อย่างที่ทราบกันในวงการไอดอลว่า ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นช่วงเดือนที่มีความเปลี่ยนแปลงผันผวนในวงการไอดอลสูงมาก บางวง สมาชิกมีการประกาศจบการศึกษา อันหมายถึงการสิ้นสุดสถานะสมาชิกวงไอดอล การประกาศยุบเลิกวงอันเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ
ไม่ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นจะชวนให้คิดว่าเป็นเรื่องปกติ หรืออาจมองได้ว่าเป็น “ขาลง” ของวงการไอดอลไทย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราเองก็ไม่เคยรู้ในมุมมองของไอดอลสักทีว่าพวกเธอรู้สึกอย่างไร เราจึงเลือกที่จะมาเกาะข้างเวที เพื่อสัมภาษณ์กับ MYMMIM หรือ มิ้ม-ธนาภรณ์ สหัสสัตบุรุษ อดีตสมาชิกวงไอดอล CM Cafe ที่กำลังเดินหน้าเต็มตัวกับการเป็นศิลปินเดี่ยว และมีผลงานเพลงแรกออกมาในชื่อ “ขอบคุณนะ” เป็นการคุยกันสั้น ๆ ข้างเวที Idol Exchange ไท้ไทย ณ MBK Center
ด้วยเวลาอันจำกัด เราอาจไม่ได้คุยกันแบบเจาะประเด็นลึก แต่ในฐานะที่เธอคืออดีตสมาชิกวงไอดอล ที่กำลังจะเดินต่อไปในฐานะศิลปินเดี่ยว เธอคิดยังไงกับวงการไอดอลไทย
และเธอคิดอย่างไร กับวงเดิมที่เธอเคยอยู่ ?
คำถามแรก จริง ๆ คำถามนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์คำถามที่ส่งให้มิ้มแต่แรกหรอก แต่แค่อยากถามเฉย ๆ ว่า ในฐานะที่มิ้มเองก็เคยเป็นสมาชิกไอดอล และวงการไอดอลในช่วงนี้ก็ค่อนข้างผันผวนมาก ทั้งมีสมาชิกที่จบการศึกษา และมีวงไอดอลหลายวงที่ตัดสินใจยุบวงกะทันหัน ตรงนี้มิ้มรู้สึกยังไงบ้าง
หนูรู้สึกเสียดายค่ะ หนูคิดว่า บางคนเขามีศักยภาพ ถ้าเขาอยู่ถูกที่ถูกทาง สำหรับบางคนที่แกรดออกไป อาจจะเป็นเพราะการทำงานหรือการหรือมีอะไรที่ไม่เข้ากัน ก็รู้สึกเสียดายค่ะ ถ้าเขาอยู่ถูกที่ถูกทาง ถูกเวลา ก็น่าจะมีโอกาสดี ๆ
มิ้มมองปรากฏการณ์นี้ยังไง ในฐานะที่มิ้มเองก็เคยผ่านตรงนี้มาเหมือนกัน
เห็นใจค่ะ เห็นใจเพื่อน ๆ ที่มีปัญหา ซึ่งบางคนแกรดฯ แล้วก็ไม่มีที่ไปต่อก็มี ก็เลยต้องเลิกทำ ออกจากวงการไปเลย เพราะว่าบางคนก็ไม่ได้มีโอกาสเท่ากัน
ทั้ง ๆ ที่บางคนที่แกรดฯ ออกไป ก็น่าจะทำอะไรได้มากกว่านั้น
ใช่ค่ะ เสียดายมาก หลาย ๆ คนเลย
แล้วตอนที่มิ้มตัดสินใจแกรดฯ เองล่ะ รู้สึกอย่างไร
ณ ตอนนั้น หนูรู้สึกว่าการทำงานระหว่างเรากับวงไม่ตรงกัน คือตัวหนูเองอยากทำเพลงเยอะ ๆ แต่ว่าทางค่ายเองอาจจะป้อนเพลงมาให้น้อย อยู่มาหนึ่งปีก็มีอยู่ไม่กี่เพลง แต่ตัวหนูเองอยากทำเพลงเยอะ ๆ ให้แฟน ๆ ได้สนุก ไม่รู้สึกเบื่อ อะไรแบบนี้
ถือว่าเป็นเหตุผลหลักในการตัดสินใจแกรด ฯ
ใช่ค่ะ
ความอยากร้องเพลงคือสาเหตุที่ทำให้มิ้มอยากเข้ามาเป็นไอดอล
ใช่ค่ะ หนูอยากมีผลงานให้แฟนคลับได้ฟัง ก่อนหน้านี้หนูเป็นคนที่ร้องเพลงบน Live Stream อยู่แล้ว เป็นการ Cover ร้องเพลงของคนอื่น แล้วคนดูก็จะส่งของขวัญให้หนู หนูก็ได้เงินเอาไปเรียน อะไรแบบนี้ ส่งตัวเองจนจบได้ก็เพราะ ๆ พี่ ๆ เหล่านั้น หนูก็เลยรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรให้เขาได้เห็นบ้าง นอกจากนั่งอยู่ในบ้านแล้วก็เล่นกีตาร์ หนูก็เลยมาสมัครเป็นไอดอล ประมาณนั้นเลยค่ะ (ยิ้ม-หัวเราะ)
แล้วทำไมไม่เป็นศิลปินเดี่ยวตั้งแต่แรกไปเลย
จริง ๆ หนูก็ทำมาแล้วนะคะ หนูเคยทำเพลงผีส่งประกวดใน The Shock ของปี 2559 แล้วได้ที่ 1 มาด้วย แล้วก็มาร้องเพลงดูโอ แต่ว่าทำได้เพลงเดียวก็เลิกไป ทั้งหมดก็คือเพลงเดี่ยว 1 เพลง เพลงคู่ 1 เพลง หนูก็เลยอยากลองมาแนวทางที่เป็นกรุ๊ปบ้าง
ระหว่างการเป็นไอดอล กับการออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว มันต่างกันบ้างไหม ยังไงบ้าง
จริง ๆ หนูว่าไม่ค่อยต่าง ถ้าเราทำเพลงแนวคล้าย ๆ เดิม อาจจะร้องเต้นได้เหมือนเดิม แต่แค่อาจจะเหงา ๆ หน่อย อยู่คนเดียว หรือไม่ก็หาแดนเซอร์ หรือหาคนมา Featuring อะไรแบบนี้
มิ้มแกรดฯ มานานเท่าไหร่แล้วนะ
น่าจะประมาณ 2-3 เดือนค่ะ ประมาณนั้น
รู้สึกยังไงบ้างที่ไม่ได้อยู่ในฐานะไอดอลแล้ว
จริง ๆ หนูไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นไอดอลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หนูรู้สึกว่าตัวหนูเองก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มาร้องเพลงให้ทุกคนฟัง ให้ทุกคนมีความสุขกัน หนูเลยไม่ค่อยอยากเรียกตัวเองว่าไอดอลสักเท่าไหร่ คือสำหรับหนู ถ้าเป็นไอดอลในไทย ไอดอลมันจะเป็นแบบว่า เป็นตัวอย่างที่ดี ซึ่งหนูเองก็ไม่ได้เรียบร้อยหรือเป็นตัวอย่างที่ดีอะไรขนาดนั้น ในความรู้สึกของหนูนะ หนูก็เลยรู้สึกเหมือนเดิมเลยค่ะ (หัวเราะ) เพราะหนูก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แล้วก็เป็นแบบนี้ต่อไปเหมือนเดิม
ช่วงระหว่างตอนที่เป็นไอดอล กับหลังจากที่แกรดฯ ชีวิตของมิ้มเปลี่ยนไปขนาดไหน
เปลี่ยนเยอะนะคะ เพราะก่อนหน้าที่จะเป็นไอดอล เราเจอกับแฟนคลับแค่บนหน้าจอ เจอกันเฉพาะตอนที่เขาพิมพ์มา เขาเห็นหนูแต่หนูไม่เห็นเขา แต่พอหลังจากที่มาเป็นไอดอล ก็ได้เดินทางไปเจอแฟน ๆ บ่อยขึ้น เยอะขึ้น
ยังได้ติดตามวงเดิมหรือติดต่อกับเพื่อน ๆ ในวงบ้างไหม
ติดตามค่ะ (หัวเราะ) ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดบ่อย ๆ
ซึ่งนั่นก็คือ #นาวลิ้มมิ้มเบ (นาวลิ้ม CM Cafe – มิ้ม -เบบี้ CM Cafe) นั่นเอง
ใช่แล้ว (หัวเราะ) มันเป็นชื่อแก๊งของหนูเอง มีกัน 3 คน แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่ออะไร แล้วชื่อนี้มันก็โอเค ดูเข้ากัน ไม่แน่ว่าถ้าเพื่อน ๆ แกรดฯ ออกมา ไม่แน่ จะตั้งชื่อวงว่า “นาวลิ้มมิ้มเบ” ก็ได้นะคะ ล้อเล่น (หัวเราะ)
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เมาท์นาวลิ้มกับเบบี้หน่อย
ถ้าให้เมาท์นะ หนูเมาท์นาวลิ้มได้เยอะกว่าเบบี้นะ เพราะว่าชวงนี้นาวลิ้มไม่หลับไม่นอน ! ชอบโทรมา ตี 2 – ตี 3 แล้วก็คุยกันไปจนถึงตีสี่ตีห้า ก็คือไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย ตื่นเก่ง โทรเก่ง
นาวลิ้มสายดีด
(ตอบทันที) ใช่ ! นางชอบโทรมาตอนกลางคืน แล้วหนูก็ไม่หลับไม่นอน แล้วก็คุย ๆ กันไป ถึงเช้าเลย (หัวเราะ)
แล้วเบบี้ล่ะ มีเรื่องให้เมาท์หน่อยมั้ย
เบบี้พูดไม่รู้เรื่องค่ะ (หัวเราะ) จะแบบว่ามีความบัก (Bug) เป็นบักของแก๊งสามคน เบบี้ก็จะมีความบั๊กสุด พูดไม่รู้เรื่องสุด ตอบคำถามไม่ตรงคำตอบสุก หนูว่าหนูเองก็ตอบไม่ตรงคำถามแล้วนะ แต่เบบี้ตอบไม่ตรงคำถามยิ่งกว่าหนูอีก (หัวเราะ)
พอมิ้มเป็นศิลปินเดี่ยว มีความเหนื่อยหรือต้องจัดการอะไรมากกว่าตอนเป็นไอดอลบ้างไหม
ก็ต้องจัดการมากกว่านิดหน่อยค่ะ อย่างเช่นว่าเวลาถือของ เราก็ต้องขนมาเอง เพราะว่าหนูก็ไม่ได้มี Staff ขนมาให้เหมือนเมื่อก่อน ก็เลยต้องทำเองคนเดียว แล้วก็เรื่องรับงานด้วย เวลารับงานก็ต้องสแกนเอาเอง ก็แอบยากนิดหนึ่ง
สแกนนี่คือยังไง
ดูว่าน่าไว้ใจไหม อันตรายหรือเปล่าน้า อะไรแบบนี้ (หัวเราะ)
มีศิลปินที่เป็นไอดอลหรือเป็นแรงบันดาลใจในการร้องเพลงบ้างไหม
มีนะ แต่หนูคงทำตามเขาไม่ได้ เพราะว่าเขาคนละแนวกับหนู หนูชอบ คิมแซจอง กับ แพ ซู-จี (อดีตสมาชิกวง Miss A) ซึ่งน้ำเสียงของหนูกับเขาไม่ได้ใกล้เคียงกันเล้ย (หัวเราะ) เอามาเป็นเยี่ยงอย่างไม่ได้ แต่ว่าหนูชอบสองคนนี้มาก ๆ
นอกจากเสียง ชอบทั้งสองคนนี้เพราะอะไรอีก
เพราะว่าเขาสวย (หัวเราะร่าเริง) อย่างแรกเลย หนูชอบซูจีเพราะว่าสวยค่ะ ตั้งแต่ที่เขาอยู่วง Miss A แล้วก็ไปเล่นซีรีส์ เราก็ตามมาตลอดใช่มั้ยคะ แล้วเขาก็ออกมาทำอัลบั้มเดี่ยวคนเดียว แต่ว่าถ้าเป็น คิมแซจอง หนูติดตามเพราะว่าเขาออกรายการ Produce 101 ตอนแรกหนูไม่ได้ดูหรอก แต่แฟนคลับดูแล้วก็มาแนะนำหนู มาทักว่า เฮ้ย มิ้มหน้าคล้ายกับคนนี้เลย หนูก็เลยไปดู แล้วก็รู้สึกว่าชอบเขา เพราะว่าเขาร้องเพลงเก่ง เต้นเก่ง
แน่นอนว่าตอนที่เป็นไอดอล ก็ย่อมจะมีแฟนคลับ แต่พอแกรดฯ ออกมา มันก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีแฟนคลับบางส่วนที่ไม่ได้ตามต่อ มิ้มรู้สึกหรือมองเรื่องแบบนี้ยังไงบ้าง
หนูรู้สึกงงเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) หนูก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอ่ะ เพราะว่าหนูเองก็ยังร้องเพลง ยังเต้นให้ทุกคนดูเหมือนเดิม แล้วทำไมไม่อยู่กับหนูแล้วล่ะ อะไรแบบนี้
เคยลองคิดบ้างไหมว่าน่าจะเป็นเพราะอะไร
อาจจะเป็นเพราะว่า ตอนที่เราอยู่รวมกันเป็นวงไอดอล มันอิมแพ็กกว่าตอนที่เราอยู่คนเดียว
เขาเลือกที่จะตามทั้งวงไปด้วย
ใช่ เลือกที่จะตามวง พอเราไม่ได้อยู่ในวง เขาก็อาจจะไม่ได้ตามเราแล้ว แต่คนที่ยังคงตามเราอยู่ก็ยังมีค่ะ ยังพอมีให้ชื่นใจ
มิ้มได้พอรู้บ้างไหมว่าแฟนคลับเขาพูดว่าไงกันบ้าง หลังจากที่มิ้มตัดสินใจแกรดฯ ออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว
……………….(เซนเซอร์)…………………….อันนี้อย่าเอาออกเลยค่ะ (หัวเราะ)
ตอนที่อยู่ในวง เขาก็จะบอกว่า เห็นหนูทำทุกอย่างเลย เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็มีคนทำแทนแล้ว นั่นก็คือนาวลิ้ม (หัวเราะ)
ได้ยินมาว่ามิ้มเองตอนนี้ก็เป็นครูสอนร้องเพลงด้วย มันเริ่มต้นมายังไง
มาจากที่หนูได้ไปเรียนร้องเพลงก่อน แล้วหนูก็เรียนไปประมาณ 2 เดือนมั้งคะ เพื่อที่จะไปประกวด The Star หนูก็ไป The Star แต่ว่ายังไงก็ไม่รู้ ก็ไม่ได้ แต่ว่าได้โฆษณาแทน เพราะเขาเห็นหนู เขาก็เลยเรียกไปแคสต์โฆษณา หนูก็เลยเลิกเรียนไป แล้วครูที่สอนร้องเพลงเขาก็โทรกลับมาว่า สนใจมาสอนไหม ก็เลยคิดว่าลองดูก็ได้ แล้วครูเขาก็เทรนให้หนูสอนให้เป็น
แล้วทำไมถึงอยากเป็นครูสอนร้องเพลง
เด็ก ๆ น่ารักค่ะ (หัวเราะ) ชอบเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ แบบว่าเกาะเป็นลิงเลย
ก็คือเน้นสอนเด็ก
ใช่ค่ะ เน้นสอนเด็กเป็นหลัก แต่ก็มีสอนผู้ใหญ่ด้วย
ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่แตกต่างกันยังไงเวลาเรียนร้องเพลง
ต่างกันมากค่ะ อย่างเด็ก ๆ ก็จะเล่นเยอะ มีเวลาโฟกัสนิดเดียว เพราะส่วนใหญ๋จะไปโฟกัสที่การเล่น (หัวเราะ) แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ความยากก็คือ เขาจะโตกว่า แล้วก็มีอีโก้ จะมีความแบบว่า “เธอรู้จริง ๆ เหรอ” อะไรแบบนี้
ถ้าผู้ใหญ่ที่เขาดื้อมาก ๆ ก็ต้องทำให้ดู หรือไม่ก็วาดให้ดู ให้เห็นว่า คอต้องเปิดประมาณนี้ ลิ้นต้องอยู่ตำแหน่งนี้นะ เขาถึงจะเข้าใจ
ซึ่งหนูว่ายากกว่าสอนเด็กนะ อย่างเด็ก ๆ ก็จะสอนไปเล่นไป
การเรียนการสอนร้องเพลงของครูมิ้มเป็นแบบไหนนะ
การเรียนการสอนของหนูส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นทฤษฏีค่ะ ก็คือเราจะแก้ปัญหาจากปัญหาของตัวนักเรียนเอง เช่น นักเรียนบางคนที่ร้องเพลงแล้วเสียงแบน จะต้องทำยังไง หรือพี่ทำเสียงสูงไม่ได้ มีวิธีการยังไงถึงจะแก้ไขปัญหาได้ จะเน้นวิธีการแก้ปัญหาซะมากว่า
แล้วถ้ามีสักคนอยากเรียนร้องเพลงกับครูมิ้ม เขาต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
อุ๊ย…ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลยค่ะ ง่ายมาก ๆ (หัวเราะ) แค่เข้ามาในเพจ Vocal Lab นะคะ มีเรียนออนไลน์ด้วย สอนสดด้วยค่ะ
ประสบความสำเร็จแล้วด้วยหนึ่งคน จากที่ร้องไม่ได้เลย ตอนนี้คือร้องดีมาก ๆ เลย (ยิ้ม) จนหนูต้องมานั่งคิดว่าจะสอนอะไรดีน้า เพราะเขาเก่งแล้ว
การร้องเพลงในวงไอดอล และการเป็นศิลปินเดี่ยวนี่มันต่างกันยังไงบ้าง
ต่างค่ะ เพลงของวงไอดอลส่วนใหญ่จะเป็นเพลงให้กำลังใจ เฮ้! ๆๆๆ ใช่มั้ยคะ แต่ว่าเพลงของศิลปินเดี่ยวอย่างที่หนูออกมาทำเอง มันก็จะมีหลายแบบ หลายอารมณ์ มันต้องใช้อารมณ์ในการร้องไปด้วย ต้องมีอารมณ์ร่วมกับเพลง อย่างเช่นเพลงเศร้า ก็ต้องเศร้าหน่อย เพลงที่สดใสเราก็ต้องแฮปปี้ แต่เพลงของไอดอลส่วนใหญ่ก็จะเป็นโทนเดียวกันไปซะหมดเลย เลยไม่จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์อะไรเท่าไหร่ ยิ้มอย่างเดียวทั้งเพลง (ยิ้ม)
ในมุมหนึ่ง คนที่อาจจะไม่ได้เป็นแฟนคลับ หรือไม่ได้ติดตามวงไอดอล บางส่วนก็จะมองว่า วงไอดอลก็คือกลุ่มผู้หญิงที่ขายความน่ารักสดใส แต่ฝีมือการร้องเพลงอาจจะคนละเรื่อง มิ้มคิดยังไงกับเรื่องนี้
จริง ๆ ก็มีคละ ๆ กันไปนะคะ บางคนก็เน้นที่อิมเมจ หน้าสวยเลย แต่การเต้นการร้องอาจจะไม่ค่อยเก่ง แต่บางคนร้องเก่งมาก เต้นเก่งมาก
หนูรู้สึกว่าวงการไอดอลก็คือการคละ ๆ กันไปแบบนี้นี่แหละค่ะ ตัวหนูเอง หนูว่าก็ไม่ได้น่ารักขนาดนั้น (หัวเราะ)
แต่บางทีในมุมของแฟนคลับเองก็จะรู้สึกว่า คนที่เก่งร้อง เก่งเต้นอาจจะไม่ได้โอกาสเท่ากับคนที่อิมเมจดี ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดนะ แต่โอกาสก็เหมือนว่าจะไม่เท่ากันจริง ๆ
ถ้าส่วนตัวหนูนะคะ สำหรับบางวง หนูก็เห็นว่าเขาเองก็มีดี แต่ไม่ได้รับโอกาสในการโชว์เลย แต่ว่าแต่ก่อนที่หนูอยู่ในวง เขาก็จะให้หนูออกมาอยู่ข้างหน้าเลยค่ะ โชว์เลย ทำได้ก็ทำเลย ใครเด่นเรื่องไหน ทำอะไรได้ก็ขึ้นไปเลย ดูแลเรื่องนั้นไปเลย
ส่วนคนที่ร้องไม่ได้ เต้นไม่ได้ก็อยู่ข้างหลังเลยค่ะ ไม่ได้ออกเลยค่ะ สวยก็สวยเถอะ อยู่ข้างหลังเลยค่ะ
มุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ของหนู ก็เลยอาจจะต่างไปจากวงอื่น ๆ
ติดตามผลงานของ MYMMIM ได้ที่ Facebook @Mymmim.official
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส