สำหรับแฟน ๆ ของมาร์เวลและเป็นสมาชิกของสตรีมมิง Disney+ (แน่นอนว่าต้องไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ส่วนไทยนั้นตามข่าวลือล่าสุด อาจจะเปิดให้บริการช่วงกลางปี 2021) ก็เตรียมจะได้รับชมซีรีส์เรื่องแรกของ MCU ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ Kevin Feige (ไม่นับซีรีส์ของ Marvel Television อย่าง Agents of S.H.I.E.L.D. เป็นต้น) อย่าง WandaVision กันแล้ว ซึ่งซีรีส์จะมีทั้งหมด 9 ตอน ตอนละ 30 นาที (รวม End Credit) และจะปล่อยสตรีม 2 ตอนแรกให้ได้ชมก่อน หลังจากนั้นจะได้ชมทุกวันศุกร์ในแต่ละสัปดาห์ถัดไป
สำหรับคนที่กังวลว่าซีรีส์จะเน้นตลกแบบซิตคอมและไม่ได้มีฉากแอ็กชันมากนัก จากสัมภาษณ์ล่าสุดของ นักแสดง Paul Bettany ผู้รับบท Vision ก็ยืนยันว่าซีรีส์จะมีส่วนผสมของแอ็กชันอย่างที่เราคุ้นเคยกันมาในหนัง MCU อย่างแน่นอน โดย Bettany ให้สัมภาษณ์เอาไว้ระหว่างไปออกรายการ Jimmy Kimmel Live! ว่า
ในซีรีส์ เราเคลื่อนผ่านหลายยุคหลายสมัยและรูปแบบของซิตคอมหลายแนวมาก แต่รู้อะไรไหม ในตอนจบพวกคุณจะได้เห็นหนังแอ็กชันจัดเต็มตามสไตล์หนังจากจักรวาลมาร์เวลอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้เขาก็ยังได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บ Total Film ด้วยว่า หนังเรื่องนี้ใช้วิชวลเอฟเฟกต์มากกว่าหนังอย่าง Avengers: Endgame (2019) เสียอีก
ผมคิดว่ามันจะทำให้เราทุกคนเห็นจักรวาลหนังมาร์เวลในทิศทางใหม่ มาร์เวลมักก้าวหน้าไปไกลเสมอ แต่ครั้งนี้เราก้าวไปไกลยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ มันมีฉากวิชวลเอฟเฟกต์มากกว่าที่เราเห็นใน Endgame ไม่ง่ายเลยว่าไหม?” Bettany เล่า
มันไม่ใช่ 6 เดือนที่เราถ่ายคนเดินลงไปในห้องโถงเดียวกัน Kevin Feige บอกชัดตั้งแต่แรกว่าซีรีส์เรื่องนี้จะแตกต่างมาก ๆ แต่ก็ยังมีความเป็นมาร์เวลเหมือนกับที่พวกเขาเคยทำมา เช่นจะมีฉากแอ็กชันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทำมา ” Matt Shakman ผู้กำกับของซีรีส์กล่าวเสริม
นักวิจารณ์กลุ่มแรกที่มีโอกาสได้ชม 3 ตอนแรกของซีรีส์ ก็ชื่นชมและให้คะแนนไปในทางบวกเกือบทั้งหมด พร้อมกับบอกว่า WandaVision สร้างความแปลกใหม่ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกับหนังฮีโรมาร์เวลเรื่องก่อน ๆ ซึ่งก็ทำให้น่าติดตามมาก และหลายเสียงก็ชื่นชมเรื่องการแสดงของนักแสดงนำ Elisabeth Olsen ว่าทำหน้าที่ได้ดี และด้านล่างนี้คือคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์และสื่อที่ได้ชมไปก่อนแล้ว
Steven Weintraub จาก Collider: ผมได้มีโอกาสชม 3 ตอนแรกของซีรีส์ WandaVision แล้วและผมรักวิธีการนำเสนอที่พวกเขาทำกับซีรีส์มาก เหตุผลที่ MCU ประสบความสำเร็จตลอดมา ต้องยกเครดิตให้ความเป็นผู้นำที่น่าทึ่งและกล้าได้กล้าเสียของ Kevin Feige ตัวซีรี่ส์ทั้ง 3 ตอน ยาวตอนละครึ่งชั่วโมง รวมกันเป็นชั่วโมงครึ่ง และมันเป็นจุดเริ่มของความสนุกเท่านั้น (ซีรี่ส์มีทั้งหมด 9 ตอน)
Eric Goldman จาก Fandom: ผมได้ดูตอนแรกแล้วและติดแหงกเลย ถ้าคุณไม่ค่อยชอบหนัง/ซีรีส์ฮีโร่ที่ให้ความรู้สึกเดิม ๆ เรื่องนี้คือคำตอบ มันน่าติดตามและสนุกมาก ๆ จนอยากดูเต็มซีซันแล้ว การคัดเลือกนักแสดงก็ทำได้ยอดเยี่ยม Elizabeth Olsen โดดเด่น ถ้าพวกเวทีรางวัลต่าง ๆ นับรวมหนังฮีโรด้วย เธอคงได้เข้าชิงรางวัล Emmy แน่ ๆ WandaVision คือการกลับมาของ MCU ที่พิสดาร แน่นอนว่าบางคนอาจต้องปรับตัวกับมันหน่อย เพราะมันไม่ใช่ซีรีส์ฮีโร่แบบเดิม ๆ
James Viscardi จาก Comicbook: WandaVision ต้องการจะเสิร์ฟมุมมองใหม่ ๆ ให้กับงานของ MCU และมันทำได้สำเร็จ ความเป็นซิตคอมของมันทำให้ทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงจัง และน่าจับติดตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ วิธีที่ WandaVision เล่าในเรื่องที่ทั้งสมเหตุสมผลกับที่บ้า ๆ บอ ๆ มันทำให้การดูซีรีส์ตลอดทั้ง 3 ตอนมันสนุกมาก ๆ มีทั้งความตลก, ดราม่า และความน่าสงสัยให้ได้ชมกันตลอดครึ่งชัวโมงเลย และผมว่าเขาคิดถูกแล้วที่ออน 2 ตอนแรกพร้อมกัน เพราะมันเป็นการเซ็ตอัปเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นทั้งซีซัน
Griffin Schiller จาก FilmSpeak: ไม่มีคำพูดอื่นใดนอกจากยอดเยี่ยมมาก เป็นซีรีส์ Marvel ที่กล้าหาญและแปลกใหม่ที่สุดแล้ว ต้องขอยกเครดิตให้กับบทของ Jac Schaeffer ที่ทั้งฉลาด เฉียบคม และมีไหวพริบ รวมทั้งการแสดงของ Bettany และ Olsen ที่ดีมาก รายละเอียดยิบย่อยของพวกอุปกรณ์ประกอบฉากที่ทีมงานใส่ใจ ทำให้มันเป็นซิตคอมคลาสสิกออกมาได้อย่างน่าทึ่ง นี่เป็นหนึ่งในผลงานจาก MCU ที่ชอบที่สุดของฉัน และเกือบลืมไป Kathryn Hahn โดดเด่นและแย่งซีนมาก
Charles Murphy จาก Murphy’s Multiverse: WandaVision เป็นการกลับมาอีกครั้งของ Marvel ที่สมบูรณ์แบบ ถ้า Marvel มาทางนี้ แฟนคงปลื้มไปอีกนาน Paul Bettany แสดงตลกได้ A+ เลย ไมว่าจะตลกแบบ Corny Joke หรือแบบ Slapstick พี่แกเก็บหมดทุกเม็ด ส่วน Elizabeth Olsen เหมือนเพชรที่ในที่สุดก็ถูกเจียระไนและได้ส่องประกาย Feige, Matt Shakman (ผู้กำกับ) และ Jac Schaeffer (ผู้เขียนบท) สมควรได้รับคำชื่นชมมาก ทุกรายละเอียดของหนังและการตัดสินใจดูน่าเชื่อถือ พวกคุณมากถูกทางแล้ว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส