ผ่านมา 6 ปีแล้ว เชื่อว่าแฟน ๆ หนังสุดมันส์ Edge Of Tomorrow ก็ยังคงตั้งตาคอยว่าเมื่อไหร่น้าจะได้ดูภาค 2 กันซักที ก็เป็นเรื่องน่าแปลกครับ ปกติแล้วหนังที่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ ทางสตูดิโอต้องรีบเข็นภาคต่อตามมาภายใน 2-3 ปีจากนั้นแล้ว Edge Of Tomorrow ใช้ทุนสร้างไป 178 ล้านเหรียญ ทำรายได้กลับมาเป็นกอบเป็นกำถึง 370 ล้านเหรียญ แต่ทำไมน้อจนป่านนี้ยังไม่มีข่าวคราวภาค 2 ออกมาเสียที
วันนี้มีข่าวดีแล้วครับ แล้วคนที่ให้ข่าวนี้ก็น่าเชื่อถือเสียด้วย เพราะมาจากปากของ เอมิลี บลันต์ นางเอกของเรื่องเองเลย ในช่วงนี้ เอมิลี บลันต์ กำลังเดินสายโปรโมตหนังใหม่ Wild Mountain Thyme ก็ต้องมีช่วงที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวด้วย หลังจบคำถามเกี่ยวกับหนังใหม่แล้ว นักข่าวก็เลยถือโอกาสนี้ถามข่าวคราวความเป็นไปได้ของ Edge of Tomorrow 2 ช่างเป็นคำถามที่เหมือนรู้ใจแฟน ๆ เสียจริง แล้วก็ได้คำตอบที่น่าตื่นเต้นเสียด้วย เพราะเธอได้อ่านบทภาพยนตร์ภาค 2 แล้ว และมันยอดเยี่ยมมาก ซึ่งนั่นแปลว่าโพรเจกต์มีความคืบหน้าถึงขั้นเขียนบทเสร็จแล้วด้วย ทางสตูดิโอก็อยากที่จะสานภาคต่อเต็มแก่แล้ว ตั้งชื่อภาคนี้ไว้แล้วด้วยว่า Live Die Repeat and Repeat ติดที่ประเด็นสำคัญว่าเมื่อไหร่ นักแสดงและผู้กำกับจะว่างเสียที
“ใช่บทภาพยนตร์มันทำให้โพรเจกต์มีความหวังขึ้นมาก และมันเยี่ยมมาก เยี่ยมจริง ๆ แต่ฉันก็ตอบไม่ได้นะว่าเมื่อไหร่ทุกสิ่งทุกอย่างจะพร้อมเข้าที่เข้าทาง คุณเข้าใจใช่มั้ย ปัญหามันอยู่ที่ตารางเวลาของพวกเรานี่แหละ มันจะต้องว่างตรงกันหมด แต่ตอนนี้ก็ตอบได้ว่าทุกอย่างกำลังเดินหน้าแล้วล่ะ ฉันอยากย้ำอีกครั้งว่า ไอเดียภาคนี้มันเยี่ยมยอดมาก เยี่ยมยอดจริง ๆ”
ปัญหามันก็เป็นไปอย่างที่เอมิลี บลันต์ กล่าวนั่นล่ะครับ เพราะบรรดาตัวหลัก ๆ ในเรื่องถือว่าตัวบิ๊กเบิ้มในฮอลลีวูดกันทั้งนั้น มองจากตรงนี้ยังไม่เห็นเลยว่าแต่ละคนจะว่างตรงกันได้เมื่อไหร่ เริ่มจาก ทอม ครูซ พระเอกของเรื่อง ตอนแสดงภาคแรกอายุ 51 ปี ตอนนี้ปาไป 58 ปีแล้ว พี่แกก็กำลังง่วนอยู่กับหนัง Mission: Impossible ที่รอบนี้พี่แกจะสร้างภาค 7 กับ ภาค 8 ต่อกันไปเลย แล้วผู้กำกับทั้ง 2 ภาคนี้ก็คือ คริสโตเฟอร์ แม็กควารี ซึ่งก็เป็นคนเขียนบท Edge Of Tomorrow ภาคแรกนั่นแหละ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เขียนบทภาค 2 นี้ แต่คริสโตเฟอร์ ก็จะกลับมาร่วมงานในฐานะผู้อำนวยการสร้าง
เอมิลี บลันต์ ซึ่งเป็นคนให้ข่าวนี้ เธอก็มีคิวต้องเดินสายโปรโมตหนัง A Quiet Place Part II ตั้งแต่ต้นปีหน้า จากนั้นก็เข้ากล้องหนัง The English และ Not Fade Away อีก 2 เรื่องนี่ก็ยาวเลย ส่วนผู้กำกับ ดัก ไลแมน จากภาคแรก ก็จะกลับมารับหน้าที่เดิม ซึ่งก็ต้องรอให้เขาจบโพรเจกต์ยักษ์ของยูนิเวอร์แซล ที่จะควงคู่ ทอม ครูซ ออกไปถ่ายทำหนังกันนอกอวกาศ ซึ่งก็ตรงกับที่ ดัก ไลแมน เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า เขาเองก็อยากจะกลับมากำกับ Edge of Tomorrow 2 แต่รอให้ ทอม ครูซ จบโพรเจกต์ Mission: Impossible 2 ภาคนั้นซะก่อน ตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ว่าโพรเจกต์หนังนอกโลกกับ Edge of Tomorrow 2 เรื่องไหนจะพร้อมเปิดกล้องก่อนกันนะ น่าดูทั้ง 2 เรื่องล่ะ มีข่าวคราวคืบหน้าจะรีบมารายงานให้ทราบกันครับ