรูปแบบไหน เพราะเหตุการณ์ห่างจาก Agent Carter หลายปี หรือว่าจะเป็นทายาทที่มาสืบทอดต่อ

(อ่านต่อหน้าถัดไป)

Series Ms. Marvel

นักแสดงที่จะมารับบทวัยรุ่นหญิงมุสลิมเชื้อสายอเมริกัน-ปากีสถานตามท้องเรื่องก็คือ Iman Vellani โดยผลงานนี้จะเป็นผลงานแรกของเธอในฮอลลีวูด แต่เธอนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการจัดงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ของ Toronto Film Festival ในปี 2019 มาแล้ว ความสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้คือการทำตามสัญญาประชาคมของ Kevin Feige หัวเรือใหญ่ของ Studios ว่าในเฟส 4 จะเต็มไปด้วยตัวละครฮีโรที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และเพศสภาพ

นอกจากนี้ยังมีภาพนักแสดงเพิ่มเติมออกมาอีกคนก็คือ Matt Lintz จากซีรีส์ The Walking Dead และ The Alienist: Angel of Darkness ที่จะมารับบทเป็น Bruno Carrelli เพื่อนรักตั้งแต่เด็กของ Kamala Khan ในฉบับคอมิกนั้น เขาเป็นคนแรกที่ Kamala บอกว่ามีพลังพิเศษ และเขาคอยช่วยเหลือเธออยู่เบื้องหลังจากร้านสะดวกซื้อชื่อ Circle Q ที่เขาทำงานอยู่

Ms. Marvel เป็นชื่อเดิมของ Carol Denvers ตอนที่ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมิกเมื่อปี 1976 แต่ภายหลังเธอได้เปลี่ยนชื่อเป็น Captain Marvel แทนในปี 2012 แล้วชื่อนี้ก็ได้กลายเป็นของ Kamala Khan วัยรุ่นสาววัย 16 ปี ที่บูชา Captain Marvel เป็นไอดอล เธอเป็นเด็กผู้หญิงในครอบครัวมุสลิมที่เคร่งศาสนาในเมืองนิวเจอร์ซีย์ และมีพลังพิเศษในลักษณะของภาวะพหุสัณฐาน (Polymorphism) รวมถึงพลังในเปลี่ยนรูปร่างของตัวเอง (Shapeshifter) พูดง่าย ๆ ก็คือเธอมีพลังคล้าย Mr. Fantastic ใน Fantastic Four ผสมกับ Mystique จาก X-Men

Adil El Arbi และ Bilall Fallah สองผู้กำกับคู่หูชาวเบลเยี่ยมที่แจ้งเกิดจาก Bad Boys for Live (2020) จะมาควบคุมงานสร้างของซีรีส์และกำกับสองตอนแรก และจะมี Sharmeen Obaid-Chinoy เจ้าของรางวัลออสการ์สารคดียอดเยี่ยม และ Meera Menon ผู้คร่ำหวอดในการกำกับซีรีส์มามากมายทั้ง The Punisher, The Walking Dead และ Titans ก็จะมากำกับตอนอื่น ๆ ด้วย

Series Moon Knight

หลังจากเฝ้าค้นหากันอยู่เป็นปีว่านักแสดงมีชื่อคนไหนจะมารับบท Moon Knight ในซีรีส์ของจักรวาลมาร์เวลซึ่งอยู่ในคิวเดินหน้าสร้างและออกสตรีมมิงให้ชมกันทาง Disney+ ผลปรากฏว่า Oscar Isaac นักแสดงดาวรุ่งชายจากไตรภาคล่าสุดของ Star Wars และกำลังจะมีบทบาทในหนังมหากาพย์ฟอร์มยักษ์อีกเรื่องอย่าง Dune ได้คว้าบทนำของซีรีส์นี้ไป และจะเป็นการร่วมงานครั้งแรกของเขาใน MCU หลังเคยรับบทร้าย Apocalypse ในหนังมาร์เวลอย่าง X-Men: Apocalypse (2015) มาแล้ว (แต่เป็นหนังมาร์เวลที่สร้างโดย Fox)

ตามฉบับคอมิกนั้น ตัวละคร Marc Spector นั้น เป็นลูกชายของผู้นำชาวยิวผู้ซึ่งหนีมากจากประเทศเช็กโกสโลวาเกีย ในทศวรรษ 1930s  ช่วงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวยิวของสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาไม่ยอมที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องพวกพ้องของตัวเอง เขาจึงปฏิเสธศรัทธาในความเชื่อทางศาสนาของพ่อ เข้าร่วมกับนาวิกโยธินสหรัฐฯ และเข้าเป็นสมาชิกของหน่วยจู่โจม

ตัวละครอัศวินแห่งดวงจันทร์ หรือมาร์ค เสปกเตอร์ ในฉบับคอร์มิก
ตัวละครอัศวินแห่งดวงจันทร์ หรือมาร์ค เสปกเตอร์ ในฉบับคอร์มิก

หลังจากนั้นไม่นานจึงถูกการเรียกตัวเข้าไปทำงานให้กับหน่วยสืบราชการลับ หรือ CIA ต่อมาในเหตุการณ์เข้าจู่โจมครั้งหนึ่ง Marc เกิดพลาดท่าถูกทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์อย่าง Khonshu ผู้เอาเขากลับมาจากความตาย เพื่อที่จะกลายมาเป็น Moon Knight of Vengeance หรืออัศวินแห่งดวงจันทร์

ความโดดเด่นของตัวละครนี้ คือหลังจากได้กลายเป็นอัศวินแห่งดวงจันทร์ ก็คือการกลายเป็นบุคคลหลายบุคลิก (คล้ายบทของ James McAvoy ในเรื่อง Split (2017) หรือ Glass (2019)) ซึ่งจะมีตัวละครอีก 3 ตัวที่ซ่อนอยู่ในบุคคลิกของ Marc หนึ่งในนั้นคือเทพเจ้าคอนชูด้วยนั่นเอง ซึ่งจะว่าไปก็คล้าย Hulk ที่อาศัยอยู่ในอีกร่างของ Dr. Bruce Banner

โลโก้ของซีรีส์ Moon Knightทางช่อง Streaming Disney+

มาร์เวลเคยเปิดเผยอีกด้วยว่าบุคลิกลักษณะของนักแสดงที่จะมารับบทเป็น Marc Spector อดีตทหารผ่านศึกที่กลายมาเป็นทหารรับจ้างนั้นจะต้องอยู่ในช่วงวัย 40 – 50 ปี และมีผมสีดอกเลา ซึ่งดูจากอายุของ Isaac ที่อายุ 41 ปีในตอนนี้ก็ถือว่าตรงเสปกกับที่สตูดิโอมองหาไว้ ซีรีส์ยังไม่ได้ผู้กำกับหรือผู้ควบคุมงานสร้างในตอนนี้ มีเพียง Jeremy Slater จากซีรีส์ The Umbrella Academy ที่เข้าชื่อมาทำหน้าที่หัวหน้าทีมเขียนบท หนังยังจะได้ Nick Kroll และ Daveed Diggs มาร่วมแสดงด้วย โดยซีรีส์จะเริ่มถ่ายทำเดือนมีนาคม ปี 2021

อ้างอิง

Deadpool 3

เป็นความคืบหน้ามากที่สุดที่มีในตอนนี้สำหรับ Deadpool 3 ที่จะเป็นหนังฮีโรเรื่องแรกที่มาร์เวลสานต่อจากโพรเจกต์ที่ตกค้างมาจากฟ็อกซ์ในการควบรวมบริษัท หนังจะได้มือเขียนบทเป็น Wendy Molyneux และ Lizzie Molyneux-Loeglin สองพี่น้องที่เคยมีผลงานเขียนบทการ์ตูนตลก Bob’s Burgers และ The Great North โดย Ryan Reynolds นักแสดงนำและแทบจะเป็นผู้ควบคุมงานสร้างเองทั้งหมดทำหน้าที่พิจารณามือเขียนบทบทที่เข้ามานำเสนอทิศทางให้กับหนังด้วยตัวเอง จนกระทั่งทั้เขากับมาร์เวลเลือก 2 พี่น้องคู่นี้ในที่สุด

แหล่งข่าวในรายงานยังอ้างว่า หนังยังคงคาดว่าจะเป็นเรต R ในแบบเดียวกับสองภาคก่อนหน้า และอาจใช้ผู้กำกับคนใหม่แทน David Leitch ที่เคยกำกับมาโดยตลอด แต่ถึงแม้ว่า Leitch จะคิวแน่นตลอดปี 2021 ถึงอย่างนั้น คนวงในบอกว่ามาร์เวลก็ยังเปิดประตูต้อนรับเขาเสมอเ พราะยังไม่ชัดเจนว่าจะเปิดกล้องเมื่อไร แต่เนื่องจากเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหามือเขียนบทอีกแล้ว ก็เป็นไปได้สูงว่า Leitch คงไม่ได้กลับมากำกับ Deadpool 3 แล้ว

อ้างอิง

ชวนอ่านต่อ MARVEL 2021 (ตอนที่ 2): รวมทุกตัวอย่างใหม่และทุกเรื่องต้องรู้ของ MCU จากงานใหญ่ Disney

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส