เป็นหนังน้อยเรื่องครับที่เข้าไทยมาแล้ว ทีมงานไม่พยายามคิดสรรค์ชื่อเรื่องประหลาดๆใส่คำซ้ำซาก มฤตยู,มหากาฬ,ระห่ำ,ทมิฬ ขายชื่อ”สปาย”กันตรงๆเลยง่ายดี
ตัวอย่างหนัง นำเสนอตัวเองในภาพหนังตลกขาย เมลิสซ่า แมคคาร์ธี ดาราหญิงร่างอ้วนขายดีของยุคนี้ แต่พอดูเข้าจริงค่อนข้างผิดคาดหลายอย่าง อย่างแรกคือเนื้อหาซีเรียสจริงจังกว่าที่คิดทั้งเรื่องและภาพ พล็อตตั้งใจล้อเลียน เจมส์ บอนด์ อย่างเปิดเผยตั้งแต่เครดิตต้นเรื่อง พล็อตหนังมาง่ายๆ ในสไตล์สายลับ ซีไอเอตามล่าหัวรบนิวเคลียร์ ที่กำลังถูกส่งต่อให้นายหน้า และนายหน้ากำลังจะขายให้กับผู้ก่อการร้ายที่จะเอาไปถล่มนิวยอร์ค ถึงแม้พล็อตดูพื้นๆ แต่กลับมีทั้งการตายของตัวละคร ซ้อนแผน หักหลัง รวมถึงหักมุมในตอนท้าย ไม่ซับซ้อนมากมายนักดูเข้าใจง่ายๆ แต่ภาพที่ออกมารุนแรงกว่าที่คิดเกินขีดหนังตลกนะ ยิงกันตายเยอะมาก แต่ละตัวตายโหดๆ เอาปืนจ่อกบาล ตกตึกไส้ไหลยังเงี้ย เสียบมีดทะลุฝ่ามือแล้วดึงออกช้าๆ เสียวมาก ทำใจก่อนดูไว้เลยนะว่ามีภาพค่อนข้างโหดเลยล่ะ อีกอย่างที่ผิดคาดคือบท ซูซาน คูเปอร์ ตัวหลักของเรื่อง เห็นในตัวอย่างว่าเธอดูโง่ๆ เซ่อๆ แต่เอาเข้าจริงแล้ว บทซูซาน คูเปอร์ของเธอเป็นสายลับที่เก่งเลยล่ะ แต่ไม่ได้ขายบุคลิกด้านนี้ของเธอในตัวอย่างหนัง ซูซาน เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยของสายลับ เธอประจำการอยู่ในซีไอเอสำนักงานใหญ่ คอยเป็นหูเป็นตาให้กับสายลับที่ออกภาคสนาม เธอผ่านการฝึกมาเป็นสายลับเหมือนกับสายลับทุกคนแต่ด้วยรูปร่างของเธอทำให้เธอถูกนั่งประจำออฟฟิศกว่าสามปี และสามปีในการทำหน้าที่ผู้ช่วยทำให้เธอรู้งานภาคสนามเป็นอย่างดี และความเก่ง มีไหวพริบ รอบคอบ ของเธอที่ผิดกับภาพลักษณ์เนี่ยล่ะ กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังสนุก เพราะคู่ต่อสู้มักจะประมาทเธอ บทซูซาน นั้นเก่งในการต่อสู้ประชิดตัว และเป็นวิชาป้องกันตัวสไตล์ฟิลิปิโน ที่เมลิสซ่าต้องเรียนกับครูฝึกส่วนตัวอยู่นานก่อนเข้าฉาก ถ้าได้ไปดูเน้นให้จับตาดูฉากต่อสู้ในห้องครัวครับ ที่เธอต่อสู้กับนักฆ่าหญิง ฉากนี้เล่นยาวเล่นกันแรง และประยุกต์อุปกรณ์รอบตัวมาเป็นอาวุธ ฉากนี้ทีมงานตั้งใจกันมากครับ ซ้อมล่วงหน้าก่อนถ่ายทำกันเป็นสัปดาห์กว่าจะได้อย่างที่เห็น
ถึงแม้ spyจะเป็นหนังแอ็คชั่นคอมมีดี้เรื่องที่สองของเมลิสซ่า แล้วก็ตาม แต่เรื่องนี้เธอได้โชว์ฉากแอ็คชั่นมากกว่าคราวก่อนใน the heat(2013) ที่เธอประกบคู่กับ แซนดร้า บูลล็อค(หนังฮิตม้ามืด ทุน 43 ล้าน กวาดไป 229 ล้านเหรียญเป็นหนังสนุกครับ) ผลงานเขียนบท-กำกับของ พอล ฟิก คนเดิมเช่นกัน ที่เป็นคนดัน เมลิสซ่า ให้ดังจาก bridesmaids (2011)ผลงานร่วมงานด้วยกันครั้งแรกของเมลิสซ่า กับผู้กำกับ พอล ฟิกคนนี้ จนเรื่องนี้ก็เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ทั้งคู่ร่วมงานกัน และแน่นอนว่าจะต้องเป็นความสำเร็จอีกครั้งในเครดิตของ พอล ฟิก
มุกตลกของหนัง จะเป็นมุกในบทสนทนา มุกตลกสถานการณ์ ที่ซูซาน โชว์เปิ่น หน้าแตกบ่อยๆ ครั้ง มุกแนวนี้ดูเป็นธรรมชาติและขายได้นานกว่าตลกท่าทางแบบ จิม แครีย์ หนังมีมุกยิงออกมาทุก5นาที มีเสียงหัวเราะในโรงเรื่อยๆ ครับ ทั้งขำเล็ก ขำใหญ่ แล้วแต่มุกไหนจะโดนใคร มีมุกเหลือจากตัวอย่างหนังอีกมาก บางมุกก็ยิงทิ้งยิงขว้าง อย่างฉากห้องทำงานของซูซานที่อยู่ในชั้นใต้ดินซอมซ่อ นั่งทำงานไปก็มีหนูไต่ ค้างคาวบินไปมาให้เห็นเรื่อยๆ คนเส้นตื้น ชอบหนังตลก น่าจะถูกใจเรื่องนี้เป็นพิเศษนะ
บทซีไอเอ ตัวเก๋าของ จูด ลอว์ และเจสัน สตาแธม ถูกใส่เข้ามาเป็นตัวเสริมช่วยดันเมลิสซ่าอย่างแท้จริง สลับกันโผล่หน้ามาไม่มากนัก ขณะที่บทซูซาน คูเปอร์ ครองเวลาบนจอยาวนานที่สุด กับมิแรนด้า ฮาร์ท ในบทแนนซี่ เพื่อนสนิทของซูซาน ในมาดหญิงตัวสูงท่าทางเฉิ่มๆ บทของเธอเด่นประกบคู่กับเมลิสซ่าเกือบทั้งเรื่อง ก็เรียกเสียงฮาไปได้เยอะเหมือนกัน โรส เบิร์น ในวัย 36 กับบทตัวร้ายของเรื่อง บทเธอได้โชว์ชุดสวยหลากหลายมาก กล้องจับภาพเธอบ่อย ทำให้เห็นได้ชัดว่า โรส ดูโทรมลงไปมาก กับ 11 ปีที่แล้ว ที่ได้เห็นเธอครั้งแรกใน troy (2004) ยังดูน่ารักสาวใส ติดตาอยู่มาก ดาราฮอลลีวู้ดฝ่ายหญิงนี่ไปเร็วจริงๆ ดาราชายนี่คงกระพันกันทั้งนั้น
เป็นหนังสายลับที่ดูสนุก ได้ทั้งด้านแอ็คชั่น และขำไปกับมุกตลกที่คลอไปตลอดทาง ทุนสร้าง 65 ล้าน กำไรเละเทะแน่นอนครับ และอย่าเพิ่งเบื่อหนังสายลับนะครับ ปีนี้จะมีอีกเพียบ หลังจากดู kingsman:the secret service ไปแล้ว SPy มาแล้ว ต่อไปจะได้ดู the man from u.n.c.l.e. และ MI5:rogue nation และปิดท้ายด้วย spectre หนังเจมส์ บอนด์ ภาคใหม่อีก ปีแห่งหนังสายลับจริงๆ